“มายด์ ณภศศิ” ยอมรับรักครั้งนี้ช่วยให้กลายเป็นเวอร์ชันที่ดีขึ้น อนาคตอยากมีลูก


ให้คะแนน


แชร์

“มายด์ ณภศศิ” ยอมรับรักครั้งนี้ช่วยให้กลายเป็นเวอร์ชันที่ดีขึ้น อนาคตอยากมีลูก

         PrimeCast พามาย้อนเส้นทางชีวิตของ “มายด์ ณภศศิ” เน็ตไอดอลและนักแสดงยุคบุกเบิก เปิดใจทุกบทในชีวิตบนเส้นทางวงการบันเทิง โดนบูลลี่ การศัลยกรรม และเรื่องเสียน้ำตา แต่ไม่เคยยอมแพ้ เผยรักครั้งนี้กับไฮโซหนุ่ม “สงกรานต์ เตชะณรงค์” ทำให้เธอเป็นเวอร์ชั่นที่ดีขึ้น แพลนอนาคตอยากมีลูก

มายด์ ณภศศิ

มายด์ ณภศศิ

ในยุคก่อนเคยโดนบูลลี่บ้างไหม แล้วจัดการยังไง ?

มายด์ ณภศศิ : โดนตั้งแต่ประถมตอนที่อยู่ชลบุรีด้วยซ้ำ ที่โดนหนัก ๆ คือช่วงมัธยมต้น เหมือนมีช่วงหนึ่งที่ฮิตไปถ่ายรูปที่สยามแล้วก็มีรุ่นพี่มาขอรูป โดนว่าเยอะมาก เฮิร์ทเหมือนกันนะ ย้ายมาเตรียมอุดมก็โดนจากเว็บบอร์ดออนไลน์มากกว่า ตอนช่วงประกวดอุทัยทิพย์ตอนยังไม่ได้ตำแหน่งก็มีคนมาชื่นชมเราเชียร์เรา แต่พอเราได้ตำแหน่งกลายเป็นมีคนมาหาข้อติ 1 คอมเมนต์พอเริ่มก็จะมีคนตามมาเยอะขึ้น ตอนเด็กอ่านแล้วร้องไห้ เศร้า แต่มีข้อดีคือเราจะเป็นคนที่ไม่เก็บอะไรที่เครียดหรือเศร้ามาคิด เมื่อก่อนการทำศัลยกรรมมันยากมาก เรามีแก้มเยอะเสียงเล็กก็จะมีคนมาว่าเราว่าดัดเสียงก็ปล่อยผ่าน พอมองย้อนภาพกลับไปตอนนั้นก็เครียดเศร้าแต่ก็ไม่ได้เป็นปมมาถึงทุกวันนี้

ตอนช่วงที่ยังไม่มีการทำหัตถการหรือดูแลตัวเองแบบทุกวันนี้ ตอนนั้นทำยังไงให้มีผิวสวยขาวหน้าตาดี ?

มายด์ ณภศศิ : ตอนมัธยมก็มีแอบทาแป้ง ทาอุทัยทิพย์เป็นคนรักสวยรักงาม จริง ๆ ศัลยกรมครั้งแรกคือการทำจมูกตอนขึ้นมหาวิทยาลัยปี 1 ตอนนั้นก็รู้สึกว่าดูแลตัวเองดีในระดับหนึ่ง เพราเริ่มเข้าวงการคนที่แนะนำเข้าวงการทำสวยคือ พี่พจน์ อานนท์ เป็นคนพาไปฉีดพวกโบท็อกซ์ เมื่อก่อนเป็นคนที่แก้มบางทีวันไหนที่เรากินเค็มมันก็จะดูบวม มันคือปมของเราในตอนเด็กแล้วเอาผมมาปิด พยายามไปหาฉีดแฟต ตั้งแต่ยุคที่ฉีดแฟตแล้วหน้าบวมเป็นสี่เหลี่ยม เราก็ฉีดสู้แต่มันก็ไม่ได้เล็กลงตอนนี้ก็ยังมีแก้มอยู่สุดท้ายแล้วอะไรที่มันเป็นเราก็พอแล้วโตขึ้นความคิดมันก็เปลี่ยนไป

มายด์ ณภศศิ

มีช่วงที่เราปล่อยจอย ละเลยสุขภาพไหม ?

