เต้ ดาวิชญ์ กลับมาแล้วหลังหายหน้า ประเดิมคู่จิ้น #เต้สิง พร้อมสาดความฟิน
หายหน้าไปนานพอสมควรจากวงการบันเทิง สำหรับ เต้ ดาวิชญ์ กรีพลฤกษ์ หนุ่มมาดเข้มลุคละมุน ที่แจ้งเกิดจาก “เดือนเกี้ยวเดือน เดอะซีรีส์” (2Moons The Series) ซีรีส์บอยเลิฟที่สร้างจากนิยายออนไลน์ชื่อดัง กระทั่งมาเป็นบอยแบนด์วงดัง ก่อนที่จะขอแยกตัวไปทำตามความฝันด้านการแสดง
ซึ่งที่ผ่านมา เต้ ได้มีผลงานการแสดงให้แฟนๆ ได้ติดตามมาเรื่อยๆ ก่อนที่จะเงียบไปสักพัก เนื่องมาจากช่วงโรคระบาด งานทุกอย่างที่เคยมีจึงหยุดชะงักลง ทำให้ไม่ค่อยได้เห็น เต้ ได้บ่อยเหมือนเมื่อก่อน
และล่าสุดแฟนๆ ก็แฮปปี้อีกครั้ง เมื่อ เต้ ได้ตกปากรับคำเล่นซีรีส์เรื่อง ใส่รักป้ายสี (Paint with Love) ซีรีส์วายคุณภาพสุดฟินแห่งปีของ POPS Original ที่นำเค้าโครงเรื่องมาจากนิยายวายชื่อดังในชื่อเดียวกันของนักเขียน Indigo มาทำเป็นซีรีส์แนวโรแมนติก คอเมดี้ โดยเป็นการประกบคู่กันครั้งแรกระหว่าง เต้ ดาวิชญ์ กรีพลฤกษ์ ที่โคจรมาพบกับเจ้าพ่อซีรีส์วายเมืองไทยอย่าง สิงโต ปราชญา เรืองโรจน์

กลับมาเล่นซีรีส์วายอีกครั้งหลังห่างหายไปนาน
เต้ ได้เปิดใจถึงการกลับมาเล่นซีรีส์ให้ บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ ฟังว่า ตอนนี้ได้กลับมาถ่ายละครเหมือนเดิมแล้ว หลังจากที่หยุดพักไป เนื่องจากช่วงล็อกดาวน์ และยังบอกอีกว่า แฟนๆ ดีใจมาก เพราะช่วงที่ผ่านมาไม่ได้ทำงานในวงการบันเทิงเลย แต่จะไปดูแลธุรกิจร้านอาหารที่ขอนแก่นซะส่วนใหญ่
“ซีรีส์เรื่อง ใส่รักป้ายสี สนุกดีครับ และก็ท้าทายมากๆ เพราะว่าคาแรกเตอร์ไกลจากที่เคยเล่นมากพอสมควรเลยครับ เพราะเป็นคอเมดี้ สนุก และเฮฮากันในกองด้วยครับ ที่บอกว่าห่างไกลจากที่เคยเล่นมา เพราะคาแรกเตอร์เรื่องนี้กวน ไม่สนใจโลกเลย คือเป็นติสต์มากๆ ผมเล่นเป็น ภาพ ครับ เป็นศิลปิน นักวาดรูป ตัวตนในเรื่องเป็นคนไม่มีระเบียบ ทำตามอารมณ์มากๆ และมั่นใจว่าเป็นคนถูกเสมอ ไม่แคร์สื่อ
ถามว่ายากมั้ย ก็มีทั้งยากและไม่ยากครับ ส่วนที่ยากจะเป็นคาแรกเตอร์ที่ความคิดของตัวละครเหมือนต้องเรียบเรียงใหม่ แล้วก็ต้องทำความเข้าใจมากพอสมควรเลย จริงๆ บทมันดูคอเมดี้ แต่คาแรกเตอร์มันค่อนข้างยากสำหรับ เต้ ครับ
ต้องคิดว่าคนแบบนี้เขาคิดอะไรอยู่ กว่าเราจะเข้าใจวิธีคิดของตัวละคร พี่ผู้กำกับ พี่แอ็กติ้งโค้ชเขาต้องทำการบ้านด้วยกันมากพอสมควร
