บูม สหรัฐ กับเส้นทางที่แม่ลิขิต เริ่มต้นชีวิตเพราะเวาเชอร์นมผง


ให้คะแนน


แชร์

เพิ่งจะแจ้งเกิดเป็นดาวดวงใหม่ในวงการบันเทิงเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับ บูม สหรัฐ เทียมปาน เด็กหนุ่มวัย 17 ปี ที่ชนะการประกวดจากเวที The Star Idol คนแรกของประเทศไทย แม้เพิ่งจะเป็นที่รู้จักไปไม่นาน แต่ บูม ก็สามารถขโมยหัวใจของแฟนรายการ กระทั่งมีด้อม บูมจายยย เป็นของตัวเองแล้ว

บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ จะพาไปทำความรู้จักกับหนุ่มคนนี้ให้มากขึ้น ซึ่ง บูม ได้เล่าให้เราฟังว่า จุดเริ่มต้นที่ทำให้เขามีวันนี้ได้นั้นมาจากกิฟต์เวาเชอร์นมผง พร้อมด้วยแรงสนับสนุนของครอบครัว

ได้แชมป์ The Star Idol คนแรก

บูม ได้เล่าความรู้สึกหลังจากที่ได้แชมป์ The Star Idol ให้เราฟังว่า “รู้สึกดีครับ แล้วก็รู้สึกอยากจะทำผลงานในอนาคตให้ดีขึ้นครับ เพื่อที่จะได้เหมาะกับที่เขาให้มาครับ อยากจะให้ทุกคนไม่ผิดหวังในตัวผม ถามว่าคิดมั้ยว่าจะมายืนในจุดนี้ ทีแรกผมไม่คิดเลยครับ ทีแรกผมเข้ามาในรายการ ผมไม่ได้หวังว่าจะมาถึงแชมป์ครับ แต่พอสามารถทำได้ ก็รู้สึกดีใจมากครับ”

“วันแรกที่เข้ามาประกวด ทีแรกเลยผมเห็นทางเพจ The Star Idol เขาประกาศรับสมัครครับ แล้วผมเห็นคำว่า ไอดอล ก็คิดว่ามันจะเหมาะรึเปล่า แต่ว่าด้วยความที่เป็นเดอะสตาร์ แม่กับครูสอนร้องเพลงก็บอกว่า รายการนี้ก็ใช้เสียงเหมือนกัน เลยลองดูครับ แต่ว่าผมไม่ได้หวังจะเข้ามาในรอบลึกๆ นะครับ”

“วันแรกที่ผมเดินเข้ามาประกวด ผมก็ไม่คิดนะว่าจะเข้ามาในรอบลึกๆ เพราะมีคนเดินทางมาสมัครเยอะมาก ตอนที่ผมมาออดิชั่นที่ตึก ผมคิดว่าผมจะตกรอบตั้งแต่รอบแรกแล้วครับ คือแต่ละคนดูมีออร่ามาก แล้วทุกคนดูเก่งมาก 

วันที่ผมเข้าไปออดิชั่นครั้งแรกเลยคือ ครูบอกว่าให้ผมยิ้มเยอะๆ ครับ ผมก็ลองทำตามไปก่อน เลยรู้สึกว่ากรรมการเขาเปลี่ยนอารมณ์ และทำให้เขาหันมายิ้มกับเรา เลยรู้สึกผ่อนคลายครับ ถึงแม้ผมจะไม่อยากยิ้ม แต่ผมก็ฉีกยิ้มไปครับ (หัวเราะเขิน)

ถามว่ากดดันมั้ย ช่วงแรกไม่กดดันครับ เพราะผมไม่ได้รู้สึกว่าต้องแบกรับอะไรบางอย่าง แต่ว่าพอได้เป็นแชมป์แล้ว มันมีความรู้สึกกดดัน เพราะเราต้องทำให้ดีที่สุด ซึ่งตอนแรกอ่ะ ผมไม่ได้คิดว่าจะเข้ารอบนะ ผมคิดแค่ว่าเหมือนเรามาร้องเพลงให้ฟังเฉยๆ 

