ป๊อปปี้ เผยอุปนิสัย ทอยทอย เป็นเด็กร่าเริง หลังเคยร่วมงานด้วยกัน


ให้คะแนน


แชร์

ป๊อปปี้ เผยอุปนิสัย ทอยทอย เป็นเด็กร่าเริง หลังเคยร่วมงานด้วยกัน

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

ป๊อปปี้ เผยอุปนิสัย ทอยทอย / ป๊อปปี้ รัชพงศ์ อโนมกิติ พิธีกรรายการแซ่บพาซ่าส์ และ บางกอกกระซิบ ที่เรียกได้ว่าเป็นรุ่นพี่ในวงการบันเทิงอีกคนหนึ่งที่เคยร่วมงานกับ ทอยทอย ธนภัทร ชนะกุลพิศาล วัย 21 ปี ที่ก่อเหตุลงมือทำร้ายแฟนสาวจนเสียชีวิตคาบ้านพัก ได้เปิดใจกับ ข่าวสดออนไลน์ ถึงความรู้สึกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของนักแสดงรุ่นน้อง พร้อมเล่าถึงอุปนิสัยส่วนตัว

ป๊อปปี้ เผยอุปนิสัย ทอยทอย

โดย ป๊อปปี้ เผยว่า “เอาตรงๆ เลยผมค่อนข้างตกใจมาก เพราะว่าผมเพิ่งรู้ข่าวพร้อมทุกคนตอนเช้าเลย ก็คือผมยังไม่เห็นเนื้อข่าวเลยด้วยซ้ำนะ แต่แบบผมรู้แค่ว่ารายการโหนกระแสโทรมาว่าแบบ ”บ็อบบี้รู้จักมั้ยอะไรแบบนี้” ผมก็ตอบไปว่ารู้จักครับเคยทำงานร่วมกันอะไรแบบนี้ เขาก็เลยให้ผมไปออกไปโดยที่ผมเอาจริงๆ นะ ผมยังไม่รู้ข่าวเลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รู้ว่ารายการโหนกระแสอยากให้แบบไปบอกอะไรหน่อย ระหว่างที่เดินทางเราก็ดูข่าวไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งช็อกขึ้นไปเรื่อยๆ ว่าอ้าวน้องเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นมาหรอ อะไรแบบนี้ก็ค่อนข้างจะตกใจมาก ผมไม่รู้จะพูดยังไงเพราะว่าอย่างแรกเลยผมเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากๆเลยทั้งผู้เสียชีวิตอะไรแบบนี้ผมรู้สึกแบบมันอธิบายยาก”

ป๊อปปี้ เผยอุปนิสัย ทอยทอย

ส่วนตัวเคยได้ร่วมงานกันมาอยู่พักหนึ่ง “ครับคือตอนผมร่วมงานจริงๆ ร่วมงานตอนสมัยที่อยู่ดูมันดิด้วยกันเนี่ยแหละครับ ตอนนั้นประมาณปีที่หรือ 2 ปีที่แล้ว ในช่วงที่ยังไม่มีโควิดเลยอะไรแบบนี้ ณ ตอนนั้นนะครับ เราก็ทำงานอยู่ในกลุ่มเดียวกันครับ จะบอกว่าเราไม่รู้จักกันเลยมันก็ไม่ใช่อะไรแบบนี้ ผมรู้จักกับน้องแล้วเราก็เป็นดูมันดิรุ่นแรก น้องก็เข้ามาในรุ่นหลังๆ ส่วนนิสัยส่วนตัวเนี่ยแทบจะไม่รู้เลย จะรู้แค่เรื่องอุปนิสัยในการทำงาน ฉะนั้นผมก็เลยตีจากสิ่งที่น้องทำในพื้นที่การทำงานของน้อง แล้วเราก็บอกนิสัยได้ว่าน้องนิสัยเป็นแบบไหนครับ”

