“นิ้ง-ชัญญา” เปิดใจครั้งแรก เคลียร์ปมมือที่ 3 ทำ”พลอย หอวัง” เลิก “ทู สิราษฎร์”
ดาราสาว นิ้ง-ชัญญา แม็คคลอรี่ย์ เปิดใจครั้งแรกกับกระแสที่ถูกเพ่งเล็งว่าเป็นมือที่3 ทำรักสะบั้นระหว่าง ‘พลอย หอวัง’ กับ ‘ทู สิราษฎร์ อินทรโชติ’
วันที่ 5 ต.ค.2565 ที่พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน นิ้ง-ชัญญา แม็คคลอรี่ย์ นักแสดงชื่อดังที่เดินทางมาร่วมงาน และชมภาพยนตร์รอบกาล่า จักรวาลสัตว์ประหลาดเรื่องที่ 2 “The One Hundred ๑๐๐ ร้อยขา”
ข่าวแนะนำ
จากนั้นได้เปิดใจครั้งแรกกับกระแสที่ถูกเพ่งเล็งว่าเป็นมือที่3 ทำรักสะบั้นระหว่าง ‘พลอย หอวัง’ กับ ‘ทู สิราษฎร์ อินทรโชติ’
ถูกโยงเป็นมือที่สามของ “พลอย-ทู”?
“ในส่วนของเรื่องนี้นะคะ นิ้งพูดได้แค่ส่วนของนิ้งเนอะ สำหรับพี่เขา พี่เขาก็ยังเป็นพี่ที่เรารักและเคารพอยู่เหมือนเดิม แล้วด้วยความบริสุทธิ์ใจ จริงๆ แล้วเราได้คุยกับพี่เขาตั้งแต่วันนั้นแล้ว แล้วเรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว แล้วมันเคลียร์ไปจบแล้ว มันก็เลยไม่มีอะไรแล้วในตอนนี้ สำหรับเรา”
สิ่งที่คุยกัน เป็นการเข้าใจผิดอะไรกัน?
“นิ้งขอไม่ลงดีเทลในเรื่องนี้แล้วกันค่ะ เพราะว่าถ้าพูดไปมันกระทบหลายฝ่าย”
ตอนนี้ชื่อเรามันกระจายไปเยอะมาก มีข้อมูลไหนที่ไม่เป็นความจริงบ้าง?
“นิ้งยังไม่ได้ดูเลยค่ะ ว่ามันมีข้อมูลไหน หมายถึงว่าไม่ได้เข้าไปดู แต่ว่าเห็นบ้าง ว่ามันมีเรื่องนี้ ว่าพี่พลอยพูดแบบนี้ แต่ว่านี่แหละค่ะ คือเรื่องทั้งหมดเนี่ย เราได้เกิดการคุยแล้ว”
เป็นมือที่สามจริงไหม?
“เอ่อ…นิ้งคิดว่า…นิ้งเคารพตัวเองมากพอ ที่จะไม่เป็นที่สามของใครค่ะ แล้วก็สำหรับเรื่องของเพื่อน ก็คือมันไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ พอมันไม่มีอะไรแล้ว เราก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เพราะว่ามันไม่มีอะไรจริงๆ มันไม่มีการสานสัมพันธ์ต่อ มันเป็นแค่เพื่อนกัน”
กับทูคือเพื่อนจริงๆ ?
“ใช่ค่ะ แล้วหลังจากนั้นก็คือยังไม่ได้เจอ ยังไม่ได้คุยด้วยซ้ำ ไม่ได้รู้ด้วยซ้ำว่าเขาทำอะไรต่อหรือยังไง คือไม่ได้คุยเลยค่ะ”
ไม่เคยใช้คำว่าแฟน?
“ไม่เคยใช้คำว่าแฟนแน่นอนค่ะ”
กับภาพคู่ที่นั่งอยู่บนรถด้วยกัน?
“มันนานมากแล้วค่ะ เรื่องนี้มันนานมากแล้ว แล้วมันก็ผ่านมานานมากแล้ว เลยคิดว่าจริงๆ แล้วมันได้พูดคุยกันอย่างบริสุทธิ์ใจค่ะ นิ้งก็เลยคิดว่ามันไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว”
ระยะเวลาที่บอกว่านาน คือนานเท่าไหร่?
“นิ้งว่านิ้งพูดไปหมดแล้วค่ะ เพราะมันผ่านมานานแล้ว และเราน่าจะมูฟออนจากเรื่องนี้ได้แล้ว อะไรแบบนี้ค่ะ”
การเคลียร์ของเราครั้งนี้ จะทำให้เราหลุดจากข้อครหาไหม?