แต่พอเข้ามาปุ๊บ มันก็ผ่านเข้ามาเรื่อยๆ ครับ ก็เลยเริ่มรู้สึกว่าเรามีความกดดันเพิ่มขึ้นอีก ผมรู้สึกว่าก็ต้องทำให้ได้ ไม่อยากทำให้คนผิดหวัง อยากทำให้ทุกคนชอบเหมือนเดิมครับ เขาชอบในวีกนี้ไปแล้ว วีกหน้าก็อยากทำให้ดีที่สุดครับ อยากให้เขาชอบเราเหมือนเดิม”

พอใจในสิ่งที่ทำ

เราถามต่อว่า ได้ดูฟีดแบ็กของตัวเองในแต่ละวีกบ้างไหม บูมบอกว่า “อย่างในทุกๆ ปีที่ผ่านมา เขาจะเก็บโทรศัพท์ แต่ปีผมโทรศัพท์อยู่กับตัวเอง พอหลังจากลงเวทีมา ผมก็จะมาอ่านฟีดแบ็ก อ่านคอมเมนต์ เพราะผมกลัวโดนด่า แต่ทุกคนก็ชมว่าผมร้องเพลงดี แต่ก็มีบ้างที่เขาติมา ซึ่งผมก็จะเอามาปรับใช้”

“ในวันที่เหลือแค่ 2 คนบนเวที ตอนนั้นมันไม่ได้เครียดครับ แต่รู้สึกตื่นเต้นมากกว่า มันคือรอบสุดท้ายแล้ว พอจบจากวันนี้ปุ๊บ วันหน้ามันคือการทำงานจริงๆ มากกว่า รู้สึกว่าจริงๆ ถึงผมจะไม่ได้เป็นที่ 1 แต่ผมก็รู้สึกพอใจกับสิ่งที่ทำนะครับ เพราะผมไม่ได้คิดว่าผมจะมาถึงขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ แต่คนก็ให้โอกาสและก็ชอบ”

มีวันนี้ได้เพราะเวาเชอร์นมผง

“ตอนผมเด็กๆ ผมทันรายการ เดอะสตาร์ นะ ผมทันรุ่นพี่ โดม จารุวัฒน์ ครับ ผมติดตามมาตลอด ผมชอบมากครับ รู้สึกมันสนุกดี ได้โหวตคนที่เราชอบด้วยครับ”

“ผมชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ อยากเป็นนักร้อง ผมเริ่มร้องเพลงตอน 4 ขวบครึ่งครับ ได้มีโอกาสไปเรียนร้องเพลง เพราะว่าแม่เขาซื้อนมผงมา แล้วมีส่วนลดที่อยู่ในนมผง เขาก็ถามผมว่า อยากเป็นนักร้องมั้ย ผมก็บอกว่าอยากครับ

แต่ตอนนั้นผมยังไม่รู้นะว่า นักร้องมันคืออะไร แต่แม่บอกว่า ถ้าได้เป็นแล้วจะมีคนรู้จักเยอะ แล้วก็มีเงินด้วยครับ โอเค ผมเป็นก็ได้ครับ (หัวเราะ) คือแม่เขาก็บอกว่า จะได้มีเงินไปซื้อของเล่น ก็เลยเอาแล้วกันครับ นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้น”

“ผมจำได้ว่าตอนนั้น แม่ผมทำกับข้าวอยู่มั้งครับ แล้วผมนั่งเล่นของเล่นอยู่ดีๆ แล้วเพิ่งนึกได้ว่าที่นมผงมันมีส่วนลดโรงเรียนสอนร้องเพลง เขาก็ถามผม ผมก็โอเค เอา เลยเริ่มเรียนร้องเพลงครั้งแรกก็เกร็งๆ แต่ว่าพอทำไปทำมาแล้วสนุก ก็เรียนมาเรื่อยๆ จนอายุ 13-14 ครับ แล้วก็เลิกเรียนเพราะเงินหมดครับ

