จอย ศิริลักษณ์ ตื่นเต้น! คัมแบ๊กละครในรอบ 9 ปี ปัดหันหลังให้วงการ


ให้คะแนน


แชร์

จอย ศิริลักษณ์ ตื่นเต้น! คัมแบ๊กละครในรอบ 9 ปี ปัดหันหลังให้วงการ เปรยอยากเล่นคอมเมดี้ ขอบคุณคนชมสวยเหมือนเดิม

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

สร้างความฮือฮาให้กับแฟนละครไม่น้อย สำหรับการหวนกลับมาสู่โลกจอแก้วในรอบ 9 ปีของอดีตนางเอกมากฝีมือ จอย ศิริลักษณ์ ผ่องโชค ในละคร บ่วงใบบุญ ทางช่อง8 งานนี้เจ้าตัวให้สัมภาษณ์หลังมาร่วมพิธีบวงสรวงละครเรื่องดังกล่าว ที่ ลานพระพรหมณ์ บ.อาร์เอส ถ.ประเสริฐมนูกิจ ถึงการตัดสินใจกลับมารับละครอีกครั้ง พร้อมแจงไม่ได้หันหลังให้วงการ ก่อนจะขอบคุณทุกคนที่ชมว่ายังสวยเหมือนเดิม

กลับมารับละครในรอบ 9 ปี? “รู้สึกตื่นเต้นกังวลตั้งแต่ถ่ายละครแล้ว เพราะว่าบทหนักมาก ท้าทายมากๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าบทนี้ทำให้เรามีแรงกระตุ้นในการที่อยากจะเล่นละครอีกครั้ง แล้วก็เป็นทางดราม่าด้วย แล้วก็อยากจะขอบคุณจริงๆ ทั้งแฟนคลับแฟนละครที่เคยติดตามเรามา พอรู้ว่าลงละครปุ๊บทุกคนก็ให้กำลังใจตลอดเลย แม้ว่าเรื่องนี้จะถ่ายทำค่อนข้างนานเพราะมีช่วงหยุดโควิด แต่ว่าคนก็ให้กำลังใจจะมีถามว่าจะออนแอร์หรือยัง พอถึงตอนนี้ทุกคนก็พร้อม รอดูหน้าจอแล้วจ้าก็รู้สึกมีกำลังใจ(ยิ้ม)”

ความหนักของบทบาทที่ได้รับ? “คือตัวละคร ใบศรี ตัวของเขาเองก็ลำบากอยู่แล้ว เกิดมาก็เหมือนมีชะตากรรมหนักๆ เยอะ ตั้งแต่ชีวิตที่อยู่มาหนีเสือปะจระเข้เพื่อให้ตัวเองรอดตลอด พอหนีไปนึกว่าจะได้ดีก็ไปเจอกับพี่กวาง(กมลชนก) ซึ่งความหวังของเราจากที่คิดว่าเขาดีจังเลย เหมือนเราได้ใบบุญมาพึ่งพาแล้วก็ดันไปเจออะไรอีก กลายเป็นว่าเฮ้ย! สาหัสมาก แล้วก็ไปพบรักครั้งแรกก็เจออะไรที่คาดไม่ถึงอีก”

“แต่เราต้องอดทนในยุคนั้นที่เล่นเราเป็นผู้หญิงเราไม่มีหนทางเลือกอื่น จำเป็นที่จะต้องต่อสู้กับอุปสรรค เลยทำให้จอยชอบบทละครนี้ เพราะว่าในความที่เนื้อแท้เป็นคนดีแต่พอถึงจุดหนึ่งที่มันโดนอะไรกระทำมากๆ บางครั้งเราก็ต้องการคนที่พึ่งพิงทางใจ เพราะฉะนั้นตัวละครมันต้องต่อสู้กับความถูกต้องกับความปลอดภัยทางจิตใจ และก็ต้องมีเหตุที่ต้องไปเจอกับพี่เขตต์(ฐานทัพ)อีกอะไรแบบนี้”

