ติช่า Call Out ครั้งแรก หดหู่เห็นคนเดือดร้อนกับตา ชาวเน็ตจวกไม่เจอกับตัวไม่รู้สึก
ติช่า Call Out ครั้งแรก แจงเหตุผลออกมาพูดช้า หดหู่เห็นคนเดือดร้อนด้วยตาตนเอง ชาวเน็ตจวก เพิ่งรู้เหรอว่ามีปัญหา ถ้าไม่เจอกับตัวคงไม่ออกมาพูด
นางแบบสาว ติช่า กันติชา หรือ ติช่า เดอะเฟซ ออกมา Call Out เป็นครั้งแรก หลังเจอปัญหาคนเดือดร้อนจากโควิดด้วยตาตนเอง จากการลงพื้นที่ไปช่วยเหลือแจกของตามชุมชนต่างๆ โดยก่อนหน้านี้เธอโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก กรณีออกมาโต้กลับชาวเน็ตที่เรียกร้องให้ดาราออกมา Call Out ใช้เสียงให้เป็นประโยชน์เพื่อประชาชน แต่เธอมองว่าการกดดันให้แสดงความคิดเห็นเป็นการกระทำที่ตรงข้ามกับคำว่าประชาธิปไตย และด้วยความที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดีพอจึงอยากศึกษาให้ดีก่อน
ล่าสุด ติช่า ได้โพสต์ข้อความยาวเหยียด ถึงเหตุผลที่เพิ่งออกมาพูดในตอนนี้ เกี่ยวกับสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้นในประเทศไทย แม้จะออกมาพูดช้าไป และอาจจะโดนวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง แต่เธอต้องออกมาพูดเพราะเจอกับตาตัวเองแล้วว่าสถานการณ์ตอนนี้แย่มาก
“สวัสดีค่ะทุกคน มันก็สักพักแล้วที่ช่า post ข้อความยาวๆ แบบนี้ หรืออาจจะเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ แม้แต่การเขียนตอนนี้ก็ยังรู้สึกประหม่า แต่มันเป็นสิ่งที่ค้างคาใจและอัดอั้นมาเป็นเวลานานแล้ว
ที่ช่าออกมา post ในวันนี้เพราะช่าอยากพูดเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองไทยตอนนี้ ไม่ใช่ในฐานะศิลปิน influencer หรือว่า “ดารา” แต่ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ช่าเข้าใจดีว่ามันอาจจะช้าไปมาก และยังไงก็จะมีคนมาวิพากษ์วิจารณ์กับการที่เพิ่งออกมา post ในครั้งนี้
ที่ช่าเงียบไปนานเพราะตอนนั้นติช่าไม่ได้มีความเข้าใจอย่างละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก และไม่อยากออกมาพูดในเรื่องที่เรายังไม่มั่นใจว่ารู้ดีพอหรือยัง ที่ผ่านมาช่าถูกวิจารณ์อย่างหนัก ทำให้ช่าทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะรับมือยังไงจนช่าเองก็สูญเสียความมั่นใจทำให้ไม่สามารถพูดสิ่งที่ควรพูดออกมาได้
ทำไมต้องพูดตอนนี้? เพราะว่าสถานการณ์ตอนนี่แย่มากๆ แย่จนทนไม่ไหวแล้ว
ที่ผ่านมาช่าได้ร่วมงานกับองค์กรหนึ่งและได้เจอกับคนมากมายที่ได้รับผลกระทบจากช่วงโควิด ทุกครั้งที่เข้าไปให้ถุงยังชีพก็ได้มีโอกาสพูดคุยฟังประสบการณ์ของพวกเขา ทั้งเด็กถึงผู้สูงอายุ
ที่พวกเขาน่าสงสารจริงๆ
จำได้ว่าไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาตอนที่ช่านำอาหารไปแจก ช่าได้เจอกับคุณยายที่อยู่คนเดียวในบ้าน คุณยายยกมือไหว้พร้อมน้ำตา คุณยายพูดว่า “ขอบคุณมากและขอให้มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามา” คุยกันสักพักเลยได้รู้ว่าคุณยายขยับตัวลำบากบริเวณร่างกายช่วงล่าง ลูกของเขาต้องทำงานหนักเป็นพิเศษช่วงโควิดเพราะว่าเป็นคนหารายได้ให้กับครอบครัว และด้วยความที่คุณยายเป็นผู้สูงอายุก็มีสิทธิ์เสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป ก่อนจากไปเราได้ถามเขาว่าต้องการอะไรอีกไหม คุณยายบอกว่าต้องการผ้าอ้อมสำหรับผู้สูงวัยเพราะว่าการไปห้องน้ำแต่ละครั้งมันยากลำบากมาก
และอีกหลายๆ บ้าน ในชุมชน ที่เมื่อคนหนึ่งติดเชื้อก็ต้องกักตัวทั้งบ้าน มันลำบากมากสำหรับคนที่หาเช้ากินค่ำ ไหนจะผู้ที่มีโรคประจำตัว และคนที่ไม่มีแม้แต่อะไรจะกิน
เหตุการณ์นั้นทำให้ช่ายิ่งรู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่าง หากเรายังมีกำลังอยู่เราก็อยากจะช่วย