ป๊อปปี้ เผยอุปนิสัย ทอยทอย

เท่าที่เราสัมผัสน้องเขาเป็นคนยังไง “จากที่ผมเห็นและหลายๆ คนที่เคยร่วมงานกับน้องก็จะพูดคล้ายกันว่า น้องเป็นคนที่ร่าเริงนะครับ สนุกสนานแล้วก็กวน เป็นเด็กกวนๆ แบบเด็กเพิ่งเข้าวงการ มันจะมีความสนุกความเฟรซของน้องเขาครับ ซึ่งส่วนที่ผมสัมผัสตัวน้องผมก็จะเจอมุมนี้อย่างเดียว แล้วน้องก็เป็นคนมีนิสัยอย่างหนึ่ง คือเขาทุ่มเท ไม่ค่อยยอมแพ้คน ดังนั้นเวลาเราไปเที่ยวดูมันดิด้วยกัน ถ้าสมมุติผมพูดว่า “เชื่อมั้ยว่าคุณไม่สามารถว่ายน้ำจากตรงนี้ไปเกาะนู้นได้หลอก” น้องก็จะบอกว่า “ผมทำได้พี่” แล้วมันก็จะเป็นเรื่องโจ๊กของคนในกลุ่มว่าเรารู้อยู่แล้วว่ามันไม่ได้ แต่น้องบอกน้องทำได้อะไรแบบนี้ เขาก็จะเป็นเรื่องตลก เราก็จะแซวน้องว่าเห้ยไปเก่งซะแล้วอะไรแบบนี้ เพราะมันเป็นรายการแบบวาไรตี้ด้วยครับ ที่ทำอยู่ในดูมันดินะครับ ดังนั้นเราก็จะรู้จักในมุมของน้องในการทำงานตรงนี้มากกว่า แต่ในมุมลึกๆ ของน้องหรือในมุมส่วนตัวที่น้องไม่ได้เอามาปรึกษาหรือไม่ได้เอามาพูดคุยด้วยเนี่ย เราก็จะไม่รู้เรื่องเลย”

เห็นแค่มุมที่ได้ทำงานร่วมกัน “ใช่ครับ ทำงานร่วมกันก็จะได้เห็นมุมนั้น อย่างในรายการแซ่บพลาซ่า ผมทำงานกับพี่น้ำฝน (พัชรินทร์) ผมก็จะรู้ในส่วนของพี่น้ำฝนว่าทำงานในกองเป็นยังไง แต่เราจะไม่รู้เรื่องส่วนตัวถ้าพี่เขาไม่ได้เล่าให้เราฟัง เราก็จะไม่รู้แล้ว”

แต่ไม่เคยเห็นในมัมก้าวร้าว หรือเกรี้ยวกราดใช่ไหม “ในมุมผม ผมไม่เห็นนะ อย่างที่ผมบอกในรายการโหนกระแส ผมว่าน้องน่าจะเกรงใจผมมากกว่า ว่าพวกผมมาทำงานที่นี่นานแล้ว ส่วนตัวผมก็จะไม่ค่อยบังคับให้น้องมีคาแร็กเตอร์ที่ที่อยู่ในการดูแลของพวกเรา น้องอยากเป็นอะไรน้องเป็นเลย คาแร็กเตอร์น้องอยากเป็นแบบไหน น้องเป็นเลย ดังนั้นสิ่งที่คนเคยเห็น เคยร่วมงานด้วยก็จะเป็นตัวน้องเลย อย่างที่ผมพูดไปตอนแรกว่าในมุมส่วนตัวน้องเราไม่รู้แล้ว”

