“ชิงชิง คริษฐา” เปิดช่องยูทูบแก้เหงา เล่า “นัท อติรุจ” สุดขยันผันตัวขายน้ำพริก


ให้คะแนน


แชร์

“ทานตะวันเป็นผู้หญิง ที่เข้มแข็ง เป็นผู้หญิงแกร่งที่ดูแลครอบครัว ดูแลไร่และรีสอร์ต มีปมในใจคุณพ่อทิ้งคุณแม่เราไป ทำให้เราฝังใจและเกลียดพ่อ แต่ภายในใจของทานตะวันก็เป็นคนอ่อนไหว เพียงแต่เขาต้องสร้างภาพออกมาให้ดูแข็งแกร่ง เพราะว่าต้องต่อสู้กับไร่คู่แข่ง คือไร่ของเทิดไท (ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล) และทัพไท (กฤษฎา สุภาพพร้อม) สองพ่อลูกที่คิดจะฮุบไร่ของเราตลอดเวลา”

ความแข็งแกร่งที่ว่านั้นเลยเป็นที่มาของฉากบู๊ที่หลายคนพูดถึง

“ใช่ค่ะ จะมีหลายฉากเลยที่ได้เห็นชิงชิงบู๊อย่างที่ไม่เคยเล่นมาก่อน ต้องขอบคุณพี่กบ (ปภัสรา เตชะไพบูลย์) ผู้จัดละครมากๆเลยค่ะ ที่จ้างครูที่สอนด้านแอ็กชันการบู๊ มาสอนให้ที่กองละครเลย รวมถึงให้คุณครูเข้าฉากแสดงด้วย ทำให้เรามั่นใจมากขึ้นตอนที่เล่น เพราะเราไม่เคยเล่นมาก่อนจริงๆ ตอนที่ถ่ายทำเราจะขอโทษทุกคนก่อน บอกเลยว่าเราบู๊ไม่เก่งนะ บู๊ไม่เป็นนะ บอกพี่อั๋น (อัครพรรฒ บุนนาค) ที่เล่นคู่กับเราเลยว่าเราไม่เคยเล่นนะ ขอโทษกันไว้ล่วงหน้า กลัวว่าเราจะทำให้การถ่ายทำช้า”

ความเป็นผู้หญิงตัวเล็กมาก มีผลกับฉากบู๊บ้างมั้ย

“มีผลมากๆค่ะ มีฉากหนึ่งที่ต้องบู๊กับพี่จุ๊บ (อิทธิกร สาธุธรรม) ซึ่งพี่เขาตัวสูงมากๆ แล้วตัวชิงชิง สูงแค่ 160 กว่าๆ ในฉากจะต้องกระโดดถีบพี่เขา แต่เราทำไม่ได้ค่ะ คือตัวเราเล็กเกินไป ก็เลยมีการปรับใหม่ ให้เราอยู่บนรถแล้วค่อยกระโดดถีบพี่เขา เพราะถ้าถีบธรรมดา ถีบไม่ถึงตัวพี่เขาเลยค่ะ ส่วนเรื่องปืนกับระเบิดก็มีผลเหมือนกัน ต้องบอกก่อนว่าตัวเราเองไม่ได้กังวลหรือกลัวเสียงดัง แต่จะกลัวเรื่องความปลอดภัย มากกว่า เรื่องนี้ได้ทำอะไรหลายอย่างที่ไม่เคยทำจริงๆค่ะ”

การร่วมงานกับพระเอก อั๋น–อัครพรรฒ บุนนาค ครั้งแรกเป็นอย่างไร

“ไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน แต่เราเคยเจอกันตามงานของช่องบ้างค่ะ คือรู้จักกันแค่นั้น แต่พอมาร่วมงานกัน พี่อั๋นเป็นคนที่ดูแลเราดีมากๆ อย่างเรื่องฉากบู๊เวลาเราต้องเข้าด้วยกัน พี่อั๋นจะคอยเซฟ จะคอยสอนเราตลอด อย่างเรื่องถือปืนเขาก็แนะนำว่าถืออย่างไรให้ดูแข็งแรง จะยิงท่าไหนให้ดูสวย ส่วนฉากอารมณ์ พี่อั๋นเป็นคนเล่นละครดีมากๆอยู่แล้ว ซึ่งพวกฉากอารมณ์ไดอะล็อกของเรา 2 คนจะยาวมาก บางครั้ง 3-4 หน้า แต่พี่อั๋นก็จะทำการบ้านมาดีมาก เขาเล่นและส่งอารมณ์ให้เราได้อย่างต่อเนื่อง เขาส่งมาเต็มทำให้เราเล่นง่ายขึ้นเยอะเลยค่ะ”