ตอนที่เรียนร้องเพลง รู้สึกเหมือนเราได้ทำเวลาว่างให้ดูมีอะไรมากขึ้น เพราะผมเป็นคนไม่ชอบอยู่บ้าน ก็ต้องหาโอกาสออกไปข้างนอก ผมเป็นลูกชายคนเดียว แต่ผมมีพี่ชาย 2 คน แต่ว่าคนละแม่ครับ”

เคยขึ้นคอนเสิร์ตกับ เบิร์ด ธงไชย

“ผมเคยขึ้นคอนเสิร์ตกับพี่เบิร์ด ธงไชย เพราะว่าผมไปเรียนร้องเพลง แล้วที่โรงเรียนก็ส่งไปรายการ และรายการก็ส่งไปคอนเสิร์ต เลยได้มีโอกาสไปครับ ตอนนั้นอายุประมาณ 8 ขวบครับ ผมอยู่ ป.3 เป็น 1 ในเด็ก 10 คนที่ได้ขึ้นร้องเพลง

ตอนนั้นก็มาเทรนด์ที่ตึกแกรมมี่ด้วย ตอนที่ขึ้นคอนเสิร์ตได้ร้องเพลง Too Much So Much Very Much เขามีแบ่งท่อนร้องให้กับเพื่อนอีก 10 คน ผมจำได้ว่าพี่เบิร์ดเขามาลูบหัวผมด้วย (ยิ้ม)”

“ถามว่าผมเดินสายประกวดมาก่อนมั้ย คือจริงๆ ผมไม่ได้ชอบประกวดอะไรขนาดนั้น แต่ผมรู้สึกว่าอยากร้องเพลงให้คนฟัง อยากจะหาโอกาสให้ตัวเองได้ร้องเพลงให้คนอื่นได้ฟังมากกว่า 

ตอนเด็กๆ ผมขึ้นประกวดหลายเวที หลายรายการเลย ประมาณ 3 รายการครับ แล้วก็เล่นละครนิดๆ หน่อยๆ ครับ อย่างประกวดเวทีแรก ผมได้ที่ 2 ก็ได้เกมบอยจากแม่เป็นของขวัญครับ เพลงแรกที่ผมร้องก็คือเพลง แอบเหงา ของพี่เสนาหอยครับ”

ชีวิตใหม่ที่ต้องปรับตัวให้ได้

เมื่อถามว่า วันที่เริ่มเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงเป็นยังไงบ้าง บูม บอกว่า “ถามว่าวงการบันเทิงเป็นอย่างที่ผมคิดไว้มั้ย เอ่อ ต้องรับผิดชอบอะไรมากขึ้นครับ รู้สึกว่าผมยังไม่ชินครับ (ยิ้ม) ผมยังไม่ชินกับการที่ชีวิตผมมันจะเปลี่ยนไปในวันข้างหน้าครับ แต่ผมต้องรับมือกับมันให้ได้ครับ เพราะผมอยากเป็นศิลปินเหมือนกันครับ”

“ส่วนงานแสดง ผมก็อยากทำเหมือนกันครับ ละครเวทีผมก็เคยไปออดิชั่นเหมือนกัน แต่ว่าไม่ผ่าน (ยิ้ม) ผมอยากเล่นละครเวทีเหมือนกัน ขอฝากเนื้อฝากตัวกับพี่บอย ถกลเกียรติด้วยนะครับ (ยิ้ม)”

“ผมเริ่มเป็นนักร้องของโรงเรียนตอนผมอยู่ ป.4 หลังจากที่ประกวด The Voice Kids เสร็จ ครูเห็นก็เอาไปร้องเพลง แล้วก็ทำมาเรื่อยๆ จนถึง ม.3 ผมก็ย้ายโรงเรียนแล้วก็มาทำกับเพื่อนเอง หางานประกวด จนมาเจอ The Star Idol นี่แหละครับ แต่ก่อนหน้าช่วง ม.ปลาย ผมก็ไม่ค่อยได้ทำวงกับเพื่อนแล้ว เพราะต้องเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยครับ”