ตั้งแต่รายการหยุดไป ยังได้คิดต่อกันอยู่ไหม “เรื่องการติดต่อผมพูดตามตรงเลยว่าน้อยมาก ล่าสุดที่น้องทักมาคือเรื่องแฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับ จากโควิดรอบแรกที่เกิดขึ้น ทำให้ทุกคนต้องหยุดงานอยู่บ้าน แล้วเชื่อว่าทุกคนมีความเครียดในตัวเอง ตัวผมก็อยากจะมีงาน อยากจะทำงานแหละ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เราจะออกมาหา จนได้รีบโอกาสจากทางช่อง3 ให้มาทำพิธีกรตรงนี้ ก็เลยโฟกัสมากขึ้นเรื่องของพิธีกร เราจะทำพิธีกรจริงๆจังๆ โดยมีแซ่บพลาซ่าส์ บางกอกกระซิบ จนตัวน้องทอยเองเขาก็มีโฟกัสของเขาครับ เขาอยากจะลาออกไปหาซีรีส์เรื่องใหม่ของเขา หรือมีผู้จัดการคนใหม่ และเขาก็บอกกับทางดูมันดิว่าขอลาออกนะ ขอไปทำตรงที่เขาอยากทำประมาณนี้ครับ ตั้งแต่โควิดรอบแรกก็ยาวมาจนถึงตอนนี้ก็ไม่ได้ปรึกษาอะไรกัน ก็ยาวมาจนถึงรอบนี้ จนมารู้อีกทีเกิดเรื่องแล้ว ผมก็ช็อกว่า เห้ยตอนที่ทำงานด้วยกัน ถ้าเขาเครียดอะไรมีปัญหาอะไรเขาก็จะถามแหละ และส่วนใหญ่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร ถามแค่ว่า พี่ครับทำยังไงอยู่ในกลุ่มแล้วผมจะตลก หรือมีคาแร็กเตอร์แบบไหน ปรึกษาเรื่องงานกันมากกว่าไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ดังนั้นพอมาเจอเหตุการณ์นี้ผมก็เลยช็อกว่าเกิดอะไรขึ้นครับ”

ในกลุ่มดูมันดิได้คุยกันถึงเรื่องนี้ไหม “ทุกคนตกใจเหมือนกันหมดครับ ผมเป็นตัวแทนเลย เพราะว่าทุกคนตื่นมาก็ตกใจ พวกเราทุกคนติดต่อทางทอยน้อยมาก พูดได้เลยเพราะเรามีแค่ไอจีที่คอยติดตามกัน เห็นตามหน้าสื่อ เห็นตามหน้าไอจีทอยที่เขาโพสต์ และทุกคนในทีมก็เป็นแบบนี้หมดครับ ทุกคนไม่ค่อยได้คุยกับน้อง ทุกคนก็ตกใจมาก ว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ยังไงครับ”

ทอยทอยเขาขอลาออกจากดูมันดิใช่ครับ ตัวเขาชัดเจนเลยว่าเขาขอลาออกนะ เขาขอไปทำส่วนที่เขาอยากทำ เขาก็ได้ซีรีส์เรื่องใหม่ด้วย ซีรีส์ที่เพิ่งโปรโมตไป เขาก็ไปเอาจรองเแาจังทางด้านนั้นแล้ว เขาไม่ได้พูดคุยอะไรกับพวกผมเลย จากนั่นไม่มีเลย”

ในกลุ่ม ดูมันดิ ใครสนิทกับน้องบ้าง “ผมว่าทุกคนเท่าๆกันนะ เพราะว่าน้องเป็นรุ่นใหม่ด้วย น้องเข้ามาหลังทอมมี่อีก น้องเข้ามารู้จักทุกคนเท่าๆกัน ทุกวันนี้ก็ยังรู้จักเท่าๆกัน ไม่ได้มีใครสนิทมากกว่าใครครับ”

ผมขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตด้วย และครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย เรารู้สึกว่าถ้ามีอะไรที่พวกเราสามารถช่วยได้ อะไรที่เป็นสิ่งที่ดีที่พวกเรามอบให้ได้ ก็ติดต่อได้เลยครับ ขอแสดงความเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นครับ”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6550716
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6550716