ขึ้นชื่อว่าละครโรแมนติก ฉากเลิฟซีนล่ะ

“เรียกว่าฉากฟินๆ ดีกว่าค่ะ (หัวเราะ) แรกๆ เข้ากับพี่อั๋นยอมรับเลยค่ะว่าเขิน เพราะเราถ่ายฉากนี้กันตั้งแต่ช่วงแรกที่เปิดกล้อง แรกๆก็ไม่กล้าเล่นกันเท่าไหร่ค่ะ โชคดีที่พี่กบจะคอยแนะนำ ทำให้เราสองคนสนิทกันไวขึ้น หลังๆพอต้องเข้าฉากสบตา มองตาซึ้งกันก็เลยผ่านมาได้ด้วยดีค่ะ”

เม้าท์ผู้จัดกันสักนิดเป็นยังไงบ้างในสายตาของชิงชิง

“พี่กบเป็นคนน่ารักค่ะ พี่กบจะมากองแทบจะทุกคิวที่มีถ่าย และพี่กบก็จะมีแฟชั่นเซตส่วนตัวมาที่กองละครค่ะ ชุดต้องเป็นลายดอกทานตะวัน ซึ่งพี่กบไปตัดมาเลยนะคะ มีหลายชุด หลายสีมาก มีพร็อพต่างหู หมวก กำไล คือในกองละครคือรันเวย์ของพี่กบเลยค่ะ (ยิ้ม)”

หันมานอกเรื่องกันบ้าง เห็นว่า 10 เดือนที่ผ่านมานี้ยังไม่ได้ถ่ายละครใหม่เลย

“ใช่ค่ะ อยู่ในช่วงพักกองจากสถานการณ์โควิด-19 ค่ะ ก็เลยแทบจะไม่ได้ออกไปไหนเลยอยู่บ้านตลอด เพราะเราเองก็กลัวด้วยค่ะ ที่บ้านชิงชิง อยู่กับคุณตาคุณยาย ท่านอายุเยอะแล้ว เราก็ไม่อยากออกไปข้างนอก ช่วงเดือนแรกที่ได้หยุดแอบดีใจเพราะตลอดเวลาที่เราทำงานมา เราแทบจะไม่เคยได้หยุดนานๆ แบบนี้มาก่อน แต่พอเข้าเดือนที่ 2 มันก็เริ่มรู้สึกเครียด เครียดโดยที่ไม่รู้ว่าเครียดอะไร มีร้องไห้ด้วยเพราะเราไม่คุ้นกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น คือเมื่อก่อนเราตื่นนอนเราออกไปทำงาน ทำงานเสร็จเราก็กลับมาบ้าน ตื่นและออกจากบ้านวนไปแบบนี้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ตอนนี้ผ่านมาเข้าเดือนที่ 10 แล้วเริ่มชินค่ะ ช่วงที่อยู่บ้าน เราก็ใช้โอกาสอยู่กับครอบ-ครัวเต็มที่ ช่วยที่บ้านทำกับข้าวบ้าง ดูซีรีส์บ้าง เล่นเกมบ้าง แล้วก็ปลูกต้นไม้ อย่างยางอินเดียและมอสเตอล่า กิจกรรมก็จะวนๆอย่างนี้ค่ะ”

ทำกับข้าวนี่ซ้อมเป็นแม่ศรีเรือนหรือเปล่า

“(หัวเราะ) ไม่ค่ะ ยังๆ คือชิงชิงเป็นคนชอบเข้าครัวมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้วค่ะ จะช่วยคุณตาคุณยายทำกับข้าวมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ที่หลังๆไม่ได้ทำเพราะว่าเราทำงานนอกบ้าน ล่าสุดนี่ก็มีโอกาสได้ทำอาหารไปแจกให้กับผู้ที่ต้องกักตัวมานะคะ ไปแจกที่อำเภอบางโปรง จ.สมุทรปราการ เราทำอาหารจากที่บ้านและก็เอาไปฝากให้พี่ๆที่สถานีดับเพลิงช่วยนำไปแจกให้อีกที คือชิงชิงรู้สึกว่า ถ้าเราพอจะช่วยแบ่งเบาตรงไหนได้ก็อยากจะช่วย เพราะอาหารเป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานเลย ถ้าเราไม่ได้นำไปให้เขา เขาก็อาจจะต้องออกมาจากที่กักตัวเพื่อหาซื้ออาหารข้างนอก มันอาจจะกระจายความเสี่ยงในพื้นที่นั้น ก็เลยคิดว่าเป็นสิ่งที่เราทำได้ตรงนี้ก็เลยขอทำค่ะ”