การกลับมาในรอบ 9 ปี ต้องเลือกบทยังไง? “ไม่ได้เลือกว่าต้องแบบไหน เพราะจริงๆ แล้วผู้ใหญ่ให้โอกาสเราก็รู้สึกขอบคุณอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าต้องเลือกอะไรขนาดนั้น เพียงแต่ว่าด้วยที่เราเป็นนักแสดงเราจะรู้ตัวเองตั้งแต่เล่นละครมาถ้าอ่านบทถ้าเรารู้สึกว่าเราเห็นตัวละครในนั้นเลย คืออ่านเรื่องนี้มันเห็นเราในนั้นตั้งแต่พล็อตเรื่องค่ะ มันก็บอกไม่ถูก”

“คือจะเป็นแนวมีความรู้สึกบางอย่างที่เห็นปุ๊บรู้สึกว่าต้องเล่น แต่ขนาดรู้ตัวว่าต้องเล่นก็ยังไม่กล้าเล่น อย่างที่เคยเสนอข่าวว่าเคยปฏิเสธแล้วถึง 2 ครั้งนะ คือโชคดีมากที่พี่เล็กน้อย(ณณิญา พรหมเงิน)พูดให้โอกาสเราอยู่ บิลด์ให้ความมั่นใจเราว่าหนูทำได้ก็เลยตกลงในครั้งที่ 3 เพราะเรารู้สึกว่าถ้าเราไม่ได้เล่นคงเสียดายมาก”

กลับมาทั้งทีในรอบ 9 ปีต้องเคาะสนิมเยอะไหม? “มันเป็นความกลัวของตัวเองมากกว่า เราก็คิดว่าจะยังไง ไปได้ไหม วงการเปลี่ยนไปเยอะไหม ทีมงานเหมือนเดิมไหม ระบบกล้องถ่ายทำเหมือนเดิมไหม มุมกล้อง ฉันต้องไปเรียนรู้การใช้ชีวิต(หัวเราะ) อย่างแต่เดิม 3 กล้องเราก็จะรู้ว่าจังหวะเล่นยังไงอะไร แต่พอรู้ว่าเราจะลงเรื่องนี้เป็นทีมงานที่เราคุ้นเคยอยู่แล้ว พี่บุ๋ม(ปกาสิต กิ่งศักดิ์)เป็นคนกำกับ เราแบบโอเคค่ะ เล่นด้วยเลย”

ความรู้สึกเหมือนละครเรื่องแรกไหม? “ใช่ ก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันนะ เหมือนกับมาลงละครเรื่องแรก เรากับพี่เล็กน้อยเคยทำงานด้วยกันอยู่แล้ว แล้วพี่เขาให้ความมั่นใจขนาดนั้น แล้วยิ่งเป็นพี่บุ๋มกำกับเราก็รู้แล้วว่าโอเคพี่เขาก็รู้ทางเรา เขาก็จะมีวิธีการกำกับเราหรือว่าให้กำลังใจเราให้ผ่านไปได้ แล้วก็พี่กวาง(กมลชนก) เราไม่เคยเจอเลย ทีแรกเราก็ถามว่าเล่นกับใครคะ พี่กวาง โอเคเล่นเลยเพราะว่าเราก็ติดตามละครพี่เขาอยู่ ยิ่งมีโอ(อนุชิต สพันธุ์พงษ์)ด้วยอีก สายดราม่ามาเจอกันไหมอะไรแบบนี้ มันเลยลงตัวไปหมด”