ที่ดูว่าผมหยิ่ง ความจริงคือผมอาย

“มีคนบอกว่าผมเป็นคนซื่อครับ อาจจะเป็นคนซื่อบื้อ หรือเป็นคนซื่อปกติ อันนี้ผมไม่รู้ แล้วก็อาจจะเป็นคนที่มึนๆ เหรอครับ ผมว่าผมไม่มึนนะ (ยิ้ม) ตอนเด็กผมไม่ดื้อนะ แม่บอกผมเป็นเด็กที่เรียบร้อยที่สุดแล้ว ผมคิดว่าจริงๆ แล้วผมเป็นคนที่เงียบๆ

วันที่มาออดิชั่น ผมจะไม่คุยกับใครเลย เพราะผมไม่รู้จัก ผมก็เลยนั่งเงียบๆ แต่ก็กลัวคนหาว่าหยิ่งนะ ผมไม่รู้จะคุยอะไร คือผมคิดคำพูดไม่ออก ผมไม่กล้าเข้าไปคุย เพราะไม่รู้ว่าจะคุยอะไร จะทำตัวยังไง ผมยังเข้าหาคนไม่เก่ง แต่ถ้าเขาพร้อมที่จะเข้าหาผม ผมก็พร้อมที่จะคุยกับเขาครับ

ถามว่าเฟรนด์ลี่มั้ย เฟรนด์ลี่แน่นอนครับ เพื่อนๆ มองว่าผมชอบแกล้งครับ แล้วก็บอกว่าก็ดูเป็นตัวของตัวเองดี ผมชอบแซวเพื่อนมากกว่า”

เสียง = ความเป็นตัวเรา

เราได้ถามต่อว่า แฟนคลับเขามองเห็นอะไรในตัวเรา ถึงรักและชอบเรา บูม ได้หยุดคิดไปสักพัก ก่อนจะบอกว่า “น่าจะ…อืม (ทำท่าคิด) น่าจะเสียงมั้งครับ แล้วก็อาจจะเป็นที่ตัวผมที่เป็นแบบนี้ครับ ผมว่าทุกคนน่าจะรู้ว่าผมเป็นคนยังไง”

ยังไงพ่อแม่ก็คือที่ 1 ในใจ

ทำความฝันของแม่สำเร็จแล้ว แม่ว่ายังไง “แม่ก็ภูมิใจครับ เขาพูดว่าภูมิใจ แล้วสายตาเขาก็ดูปลื้มปริ่มกับผมครับ พ่อก็เหมือนกันครับ ผมเห็นพ่อกับแม่นั่งดูคลิปผมทั้งวันทั้งคืนเลยครับ ผมว่ายอดวิวของผมก็มาจากเขานี่แหละครับ (หัวเราะ) บางทีผมก็เบื่อเสียงตัวเองเหมือนกัน เขาเปิดแต่เสียงผม บางทีผมจะดูยูทูบ ดูหนัง ก็จะมีแต่เสียงผม บางทีผมก็เบื่อเหมือนกันครับ (หัวเราะ) 

ผมก็ไม่รู้นะว่าผมอาจจะยังเป็นเด็กในสายตาพ่อกับแม่ แต่ผมรู้สึกว่าผมโตแล้ว พ่อกับแม่เขาห่วงทุกอย่างเลย ผมเคยมีแฟนตอนอยู่ ม.1 ใช่มั้ย แม่ผมเครียดเข้าโรงพยาบาลเลยครับ ผมงงมากเลย คนเราจะมีความรัก เขาก็เครียดเข้าโรงพยาบาล (หัวเราะ) แต่พอผมอยู่ ม.ปลาย มีแฟน เขาก็ไม่ได้อะไรแล้วนะครับ แต่ผมคิดว่าเขาเข้าใจครับ”