สถานการณ์ในวันนี้กระทบกับชีวิตของชิงชิงเยอะไหม

“ในเรื่องของการทำงานแน่นอนค่ะว่าเราก็ต้องพัก ต้องหยุดทุกอย่างไว้ก่อน แต่ตัวชิงชิงเป็นคนที่มีการวางแผนเรื่องรายได้ และรายจ่ายมาตั้งแต่เริ่มเข้าวงการแล้ว คือเราเป็นคนไม่ค่อยใช้เงินเท่าไหร่ ถูกแซวว่าเป็นคนขี้งก (หัวเราะ) ต้องเล่าย้อนไปว่า ก่อนที่เราจะทำงานด้วยตัวเอง เราขอเงินคุณแม่ตลอด ขอเท่าไหร่คุณแม่ก็ให้ แต่วันหนึ่งที่เราได้มาทำงานหาเงินใช้ด้วยตัวเอง มันกลับทำให้เราไม่กล้าใช้เงิน ไปทำงานเราก็ทานข้าวที่กองละครทั้ง 3 มื้อ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ก็แทบจะไม่ค่อยได้ซื้อ เพราะอาชีพเราคือนักแสดง เราไปกองละครเราก็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวละครอยู่แล้ว ก็เลยจะไม่ได้ไปลงทุนกับอะไรตรงนั้นมาก การใช้เงินของชิงชิงจะมีก็คือในหนึ่งปีที่จะต้องพาครอบครัวไปเที่ยว ไปพักผ่อน ส่วนของตัวเองแทบจะไม่ได้ใช้เงินเลยค่ะ”

ว่าแต่ใครแซวว่าเราขี้งก

“พี่นัท (อติรุจ สิงหอำพล) ค่ะ (หัวเราะ) พี่เขาจะบ่นตลอด จะบอกว่าเราขี้งก ทำไมไม่ยอมซื้ออะไรบ้าง เขาก็จะบ่นๆ แบบเราทำงานมาเหนื่อยนะ ควรจะให้ความสุขกับตัวเองบ้าง อย่าง เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า แต่ชิงชิงเป็นคนไม่ค่อยแต่งตัวด้วยค่ะ ก็เลยทำให้เราประหยัดในจุดนี้ไปได้เยอะเหมือนกัน”

บางคนเขาเริ่มจับธุรกิจในช่วงสถานการณ์โควิด–19 ชิงชิง คิด หรือเริ่มทำอะไรหรือยัง

“มีช่องยูทูบค่ะ ชื่อช่องว่า KKHARITTHA ค่ะ เพิ่งเริ่มทำได้ไม่นาน ก็จะเป็นไลฟ์สไตล์ส่วนตัวของเราเป็นส่วนใหญ่ค่ะ ก่อนหน้านี้ก็จะมีคลิปพวกออกไปเที่ยว ไปคาเฟ่อะไรแบบนี้ แต่ช่วงหลังๆที่เราอยู่บ้านเป็นหลัก ก็ปรับมาเป็นชีวิตเรา กิจกรรมที่เราอยู่บ้าน อย่างแต่งหน้าอยู่กับบ้าน ตอนนี้เริ่มมีแฟนคลับทราบแล้วก็มาติดตามบ้างแล้วค่ะ”

ถามถึงความรักหน่อยดีกว่า อัปเดตวันนี้เป็นอย่างไร

“เรื่อยๆเลยค่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันค่ะ เพราะว่าสถานการณ์โควิด-19 แต่ก็คุยกันปกติ ช่วงนี้พี่นัทเขาหันมาทำธุรกิจขายน้ำพริกแบรนด์ “นัดมาจ๊วด” มีทั้งน้ำพริกหมูกระจก น้ำพริกกากหมู ปลาร้าบอง เราก็เอฟน้ำพริกเขา เขาก็เอาน้ำพริกมาส่ง ก็จะได้เจอกันแบบห่างๆ อย่างนี้ค่ะ”

หลังจากเปิดสถานะว่าคบกันไปแล้ว ทำให้เราสบายใจไหมล่ะ

“ส่วนตัวชิงชิงรู้สึกเฉยๆ เพราะไม่ว่าจะเปิดสถานะหรือไม่ได้เปิด เราทั้ง 2 คนรู้ด้วยตัวเองอยู่แล้วว่าความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่คืออะไร เราเลยไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องเปิดหรือปิด เพียงแต่ ณ ช่วงเวลานั้นมันเหมาะสมที่เราจะเปิดตัว เราก็เปิดค่ะ”

เริ่มมองอนาคตร่วมกันบ้างหรือยัง

“ยังค่ะ อยู่กับปัจจุบันก่อน คือให้ทุกอย่างเป็นปัจจุบัน ถ้ามันโอเคพรุ่งนี้ก็จะโอเค แต่ถ้ามีอะไรที่ไม่โอเคเราก็จะมาคุยกัน”

เริ่มศึกษากันจริงจัง เห็นอะไรในตัวนัทเพิ่มขึ้นบ้าง

“พี่เขาเป็นคนขยันค่ะ อย่างตอนนี้ที่งานด้านบันเทิงชะงักไปหมด เขาก็หันมาเริ่มต้นธุรกิจ อย่างรับน้ำพริกมาขาย ทำให้เรารู้สึกว่าเขาไม่ได้ยึดติดแค่อาชีพใดอาชีพหนึ่งเท่านั้น แต่เขามีความคิดที่จะต่อยอดไปที่ธุรกิจอื่นๆ เป็นคนขยันและไม่หยุดนิ่ง”

ไม่ขอพี่เขาร่วมทุนด้วย

“เคยถามแล้ว เขาไม่ให้ค่ะ (หัวเราะ)”.

เรื่อง: วรรณี ห่อวโนทยาน

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2159287
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2159287