เรื่องนี้ผมเปลี่ยนลุคเป็นหนุ่มเซอร์เลยครับ อยากเป็นมานานแล้ว ชีวิตจริงค่อนข้างเซอร์ครับ ตัวตนจริงๆ ไลฟ์สไตล์ก็ค่อนข้างคล้ายกันครับ ไม่ค่อยจะดูแลตัวเอง เป็นคนแต่งตัวง่ายๆ เซอร์ๆ อยู่แล้ว ไว้หนวด ไว้เครา ผมยาวมาเลย”

โคจรมาร่วมงานกับ สิงโต ปราชญา เป็นครั้งแรก
เต้ บอกว่า เรื่องนี้เป็นการโคจรมาเล่นกับ สิงโต ปราชญา เป็นครั้งแรก เพราะที่ผ่านมาเคยเจอกันผ่านๆ ตามงานเท่านั้น
“ก็เข้าขาอยู่นะครับ คือต้องบอกว่าด้วยเวลาเท่านี้ ไม่คิดว่าจะเข้าขากับเขาได้เร็วขนาดนี้ ไม่คิดว่าเราจะจูนกันได้เร็ว เพราะว่าเราไม่เคยเจอกันมาก่อน ไม่เคยรู้จักหรือสัมผัสกันมาก่อน มาเจอกันตอนเวิร์กช็อป ได้คุยกัน แล้วรู้สึกเรามีอะไรหลายๆ อย่างคล้ายกัน มีเรื่องให้เชื่อมกันได้ครับ สิงโต เขาเคยเรียน ม.เกษตร ด้วย อยู่คณะใกล้ๆ กัน ไลฟ์สไตล์ใกล้ๆ กันหลายอย่าง น้องเขาก็ชวนเล่นเกม”
“ในเรื่องนี้ ผมกับสิงโต คาแรกเตอร์ต่างกันคนละขั้วเลยครับ บทของ ภาพ กับ เมฆ นี้ต่างกันคนละขั้วมากๆ ของผมนี้จะติสต์มากๆ ส่วนของ สิงโต บทของเขาจะเป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่ เนี้ยบและเพอร์เฟกต์มาก ต้อมีตารางชีวิต พอเราได้มาเจอกัน ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป๊ะอะไรขนาดนั้น แล้วคนละขั้วมาเจอกัน”
“ในเรื่องนี้ ผมว่ามันมีความหยิกหยอกกัน คุณซ้ายจัด ผมขวาจัด เราก็ได้เรียนรู้ขั้วตรงข้ามของกันและกันว่าจริงๆ เขาก็มีดีนะ และทำให้เราได้เรียนรู้ เป็นคนที่ดีขึ้น ผมว่าความน่ารักมันอยู่ตรงนี้ครับ”
“การทำงานในกองถ่าย พาร์ตที่สนุกคือสนุกมาก แบบชนิดที่ว่าทุกคนหลุดฮา เอนเตอร์เทนกันเอง แต่ที่เครียดน่าจะเป็นเรื่องระยะเวลาการถ่ายทำมากกว่าครับ เพราะตอนนั้นมันมีเคอร์ฟิวใช่มั้ย เขาก็กำหนดให้ถ่ายทำได้แค่เท่านี้ๆ นะ มันบีบเรื่องเวลามากกว่า ที่ทำให้เราเครียด ถ่ายไปต้องดูเวลาไป เพราะตัวซีรีส์มันมีแต่ความฮา เป็นคอเมดี้ด้วย”
“ผมอยากเชิญชวนทุกคนเลยครับ เป็นครั้งแรกของผมที่ได้มาร่วมงานกับ คุณสิงโต อยากฝากให้ทุกคนได้มาดูกัน ถ้าใครเครียดๆ อะไรก็มาดูซีรีส์เรื่องนี้ได้นะครับ ได้ความสนุก ผ่อนคลาย ครบทุกรสแน่นอนครับ มาดูความน่ารักของ คุณภาพ กับ คุณบอส นะครับ ว่าจะกัดกันยังไง (หัวเราะ) ออนแอร์ทางแอปพลิเคชัน pops original และทางช่อง 3 นะครับ”

ประกวดหนุ่มคลีโอปีเดียวกับ ดีเจพุฒ