“นิ้งคิดว่าเมื่อกี้นิ้งตอบชัดแล้วนะ ว่ามันไม่มีอะไรอะค่ะ หมายถึงว่านิ้งได้เคลียร์ ได้คุยแบบสมบูรณ์ แบบบริสุทธิ์ใจกับพี่เขาแล้วค่ะ แล้วมันก็ผ่านมานานแล้ว”
นานแล้วที่ว่า คือช่วงที่ทูยังคบกับพลอยอยู่ใช่ไหม?
“มันผ่านมานานแล้วค่ะ”
พลอยอันฟอลโลว์ไอจีเรา เรารู้ไหม?
“เอ่อ…นิ้งเห็นจากข่าวค่ะ แต่นิ้งบอกตามตรงว่าพี่พลอย ยังเป็นพี่ที่นิ้งรักและเคารพอยู่ดีค่ะ ตอนนิ้งผ่าตัด พี่พลอยส่งผลไม้มาให้นิ้ง นิ้งเจอพี่พลอย พี่พลอยเคยให้บัตร คือพี่พลอยก็ยังเป็นพี่ที่รักและเคารพอยู่ดีค่ะ ไม่ว่ายังไงก็ตาม”
ยังติดต่อกัน ยังคุยกันดีใช่ไหม?
“ไม่ได้คุยค่ะ เพราะว่าจริงๆ แล้วเรื่องก็เพิ่งเกิดเมื่อวานเนาะ แล้ววันนี้นิ้งก็ทำงานทั้งวัน”
อยากคุยหรือทำความเข้าใจกับพี่เขาไหม?
“เอ่อ…นิ้งว่าเรามูฟออนจากเรื่องนี้ไหมคะ เพราะนิ้งคิดว่ามันเป็นเรื่องที่นิ้งน่าจะต้องคุยกับพี่เขาค่ะ มันเป็นเรื่องที่นิ้งต้องคุยกับพี่เขามากกว่า”
ข่าวนี้มันมีผลกระทบต่อเรายังไงบ้าง?
“ข่าวนี้มีผลกระทบต่อความรู้สึกและจิตใจยังไงบ้างเหรอคะ อืม…หนูว่า…มันก็น่าจะเป็นเรื่องที่เราต้องผ่านไปค่ะ หมายถึงว่า ไม่ว่าวันนี้มันจะเป็นยังไง มันก็จะเป็นเรื่องที่เราต้องผ่านมันไป แล้วก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ ไม่ว่ามันจะเป็นยังไง แต่นิ้งรู้สึกว่า ที่นิ้งคุยอย่างบริสุทธิ์ใจ หรือว่าทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นอะ นิ้งว่านิ้งเคลียร์มาแล้ว นิ้งพยายามทำให้ดีที่สุด เท่าที่ตัวเองจะทำได้แล้วค่ะ อย่างที่บอกว่านิ้งรู้สึกว่า ด้วยความที่เราเป็นเนื้องอก แล้วแบบว่าพรุ่งนี้เราอาจจะมีสิทธิ์ที่จะไม่ตื่นขึ้นมาได้เลย หลายๆ อย่างเราเลยมีความรู้สึกว่า ถ้าเราซื่อสัตย์และจริงใจ มันโอเคแล้ว”
กับคนที่กำลังพูดถึงเราในโซเชียล เราอยากจะบอกอะไรพวกเขาบ้าง?
“ไม่มีอะไรจะบอกค่ะ คือนิ้งว่าสุดท้ายแล้ว ความจริงเป็นยังไงเรารู้อยู่แก่ใจค่ะ ไม่ว่าเรื่องอะไร ทุกคนรู้อยู่แก่ใจ ว่าความเป็นจริงเป็นยังไง”
ทุกอย่างยืนยันได้ไหม ว่าเป็นการเข้าใจผิดเท่านั้น?
“มีเรื่องอื่นจะอัปเดตไหมคะ”
เราได้ออกมาพูดเราสบายใจขึ้นไหม?
“อืม…ได้พูดแล้วก็ดีขึ้นนะคะ หมายถึงว่าแบบ เพราะเราก็ยืนยันว่าความบริสุทธิ์ใจของเราคืออะไรตรงไหน และเราพูดถึงตรงไหน นิ้งคิดว่านิ้งพูดไปครบถ้วนแล้ว ว่าเรื่องราวมันประมาณนี้ แล้วสำหรับทู คือมันเป็นแค่เพื่อนกัน มันไม่มีอะไรมากกว่านั้นจริงๆ”
ได้คุยกับทูไหม หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา?