มายด์ ณภศศิ : ยุคที่เจอปันปันนั่นแหละ ช่วงที่ตัดสินใจเรียนโทเกี่ยวกับ Anti-aging มีช่วงที่ทำงานมาตลอดแล้วปล่อยปะละเลยจนเริ่มอวบเริ่มอ้วนคนทักก็ไม่เชื่อเราก็ยังรู้สึกว่าเรายังหุ่นดีอะ แล้วตอนนี้กลับไปดูรูปตอนนั้นคืออ้วนมาก ตอนเด็ก ๆ ผอมมากจนมาอ้วน จริง ๆ การดื่มหนักกว่าการกินอีก มีช่วงที่ทำ IF หนักมากแต่ดื่มแอลกอฮอล์ ดื่มกาแฟทั้งวันแล้วมากินข้าวตอนเย็นซึ่งมันเป็นการ IF แบบผิด ๆ ตอนนั้นน้ำหักก็คือขึ้น ๆ ลง ๆ โยโย่ ทุกวันนี้ก็ Balance ตัวเองมากขึ้น

หลังจากที่คบกับพี่สงกรานต์ความรักครั้งนี้เปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตบ้าง ?

มายด์ ณภศศิ : เราเป็นตัวเราในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้น ตอนแรกที่คบกับคนนี้คนก็เตือนเยอะเป็นห่วงเยอะ สุดท้ายเชื่อว่ามันคือจังหวะชีวิตของเราด้วย เติบโตขึ้นมาก็มีประสบการณ์ชีวิตมาแล้วเรามาเจอกันในจังหวะที่มันคลิกกัน เติมเต็มความสัมพันธ์ที่มาเติมในสิ่งที่อีกคนขาด

เคยถาม พี่สงกรานต์ ไหมว่าเขาหลงรักอะไรในตัวเรา ?

มายด์ ณภศศิ : ตอนแรกที่เจอกันก็เป็นคนที่สนุกสนานนะ ก็ยังเป็นมายคนเดิม ชวนเขาไปนั่งชิลเราไม่ได้มาเป็นแบบสายออกกำลังกายหรือทำงาน เขาเหมือนเข้ามาเอ็นจอยในวิถีชีวิตของเรา สนุกไปกับเรา ถ้าถามว่าเคยถามไหม เขาอาจบอกว่าเพราะความเป็นกันเองคิดบวก ไม่ค่อยโกรธใครและใจเย็น แต่ผู้ชายก็จะมีมุมที่ใจร้อนกว่าเรามันก็จะเหมือนหยินหยาง

มายด์ ณภศศิ

เริ่มออกไปเที่ยวน้อยลงออกกำลังกายดูแลสุขภาพมากขึ้น ?

มายด์ ณภศศิ : ปีที่แล้วถือว่าเป็นปีที่เติบโตขึ้น ทำอะไรเยอะขึ้นมาก ๆ เมื่อก่อนเวลาดื่มเยอะ ๆ ก็จะแฮงค์รู้สึก guilty มาก ตื่นมาก็รู้สึกว่าทำไมทำแบบนี้ พรุ่งนี้จะไม่ดื่มแล้วเลิกดื่มตลอดไป แต่สุดท้ายก็กลับไปดื่มอยู่ดี แต่ก็รู้สึกว่าสุดท้ายชีวิตมันต้อง Balance ทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกชอบเอ็นจอยในการดื่มแต่เราต้องทำทุกอยางให้มันพอดีมีลิมิตมากขึ้น

จากวงการบันเทิงมาเป็นนักธุรกิจเห็นตัวเองในอนาคตเปลี่ยนไปเยอะไหม ?