“วันแรกเริ่มเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงของผม เริ่มต้นจากการเข้ามาแคสต์งานโฆษณา แต่ส่วนใหญ่ เต้ จะได้งานเดินแบบถ่ายแบบมากกว่า อาจจะเพราะเราตัวสูง คือจริงๆ ตอนที่เข้ามาทำงาน ผมไม่ได้คาดหวังอะไรเลยครับ มาทำเพราะอยากได้ค่าขนม
ตอนที่มีคนชวนไปถ่ายคลีโอ จากนั้นก็มีคนจาก M39 เขามาเห็นผมในคลีโอ แล้วรู้สึกว่าเราเข้ากับบทนี้มาก อันนั้นเลยเป็นผลงานการแสดงเรื่องแรกเลยครับชื่อเรื่อง มหาลัยเที่ยงคืน เล่นกับ มาร์กี้ ราศรี จากนั้นก็มีผลงานเรื่อยๆ ครับ
ตอนที่ผมมาเดินแบบแรกๆ ตอนนั้นอายุน่าจะประมาณ 20-21 ปีครับ ตอนนั้นไม่คิดว่าตัวเองจะแสดงได้ เพราะแค่ไปแคสต์โฆษณาเฉยๆ
ผมไม่เคยคิดในหัวเลยนะ ว่าอยากจะมาเดินแบบหรือทำงานในวงการบันเทิง เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะแสดงได้ ไม่เข้าใจและไม่รู้สึกด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ แต่ที่ไปเดินแบบตอนนั้น เพราะมีคนมาชวนไป เราก็แค่อยากได้ค่าขนมเท่านั้นเอง
งานนายแบบ ผมทำมาหมดเลยนะ ทั้งเดินแจกขนมตามห้าง ใส่ชุดคอสเพลย์ตามคอนเซปต์ของแต่ละงาน แต่ที่ชอบมากที่สุดคือได้เดินแบบในงานแฟชั่นวีก อันนั้นรู้สึกเท่มาก (หัวเราะ)”

“พอหลังจากเรียนจบ ผมก็ไปทำงานบริษัทเกี่ยวกับมาร์เก็ตติ้งครับ เพราะไม่คิดว่าจะได้ทำงานในวงการบันเทิงต่อ และตอนนั้นไม่รู้ด้วยว่า คลีโอ คือการประกวด คิดว่าไปถ่ายแบบเฉยๆ แล้วเขาก็มาบอกว่า เดี๋ยวจะประกาศผลแล้วนะ ให้ไปฟัง
คือเพื่อนผมอะ เขาทำงานที่นิตยสารคลีโอพอดี เขาก็มาบอกให้ผมต้องมาให้ได้นะ เพราะคะแนนโหวตมันติด 1 ใน 5 ผมก็งงว่าเป็นไปได้ยังไง แต่ก็ไปเพราะเกรงใจ และหลังจากนั้นก็ได้หนังเฉยเลย (หัวเราะ) ต้องขอบคุณพี่ๆ คลีโอมากๆ นะครับ ผมประกวดหนุ่มคลีโอปีเดียวกับ พี่ดีเจพุฒ ครับ”
“พอหลังจากประกวดแล้ว มีงานในวงการบันเทิงเข้ามา ก็ลาออกจากงานประจำ ก็คลานเข่าไปหาเจ้านายครับ เพราะเขาเพิ่งรับเข้ามาทำได้ปีกว่าเอง (หัวเราะ) เขาก็โอเค เอ็นดู ไม่ได้โกรธอะไร เหมือนเขาก็เข้าใจ เพราะมันเป็นโอกาสของเราด้วยครับ”
เดือนเกี้ยวเดือน พาเปลี่ยนชีวิต
“หลังจากที่ได้เล่นหนัง จากนั้นมาก็มาเล่นซีรีส์ เดือนเกี้ยวเดือน ก็ไม่คิดเหมือนกันว่า ซีรีส์เรื่องนี้จะทำให้ผมมีคนรู้จัก เรียกว่าชีวิตเปลี่ยนมาก เปลี่ยนแบบที่ไม่คิดเลยว่าจะมากขนาดนี้ มีคนชื่นชม พอลงเครื่องบินมีแฟนคลับมารอ ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมีโมเมนต์แบบนั้น แล้วเหมือนซีรีส์มันออนไปแป๊บเดียว แล้วเปลี่ยนเลยครับ