ในเรื่องต้องเล่นเป็นคนพูดไม่ได้? “นั่นแหละที่ทำให้ตอนแรกไม่กล้าเล่น กลัวพี่เขาคาดหวังไว้ภาพหนึ่งแล้วเราจะไปอีกทางหนึ่ง แต่มันก็ยากจริง(หัวเราะ) เอาง่ายๆ แค่ร้องไห้ปกติธรรมชาติเราจะมีสะอึกสะอื้นโดยธรรมชาติ แต่อันนี้คือต้องไม่ให้มันออกไปเลย เศร้ายังไงเสียงก็ไม่ให้ออก แรกๆ ต้องปรับ แต่วิธีการปรับก็คือให้เป็นตัวละครตัวนั้น เราต้องทำสมาธิว่าเราเป็นตัวละครตัวนี้นะ เวลาเล่นก็จะไปได้ค่ะ”

งานละครติดต่อมาเยอะเหมือนกัน? “ใช่ค่ะ ต้องขอบคุณจริงๆ ติดต่อมาตลอดตั้งแต่เรียนหนังสือที่ยังเรียนไม่จบตอนนั้น จนพี่บางคนก็แบบเมื่อไหร่แกจะเลิกเรียนซะที เมื่อไหร่จะเรียนจบ ตอนนั้นก็ต้องบังคับตัวเองว่าต้องเรียนให้จบก่อนเพราะไม่งั้นพอเรามาเล่นละครมันก็ทุ่มสุดตัว ถ้ามาเล่นตอนเรียนเรื่องเรียนคงไม่สำเร็จ เรารู้ตัวเอง”

หลายคนคิดว่าเราหันหลังให้วงการแล้ว? “ใช่ จริงๆ ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเพราะตัวเองมองว่าจังหวะชีวิตควรจะเป็นไปตามธรรมชาติเอง ตอนนั้นมันสนใจเรื่องเรียน ที่จริงตอนแรกจะเรียนแค่ 2 ปี แล้วมันต่อยอดไป เพราะว่าคนรอบข้างสนับสนุน ไปสอบได้ก็เลยต้องเรียนต่อ พอเรียนต่อก็ต้องทำให้มันสำเร็จ เลยทำให้ไม่ได้ลงละครเสียที แล้วด้วยความที่เราอายุมากขึ้นเราก็รู้สึกว่าไม่อยากใช้ชีวิตหนักๆ ในกองถ่ายแล้ว เพราะว่าเราอยากดูแลสุขภาพเรา”

“แต่พอถึงเวลาก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงรับเรื่องที่หนักขนาดนี้(หัวเราะ) เพราะว่าอ่านแล้วมันรู้สึกได้ จอยก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเพราะจอยใช้วิธีนี้ตลอดในการทำงาน คือถ้าอ่านแล้วเห็นตัวเราก็เล่น ซึ่งตอนนั้นจริงๆ ก็มีอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจเราก็คุยกับทางพี่ที่ติดต่อว่าเราแปลกใจมากที่เราไม่เห็นตัวเราในนั้นเลย เราขอบคุณที่ไว้วางใจเราที่เหมาะกับบทนี้ แต่เราไม่เห็นเราในบทจริงๆ”

หลังจากนี้จะรับรัวๆ เลยไหม? “ดูตามความพร้อมสุขภาพ และสถานการณ์โควิด ตอนนี้ที่คุยไว้ก็คือยังอยู่ที่ว่าจะเปิดกล้องเมื่อไหร่ สถานการณ์โควิดเราจะมีวิธีปฏิบัติยังไง ถ้ามีการตรวจ RT-PCR นักแสดงเราก็ยินดี แต่ก็แล้วแต่มาตรการของเขา (เรียกว่าช่วงนี้เนื้อหอม?) ถ้าเนื้อหอมก็ดีนะ คิดว่ามีคนยังให้โอกาสอยู่เรื่อยๆ ดีกว่า คือถ้ามีเรื่องที่เรารู้สึกว่าอยากเล่นก็เล่น ไม่ได้หมายถึงว่าต้องเป็นละครหนักๆ เพราะจริงๆ เราก็อยากเล่นละครสบายๆ สนุกๆ คนดูไปยิ้มไป หัวเราะไป แนวคอมเมดี้โรแมนติกอะไรพวกนี้”