“ผมกับแม่ก็สนิทกันนะครับ แต่ว่าเวลาผมมีเรื่องอะไร ผมไม่ได้ปรึกษาเขานะ ผมปรึกษาเพื่อนมันกว่าครับ (หัวเราะ) ผมไม่ค่อยปรึกษาพ่อแม่เท่าไร เพราะว่าอายุเขาค่อนข้างห่างจากผมเยอะครับ แต่ผมคิดว่าเขาก็คอยดูเราห่างๆ แหละแต่ไม่บอก

ผมไม่อยากให้เขาห่วงเท่าไรครับ เพราะว่าผมจะได้สนุกกับชีวิต อยากไปเที่ยวก็ไปเที่ยวกับเพื่อนเลย แต่ก็โทรบอกเขานะ อย่างเวลามาทำงาน บางวันพ่อก็มาส่ง บางวันผมก็นั่งแท็กซี่มา บางวันก็มา MRT ครับ”

“ผมอยากเรียน มศว มากๆ ครับ ตามจริงคณะไหนก็ได้หมด เพราะว่าผมอยากเป็นนักร้องครับ ก็หมายถึงตอนเรียนผมก็จะร้องเพลง และตอนเรียนจบ ผมก็อยากจะร้องเพลง

ถามว่าที่ผ่านมาการเรียนผมเป็นยังไงเหรอ ปานกลางครับ ผมแค่พยายามส่งงานให้ครบเฉยๆ ครับ แต่ผมไม่ได้อ่านหนังสือก่อนสอบนะ ผมว่าผมได้สอบซ่อมครับ (หัวเราะ)”

“ที่ผ่านมา แม่คอยซัพพอร์ตมาตลอดเลยครับ เพราะว่าเขาชอบศิลปิน เขาชอบพี่ก้อง สหรัถ ครับ ชื่อผมก็เลย สหรัฐ เหมือนกัน แล้วพ่อก็ชอบ สายัณห์ สัญญา ครับ เหมือนเขาอยากให้ผมเป็นแบบนั้นบ้าง”

ขอบคุณแฟนๆ ที่ซัพพอร์ตเสมอมา

“ขอบคุณแฟนคลับทุกคนนะครับ ขอบคุณ ด้อมบูมจายยย นะครับ ที่เข้ามาสนับสนุนผมตั้งแต่วีกแรกจนถึงวีกสุดท้ายครับ แล้วก็ขอบคุณทุกคะแนนเสียง คะแนนโหวต ขอบคุณมากๆ ครับ ถ้าไม่มีทุกคน ผมก็คงไม่ได้มานั่งพูดตรงนี้ ขอบคุณจริงๆ ที่ทำให้ผมมีวันนี้ครับ ผมจะไม่ทำให้ผิดหวังครับ”

“แล้วก็ขอบคุณ ด้อมบูมจายยย นะครับ ที่คอยสนับสนุนผม ส่งของมาให้ผมมากมาย ส่งเสื้อผ้ามาให้ผมเยอะมาก ตอนนี้ผมไม่มีราวตากแล้ว แต่ผมยินดีรับฮะ (หัวเราะ) ยินดีใส่ครับ เสื้อตัวนี้แฟนคลับซื้อให้ มีเยอะมากที่แฟนคลับซื้อให้ ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมต้องไปซื้อราวตากผ้ามาเพิ่มแล้วครับ (ยิ้ม)”

แค่เราได้นั่งสัมภาษณ์พูดคุยกันในระยะเวลาสั้นๆ ก็รู้สึกหลงใหลในเด็กหนุ่มวัย 17 ซะแล้ว เชื่อว่าแฟนๆ ที่ติดตาม หนุ่มบูม สหรัฐ ต้องหลงรักพ่อหนุ่มคนนี้แน่นอนจ้า.

เรื่อง : โอ้ว…ซาร่า บันเทิงไทยรัฐออนไลน์

กราฟิก : Chonticha Pinijrob

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2266312
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2266312