ครั้งแรกที่ไปเมืองจีน ลงเครื่องมาตกใจมาก อันนั้นคือชีวิตเปลี่ยนมากจริงๆ ไม่คิดว่าจะมีคนมาต้อนรับเราเยอะมากจริงๆ จากซีรีส์มา ก็ได้มาเป็นนักร้องในบอยแบนด์ เหมือนเขาให้เราไปลองเดบิวต์ เต้นและร้องดู ซึ่งจริงๆ เราเต้นไม่เป็นเลย สรีระเรามันเต้นยากมากครับ รู้สึกว่าไม่มั่นใจในสรีระตัวเองเลย แต่ก็ได้ทำอยู่ประมาณ 1-2 ปีได้ครับ
ซึ่งการร้องเพลงเนี่ย เต้ ไม่เคยร้องมาก่อนเลย เพราะตามจริง เต้ เล่นกีตาร์ ไม่ได้ร้อง สมัยเด็กๆ เต้ มีวงประกวด แต่เล่นกีตาร์นะ เขาก็ให้ไปเรียนร้องและเรียนเต้นด้วย ตอนแรกก็ยากสุดๆ เพราะว่าไม่ได้มีพื้นฐานเลย”

ไม่ได้เซ็นสัญญาช่อง 3 อย่างที่คนเข้าใจ
“จริงๆ ยังไม่ได้เซ็นครับ คือเราได้โอกาสจากทางพี่ๆ ช่อง 3 ค่อนข้างเยอะ คนก็เลยเข้าใจว่าเซ็นสัญญาช่อง คือพี่ๆ เขาเอ็นดู ให้งานแสดง ให้ไปออกรายการของช่องทั้งหมด คนก็เลยคิดว่าเราเซ็นสัญญาแล้ว
แค่ตอนนี้ผมยังเป็นนักแสดงอิสระครับ เหมือนพี่ๆ เขาเอ็นดู ให้ไปขึ้นคอนเสิร์ตช่อง 3 ด้วย พอหลังจากมีซีรีส์มา ก็มีละครกับทางช่อง เราไปแคสต์ เขาก็ให้โอกาสได้เล่น”
เมื่อถามว่า พอเราเป็นนักแสดงอิสระแล้ว การทำงานเป็นยังไงบ้าง เต้ บอกว่า “การแสดง การทำงานมันก็ท้าทายมากขึ้นครับ เพราะว่าแต่ละครั้งที่ไปทำงานกับพี่ๆ เราอาจจะต้องปรับตัวอะไรหลายๆ อย่าง แต่ทุกครั้งมันก็ทำให้เราได้ประสบการณ์ในการทำงานครับ ตอนนี้ผมก็ยังทำงานไปเรื่อยๆ หาประสบการณ์ไปเรื่อยๆ แล้วแต่จังหวะของชีวิตครับ”
“ตัวตนจริงๆ ของเต้ ผมเป็นคนขี้เกียจแต่งตัว ไม่ค่อยชอบเจอคนเยอะๆ ชอบอยู่บ้าน เพราะเวลาเจอคนเยอะๆ แล้วจะรู้สึกเหมือนโดนดูดพลัง (หัวเราะ) แล้วก็เป็นคนชอบใส่กางเกงขาสั้น เสื้อยืด เสื้อฮาวาย เพราะเป็นคนขี้เกียจแต่งตัวไง
อย่างเราเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง ก็ต้องมีการปรับตัว แต่จริงๆ เจอคนเยอะๆ ได้นะ แต่แค่รู้สึกอยากมีช่องว่างให้ตัวเอง บางครั้งเราว่าง เราก็อยากจะชาร์จแบตให้ตัวเอง อ่านหนังสือ เล่นกีตาร์ อยู่บ้าน เล่นเกม อันนี้คือการชาร์จตัวเอง”

ที่หายเงียบเพราะไปทุ่มเทให้กับธุรกิจร้านอาหาร