แต่ผู้จัดก็จะคาดหวังกับบทดราม่าจากเรา? “ใช่ค่ะ คือการเลือกจะรับบทพูดตรงๆ ว่าเราก็ใช้เซ้นส์ของเราเองว่าเราเห็นตัวเราในนั้น ละครแต่ละเรื่องที่เล่นมาคือจอยเห็นตัวเองในนั้น แล้วถ้ามันไม่เห็นเราก็อย่าไปฝืนเล่น บอกเขาไปเลยว่าเราคงไม่สามารถจริงๆ คือขอบคุณที่เขาเห็นว่าเราสามารถทำได้ แต่ว่าเรารู้แล้วว่าเราไม่เห็นมันก็ไปได้ยาก คือเราเข้าใจว่าในมุมของนักแสดงอาชีพบทอะไรมันก็ต้องเล่นได้ แต่ถ้าเขาคาดหวังผลงานที่ดีเท่าที่เราจะทำได้ มันก็น่าจะเกิดจากบทที่เราอ่านแล้วเรารู้สึกว่าใช่ ฉันอยากเล่น ไม่ว่าบทจะเป็นตัวอะไรก็แล้วแต่ มันจะรู้เอง”

ถามเรื่องธุรกิจยังทำอยู่หรือเปล่า? “ทำอยู่ค่ะ ตอนช่วงที่ผ่านมาหมดล็อตแรกไปแล้ว ทำสกินแคร์นะคะ เดี๋ยวเดือนมีนาคมนี้ล็อตใหม่จะมาแล้วก็ฝากติดตามด้วยสำหรับใครที่ต้องการผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่ช่วยดูแลผิวค่ะ”

จะได้เห็นเป็นแม่ค้าออนไลน์ไลฟ์ขายไหม? “เราก็อยากจะไลฟ์ ว่าจะเริ่มหัดแหละ ว่าจะไลฟ์กับสมาชิกและแฟนๆ แต่ปกติก็ไลฟ์อยู่บ้าง คุยโน่นคุยนี่ธรรมดาค่ะ ที่ผ่านมาจอยจะไลฟ์พูดคุยกับแฟนเพจของจอยอยู่แล้ว เล่นกีต้าร์บ้าง ธรรมชาติค่ะ ไม่มีการเซ็ตมาก่อนว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับการไลฟ์ จะไลฟ์สั้น ไลฟ์ยาว เหมือนเพื่อนมาเจอกันทางออนไลน์แค่นั้น”

หลายคนชมยังสวยเหมือนเดิมเลย? “ขอบคุณค่ะ แล้วแต่มุมมองด้วย ตัวเราก็รู้สึกว่าทุกอย่างมันก็ไปตามธรรมชาติ แต่เราพยายามดูแลตัวเองก็ใช้ผลิตภัณฑ์ตัวเอง เพราะพอเราเป็นคนแพ้ง่าย เราก็จะไม่ค่อยสามารถที่จะพึ่งพาเทคโนโลยีอย่างอื่นได้ จะฉีดโน่นฉีดนี่ทั้งที่เราแพ้ง่ายเราก็ยังไม่กล้า เลยต้องหาผลิตภัณฑ์ที่ดูแลผิวเราได้”

หน้าเราสวยโกงอายุไหม? “ต้องให้คนอื่นมองค่ะ(หัวเราะ) ถือว่าเป็นคำชม จริงๆ ก็มีคนทักอยู่เรื่อยๆ ค่ะ เราก็ดูแลปกติ แต่เราก็ไม่ได้ไปยึดติดเรื่องนี้มาก ไม่ได้รู้สึกว่าวันนี้ฉันมีริ้วรอยกี่เส้น วันนี้ฉันแก่หรือเปล่า ปล่อยไปตามธรรมชาติค่ะ เพราะไม่มีอะไรจีรังอยู่แล้วก็สบายๆ ถ้าใครที่มองดูว่าเหมือนเดิมก็ขอบคุณค่ะ”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6919238
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6919238