“เราจะไม่ไปเรื่องอื่นกันจริงๆ เหรอคะ (เสียงอ่อย)”
ตอนนี้โสดไหม?
“ตอนนี้นิ้งโสดค่ะ แล้วก็ไม่ได้คุยกับใครเลย ถ้าจะถามประเด็นต่อไปเลยก็คือถามต่อไปได้เลยค่ะ กับไบร์ทก็เป็นเพื่อนค่ะ”
ชาวเน็ตจับผิดว่าเราใส่เสื้อเหมือนกัน ทำกิจกรรมเหมือนกัน?
“อ๋อ คือจริงๆ ด้วยไลฟ์สไตล์ บอกตามตรงว่าไลฟ์สไตล์เป็นคนใกล้เคียงกันมาก ด้วยความที่เราก็เป็นคนเล่นกีฬา หรือว่าแอดเวนเจอร์ คือไลฟ์สไตล์ใกล้เคียงกันมาก แล้วเจอกันก็เป็นปกติค่ะ เป็นเพื่อนกัน คือวันไหนว่าง อยากไปนี่ไปนั่น พวกเราก็ชวนกันในกลุ่ม อย่างที่เห็นว่ามีพี่เต ตะวัน ไปด้วยกัน ตามที่เขามีเดย์ออฟของเขา เพราะเขาก็ทำงานทุกวัน พอวันว่างเขาก็อยากจะไปนั่นไปนี่ เราก็เห็นอยู่แล้วว่าเนาะ ไปด้วยกัน หลังจากนี้มันจะได้ไม่ต้องเป็นประเด็น เพราะว่ามันไม่มีอะไร หมายถึงว่าเราก็เป็นเพื่อนกันจริงๆ ค่ะ คือถ้า “ไบร์ท-วิน” คือคู่กัน “ไบร์ท-นิ้ง” ก็คือคู่กัดค่ะ เพราะว่าเวลาว่างก็เปิดท็อปปิกขึ้นมาแล้วก็เถียงกันแค่นั้นเลยค่ะ”
เสื้อตัวเดียวกัน?
“อ๋อ ถ้าเรื่องเสื้อวันนั้นใส่ไปดูละครเวทีของ “แพรวา” (ณิชาภัทร) แล้วเราหนาว เขามีเสื้อในรถก็เอามาให้แค่นั้นค่ะ เรื่องมันเบสิกมาก”
“ไบร์ท” ใส่หมวก เลยถูกมองว่าอำพรางตัวไป?
“หนูว่าในส่วนของเขาน่าจะอำพรางตัวอยู่แล้ว ไม่ได้เหมือนเรา เขาอาจจะต้องการความเป็นส่วนตัวนิดนึง ก็ไม่รู้ของฝั่งเขาเหมือนกัน ถามว่าคุยกันไหมที่มีข่าว จิ้นเหรอคะ (ยิ้ม) หน้าเหมือนกันใช่ไหม แต่ว่าคือตลกเวลามีคนเห็นอยู่ด้วยกัน รีแอ๊กต์ก็จะแบบสองคนหน้าเหมือนกันจริงด้วย ก็โอเค ก็เหมือนค่ะ”
ด้วยความ “ไบร์ท” แฟนคลับเยอะ คนอาจจะจับตาเยอะ?
“เป็นเพื่อนกันจริง ๆ ค่ะ โอกาสพัฒนาตอนนี้ไม่มีเลยค่ะ ด้วยความที่จริง ๆ แล้ว เวลาว่างเราก็มาเจอกันด้วยซ้ำ เราไม่ได้คุยกันตลอดเวลา ไม่ได้อัปเดตกันทุกเรื่องว่าวันนี้ทำอะไรมา ก็คือว่าวันนี้อยากทำอะไรไหม ว่างก็มาจอยกัน ต่อยมวยไหม ก็มาจอยกัน มันง่ายๆ ค่ะ แต่หนูอยากรู้ว่าถ้าหน้าเหมือนกัน คือไบร์ทสวยหรือหนูหล่อ (ยิ้ม) หนูอยากรู้ว่ายังไงสวยหล่อ”
จะมีผลงานร่วมกัน?
“ยังไม่มีค่ะ เรารู้จักกันนานแล้วค่ะ”
กลายเป็นสาวฮอตถูกพูดถึงข้ามคืน?