“ถามว่าช่วงที่ผมไม่ได้ทำงานในวงการบันเทิง ผมทำอะไร ผมไปทำร้านอาหารอยู่ที่ขอนแก่นครับ ช่วงที่หายไปก็จะไปอยู่ร้านเป็นหลัก ที่ขอนแก่นเป็นหลักเลย จริงๆ ผมทำร้านอาหารร้านนี้มา 6 ปีแล้วครับ พร้อมๆ กับงานในวงการบันเทิงเลย ทำมาควบคู่กัน
ที่ขอนแก่นนี้เป็นบ้านแม่ครับ จริงๆ ผมเป็นคนกรุงเทพฯ แต่ว่าแม่เป็นคนอีสานครับ มีหุ้นส่วนที่โน่นและมีญาติๆ อยู่ที่โน่นด้วยครับ ตอนนี้งานทุกอย่างลงตัวครับ ก็โอเค”
“ถามว่าอยากจะทำอะไรต่อไปในวงการนี้ ผมอยากเป็นนักดนตรี เล่นกีตาร์ มีวงดนตรีเป็นของตัวเอง อันนี้เป็นความฝันมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ไม่เคยได้ทำจริงจังสักที ผมว่าการเป็นนักดนตรีมันเป็นอะไรที่ยากมากเลยครับ ต้องมีฝีมือมากๆ และเป็นสิ่งที่ชอบมากๆ เลยครับ เลยทำเป็นงานอดิเรกไปก่อน”

แฟนคลับสุดเซอร์ไพรส์ที่กลับมาทำงานเหมือนเดิมแล้ว
“แฟนคลับเขาก็ดีใจมากเลยครับที่ผมกลับมาทำงานแล้ว ต้องขอบคุณทางทีวีธันเดอร์ด้วยครับที่ให้โอกาส แฟนๆ เขาก็ดีใจมากๆ ได้มีผลงาน เขาตื่นเต้นมากที่ผมได้เล่นกับ สิงโต ปราชญา ด้วย เพราะไม่คิดว่าจะได้โคจรมาเจอกัน เป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์มากๆ เพราะเราเคยเจอกันตามงาน เดินเฉี่ยวๆ กัน แต่อยู่ดีๆ ได้มาเล่นด้วยกัน
แฟนคลับ เต้ เองก็เซอร์ไพรส์เหมือนกัน ดีใจมากๆ หลังจากที่ เต้ หนีหายเข้าป่าไปไหนไม่รู้ (หัวเราะ) แล้วได้กลับมาเล่นซีรีส์อีกครั้ง ซึ่งบทมันฉีกไปจากเดิมมากๆ ผมเองก็ดีใจนะครับ ที่แฟนๆ เขาตื่นเต้นและรอคอยเรา คือที่ผ่านมาอะ ผมหายไปเลย แต่ก็พยายามหาอะไรมาลงอัปเดตในอินสตาแกรมนะ แต่ด้วยเราก็ไม่รู้จะลงอะไร แฟนๆ เขาก็จะบอกว่า หายไปเลย โผล่มาเดือนละครั้ง (หัวเราะ)”
“เต้ ขอบคุณทุกคนมากๆ นะครับ ที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี และอดทนในวันที่ผมหายเข้าป่าไปนะครับ แต่ตอนนี้ผมออกมาแล้วนะครับ (หัวเราะ) มีผลงานกับ สิงโต ปราชญา นะครับ อยากฝากให้ติดตามซีรีส์เรื่อง ใส่รักป้ายสี ด้วยนะครับ พวกเรา ทีมงาน และนักแสดงทุกคนเต็มที่มากๆ นะครับ ยังไงฝากเป็นกำลังใจให้ด้วยครับ”
ในที่สุดหนุ่ม เต้ ก็กลับมาแล้วหลังจากเงียบหายไปนาน เชื่อว่าแฟนๆ ที่ติดตามต้องดีใจอย่างแน่นอนจ้า.
ผู้เขียน : โอ้ว…ซาร่า
กราฟิก : Varanya Phae-araya




ดูข่าวต้นฉบับ
ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2253110
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2253110