“(หัวเราะ) ผมรับบทเป็นตำรวจมาหลายเรื่องแล้ว สงสัยหน้าผมจะเหมาะกับการเป็นตำรวจ ซึ่งตำรวจในเรื่องตามสูตรละครไทย เป็นตำรวจน้ำดี ชอบความถูกต้อง ซื่อสัตย์ สุจริต”

เนื้อเรื่องโดยย่อของละครคือพระเอก (ปั้นจั่น) ผู้เป็นตำรวจย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ในต่างจังหวัด จึงได้ไปพัวพันกับนางเอก ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดี เลยช่วยกันตามหาคนผิดด้วยวิธีการกฎหมายและโลกวิญญาณ

“ตามบทในเรื่องนางเอกเป็นคนเห็นผี ส่วนตัวของผมก็เชื่อนะเรื่องวิญญาณ แต่ไม่เคยเจอ เอาจริงๆ นิสัยผมเป็นคนเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ เพื่อเป็นแรงผลักดันในการใช้ชีวิตและทำหลายๆ อย่างในชีวิต เลยตอบคำถามว่าเชื่อเรื่องผีและวิญญาณไหม ก็เชื่อ แม้จะไม่เคยเห็นก็ตาม”

เมื่อเราถามถึงความเชื่อเรื่องผีสางวิญญาณ ปั้นจั่นก็เล่าว่า เขาเชื่อและกลัวมาก แต่ปัจจุบันเมื่อได้เจอความน่ากลัวของมนุษย์ ผีก็ไม่ได้น่ากลัวอีกต่อไปสำหรับเขา 

“ผมเคยกลัวผี แต่เมื่อผมเจอความน่ากลัวของมนุษย์ ผมเลิกกลัวผีไปเลย ผมเคยมีวิกฤติชีวิตของผม เอาจริงๆ ผมไม่เคยเล่าเรื่องนี้ที่ไหน และใจจริงไม่ได้อยากจะพูดถึงเลย ไม่อยากให้มันกลับมาสะท้อนย้อนแย้งกลับมาเกิดขึ้นกับเราอีก

ตอนแรกทุกคนมองว่าให้เวลาเยียวยาแล้วคนก็จะลืมมันไป แต่หลายคนอาจจะยังไม่ลืม บางคนเจอหน้าผมก็ตีตราหน้าผมแล้วว่าผมเป็นคนแบบนี้นะ ก็คือเรื่องโพสต์เกี่ยวกับการเมือง

สุดท้ายแล้ว ณ วันนั้น มันเป็นประโยคสั้นๆ ที่โพสต์ของคนดังมันยังไม่ได้เยอะมาก หลายคนเลือกที่จะเงียบและถูกต่อว่า เพราะตอนนั้น สถานการณ์ ณ ตอนนั้นมันยังไม่มีกรณีตัวอย่างเยอะ คนที่ไม่แก้ตัวให้ตัวเองมันก็ผิดตั้งแต่ยังไม่ได้สู้เพื่อตัวเอง ตอนนั้นผมเลือกที่จะเงียบ แก้ตัวไปก็ไม่มีใครเชื่อ ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ซึ่งถ้าวันนี้สามารถย้อนเวลากลับไปได้ ผมก็คงต่อสู้ในสิ่งที่คนต่อว่าผมครับ”

วันนี้ปั้นจั่น ปรมะ เลือกรายการ Thairath Talk เพื่อเล่าความรู้สึกภายในใจจากผลตัดสินสังคมที่เขาไม่เคยชี้แจงที่ไหน โดยเฉพาะประเด็นการเมือง เลือกข้างจริงไหม สามารถรับชมฉบับเต็มได้เร็วๆ นี้…