“ไม่ได้คิดว่ารู้สึกอะไร หมายถึงว่าจริง ๆ แล้วเราก็รู้สึกว่าเราเป็นคนธรรมดาคนนึงที่ธรรมดามากด้วยซ้ำเพราะเราก็เป็นเนื้องอก เป็นโรคซัมติง หนูไม่ได้รู้สึกว่าหนูเป็นอะไร”
สวย โสด?
“หนูโสดค่ะ ขอย้ำว่าโสดค่ะ คือคิดว่าถ้ามีแล้วไม่ดีก็ไม่มีดีกว่าค่ะ เพราะดีต่อใจใครก็ชอบ ถูกไหมคะ แล้วถ้ามีแล้วยังไม่ดีนิ้งคิดว่าเราก็ไม่ได้รีบที่จะมี ชอบทำงาน ชอบแสดง ชอบเล่นหนัง จริง ๆ นิ้งเป็นคนบ้างานมาก ถ้าทำงานจะไม่เอาอย่างอื่นเลย”
มีใครมาแวะเวียนบ้างไหม?
“ไม่มีนะคะตอนนี้ ไม่มีเลยค่ะ ถามว่าอยากมีไหม คือจริง ๆ นิ้งรู้สึกว่านิ้งชอบมีความรักนะ คือนิ้งว่าทุกคนชอบมีความรักดีกว่า ทุกคนอยากจะมีความรัก อยากฟีลเลิฟ อยากอยู่ในที่ที่รายล้อมไปด้วยผู้คนที่รักเรา ซึ่งนิ้งก็อยากมีสิ่งนั้น แต่ว่าถ้าในเรื่องของแฟนถ้ามีแล้วไม่ดี มันต้องมาบั่นทอนหรือต้องมาทำร้ายเรื่องอื่นอีก เลยรู้สึกว่าไม่มีดีกว่า เพราะว่าเราก็ยังมีพี่น้อง ครอบครัว แฟน ๆ ที่อยู่ข้างๆ นิ้งรู้สึกว่านิ้งโอเค แค่นี้นิ้งก็ชื่นชมกับสิ่งที่นิ้งได้รับมา หมายถึงว่านิ้งไม่ได้ทำอะไรให้พวกเขาด้วย แต่ว่าพวกเขาก็ยังซัพพอร์ตอยู่ นิ้งโอเคแล้วกับแค่นี้ค่ะ”
ถ้ามีแฟนเราก็ไม่เป็นมือที่สามใคร?
“นิ้งรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ยุ่งเหยิงและวุ่นวายเหมือนกันนะคะ งั้นไม่มีแน่นอนค่ะ มือที่สามมันหมายถึงเหมือนเข้าไปพัวพัน ยุยง แตกแยกเนอะ ซึ่งนิ้งมั่นใจว่าไม่ใช่ค่ะ”
ผู้ชายที่ดีสำหรับ “นิ้ง” ต้องเป็นยังไง?
“นิ้งว่าน่าจะเป็นเรื่องของเคมีที่รู้สึก”
แล้วผู้ชายแบบไหนที่จะไม่เอาเลย?
“โกหกค่ะ หนูรู้สึกว่าซื่อสัตย์และจริงใจยังไงก็ดีที่สุดค่ะ หมายถึงกล้าทำก็บอก คือเรื่องความสัมพันธ์มันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนค่ะ บางคนก็โอเคแบบนี้ ไม่โอเคแบบนี้ แต่ว่ายังไงก็ตามนิ้งรู้สึกว่าถ้าเราซื่อสัตย์และจริงใจ ว่าฉันเป็นคนแบบนี้นะ เธอโอเคไหม ถ้าไม่โอเคก็แค่แยกกันไป ถ้าโอเคแล้วโอเคแค่ไหน มันเป็นเรื่องของคนสองคน ซึ่งจริง ๆ แล้วหนูพูดอะไรไม่ได้หรอก เพราะพอถึงหนูจริง ๆ ก็อาจจะโอเคในเรื่องนี้ของคนนี้ ไม่โอเคเรื่องนี้ของคนนี้ก็ได้”
ถ้าเจอผู้ชายเจ้าชู้และโกหกเราจะทำยังไง?
“เจ้าชู้และโกหก อุ๊ย ไม่เคยเจอเลยค่ะ ยังไม่เคยเจอเลยค่ะ ไม่เคยเจอผู้ชายเจ้าชู้และโกหกนะคะ หนูไม่ได้มีแฟนเยอะค่ะ ถามว่าโสดมานานหรือยัง ก็นานแล้วนะคะ ตั้งแต่ต้นปี”
ดูข่าวต้นฉบับ
ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7302116
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7302116