การได้ทำแคมเปญ 19 บาท = หนึ่งมื้อ โดยการนำอาหารไปส่งให้ชุมชน ช่วยหาเตียงให้ผู้ป่วยที่ติดโควิด นำสิ่งของไปให้เด็กและผู้ป่วยที่โรงพยาบาล รวมถึงคนงานก่อสร้าง ทำให้ช่าได้เห็นกับตาตัวเองและเรียนรู้มากขึ้นกับสถานการณ์ต่างๆ และขณะที่คุณกำลังอ่านข้อความนี้อยู่ ทีมของเราก็เข้าไปช่วยชุมชนทุกวัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าการช่วยเหลือเหล่านี้มันก็ไม่เพียงพอ ทุกคนทำด้วยความเต็มที่และเต็มใจ
แต่ปัญหาจริงๆ มันอยู่ที่การจัดการกับสถานการณ์ตอนนี้ เพราะฉะนั้นมันเลยทำให้เราอยากจะลุกขึ้นมาพูด ถึงแม้ว่ามันอาจจะเสี่ยงในการถูกวิพากษ์วิจารณ์อีกรอบ แค่ตอนนี้ความอัดอั้นในใจมันมีมากกว่าความกลัวที่เคยมีมา
ตอนนี้ความเป็นอยู่ของประชาชนมันแย่มาก หลายๆ คนต้องเข้ามาช่วยกันเองเพราะการจัดการที่ไม่ดีของคนมีอำนาจไม่มีการควบคุมที่ดีสำหรับการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส เชื้อไวรัสเพิ่มขึ้นทุกวัน ไหนจะคนป่วยที่ต้องการเตียงอยู่มาก ไหนจะคนที่ไม่ได้รับการเยียวยา เช่น ธุรกิจที่โดนปิดไป คนที่ถูกออกจากงานโดยไม่มีเงินเก็บ และอีกหลายๆ คนที่ไม่สามารถหาที่รักษาแล้วต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน หรือแย่กว่านั้นถูกกักตัวอยู่ที่แคมป์ แล้วพวกเขาจะอยู่ได้ยังไงในความย่ำแย่แบบนี้?
ทุกวันนี้มีคนเขียนข้อความมาขอความช่วยเหลือเยอะมาก ทั้งเรื่องการติดโควิด หาเตียง แม่ขอเงินไปซื้อนมให้ลูกกินบอกว่าเค้าไม่เหลืออะไรจะสู้ต่อไปแล้ว ช่าใจสลายไปเลย มันหดหู่เหลือเกิน
ช่าหวังว่าคนที่มีอำนาจจะมีความรับผิดชอบอย่างจริงจังเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดของประชาชน
เข้าใจว่าสถานการณ์โควิดไม่มีใครคาดคิดและอยากให้เกิดขึ้น แต่นี่ก็ผ่านมาสองปีแล้ว ช่าหวังจริงๆ ว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้น ในวิกฤตแบบนี้ทำให้เห็นว่าผู้คนพร้อมจะช่วยเหลือกันและกัน ตั้งแต่คนด่านหน้าจนถึงประชาชนธรรมดาที่ร่วมด้วยช่วยกันเท่าที่เขาจะสามารถทำได้ ถ้าคุณเป็นหนึ่งในนั้น ความพยายามของคุณมันไม่เสียเปล่ามันุมีหลายๆคนรวมถึงเราด้วยที่รู้สึกขอบคุณและดีใจกับสิ่งที่คุณทำ
การร่วมมือของแต่ละคนสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ ไม่สำคัญว่าจะมากหรือน้อย การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงคือ ณ เวลาที่คุณตัดสินใจที่จะเปลี่ยนอะไรสักอย่างให้ดีขึ้นต่อจากนี้ใครเห็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ สามารถ commentหรือ แชร์ ข้อมูลกันได้นะคะ ขอไม่หยาบคายนะคะส่วนช่าเองก็จะทำหน้ำที่ของตัวเองต่อไป
ช่าจะใช้เสียงของตัวเองให้มากขึ้นกับสิ่งที่เราเห็นว่าควรและเข้าใจค่ะ
สุดท้ายนี้ สำหรับคนที่คอยชัพพอร์ตและใจดีกับช่ามาตลอด ช่าอยากจะบอกว่าขอบคุณมากมันมีความหมายมากจริงๆ ดูแลตัวเองนะ”
ภายหลังจากที่เธอได้โพสต์ข้อความไป ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชี่ยล จนเกิดแฮชแท็ก #ติช่า ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์อีกครั้ง อาทิ มา Call Out ในวันที่ตัวเองเดือดร้อนเพราะเจอกับตัวเอง ไม่ได้ช้า แต่ไม่มีค่าแล้ว, ประเทศพังมา 7 ปี เชื้อโควิดเข้ามา 2 ปี แต่บอกว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เพิ่งมารู้ความทุกข์ของประชาชน ปัญหามันมีมานานแล้ว เพราะโดนมากับตัวไม่มีงานเลยไม่ไหวต้องออกมาพูด, ในวันที่ตัวเองไม่เดือดร้อนไม่เคยให้ความสนใจกับสังคม แต่พอตัวเองเดือดร้อนก็ออกมา Call Out ไม่อินค่ะ แต่ก็มีบางส่วนเข้าไปให้กำลังใจในอินสตาแกรมส่วนตัวของเธอว่า ดีใจที่ออกมาพูด ช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร รักติช่า ชื่นชมในความมีน้ำใจ ทำดีที่สุดแล้ว
ดูข่าวต้นฉบับ
ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6551564
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6551564