มายด์ ณภศศิ : จริง ๆ ความฝันเราตั้งแต่เด็กเลย อยากทำธุรกิจ เพราะคุณพ่อเคยอยากให้กลับไปช่วยขายไม้ที่บ้าน ซึ่งเป็นโรงไม้ เราก็มีความมั่นใจ แล้วก็ตั้งใจกับตัวเองมาตลอดว่าอยากเติบโตด้วยการทำธุรกิจของตัวเอง แล้วปีนี้ก็เป็นปีที่มองภาพชัดขึ้นมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเส้นทางมันไม่ได้ง่ายเลยนะ การทำงานมันเครียดมากเลยนะ มันมีปัญหาให้แก้ทุกวัน แล้วก็มีเรื่องที่ต้องจัดการอารมณ์ทุกวัน ถ้าคนอยู่ใกล้ ๆ จะรู้เลยว่า บางทีเราคิดว่าเราจัดการได้ แต่เอาจริง ๆ บางทีมันไม่ได้ เราเคยเป็นคนหลับง่ายมาตลอดนะ แต่พอทำงานหนัก ๆ มันก็หลับยาก คิดเรื่องงานก่อนนอน กดดันตัวเอง

มายด์ ณภศศิ

ในอนาคตถ้าอายุเยอะขึ้น ?

มายด์ ณภศศิ : ก็ทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แหละ แต่รู้ว่าสิ่งที่สำคัญกว่าคือสุขภาพ ตอนแก่ก็อยากเป็นคนแก่ที่ยังเดินเหินได้ เล่นกับลูกหลานได้ ส่วนภายนอกก็อยากดูแลให้ดีนะ ไม่ได้ไม่กลัวแก่ เพราะถ้าหน้าเหี่ยวก็ยังไปฉีดโบท็อกซ์อยู่ การดูแลร่างกายเป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปกับการดูแลภายนอก ไลฟ์สไตล์จะให้สุดโต่งก็ทำไม่ได้นะ ต้องยอมรับว่าเรื่อง Genetic ก็มีผล กลัวแก่ไหม ก็กลัวแหละ แต่จะดูแลสุขภาพให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้มานั่งเสียดายทีหลัง และไม่เครียดเกินไป เพราะความเครียดก็ทำให้อายุสั้นเหมือนกัน

ถ้าอายุ 45 พวกเราจะดูแลตัวเองยังไง ?

มายด์ ณภศศิ : คิดว่าอายุ 45 เราก็ยังหน้าแบบนี้ก็คง Maintain อาการไปเรื่อย ๆ แบบพอดีที่สวยในวัยนั้น ยังคงออกกำลังกายตามรูทีน อาจตีกอล์ฟตั้งใจว่าจะตีไปจนแก่ฝึกครั้งหนึ่งมันคุ้ม เป็นคนที่ไม่เก่งกีฬา แค่รู้สึกว่าอันนี้เป็นไลฟ์สไตล์ที่มีตอนแก่ได้ เดินได้ นอนดี มีความสุข เก็บเงินเกษียณก้อนหนึ่ง ชีวิตบั่นปลายมองไว้ว่าสามารถอยู่ที่ต่างจังหวัดได้อยากใช้ชีวิตแบบชิล ๆ

อยากมีลูกไหม ?

มายด์ ณภศศิ : อยากมีความรู้สึกเป็นแม่ อยากรู้ว่ามีเด็กอยู่ในท้องจะรู้สึกยังไง อย่างที่เขาพูดกันว่าไม่เป็นแม่ไม่เข้าใจ ฉันไม่คิดว่าจะเป็นแม่ได้ด้วยซ้ำ ทุกวันนี้แม่ยังช่วยคอยจัดแจงให้อยู่เลยซึ่ง เรารู้สึกว่าหลายคนที่เราเห็นเป็นเพื่อนเราที่อยู่ดี ๆ มีลูกแล้วเขาสามารถเลี้ยงลูกได้ ทั้งที่ไลฟ์สไตล์ตอนอยู่กับเรามันเลี้ยงเป็นแม่คนได้ เหรอ แต่สุดท้ายก็เป็นได้แล้วเป็นได้ดีกันทั้งนั้นเลย ก็เป็นความรู้สึกที่ใช่ อยากก็ได้ค่ะ

มายด์ ณภศศิ

มายด์ ณภศศิ

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.daradaily.com/news/151548/read
ขอขอบคุณ : https://www.daradaily.com/news/151548/read