เจ้าของรายการ เม้าส์ข่าวชาวลูกทุ่ง โต้กลับ หลังดีเจดัง แฉเหตุลาออกกะทันหัน


ให้คะแนน


แชร์

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

เจ้าของรายการ เม้าส์ข่าวชาวลูกทุ่ง โต้กลับ / หลังจากที่ ดีเจท็อป ศราวุธ ออกมาให้สัมภาษณ์ ถึงสาเหตุการลาออกจากการเป็นพิธีกรรายการ เม้าส์ข่าวชาวลูกทุ่ง ล่าสุด ใหม่ พฤกพงษ์ เจ้าของรายการ เม้าส์ข่าวชาวลูกทุ่ง ได้เปิดใจขอชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวว่า

เจ้าของรายการ เม้าส์ข่าวชาวลูกทุ่ง โต้กลับ

ใหม่ พฤกพงษ์ เผยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้น คือประมาณวันศุกร์ เราก็จะมีถ่ายทำรายการอีกรายหนึ่ง เป็นรายการไลฟ์สไตล์ไทยแลนด์ ก่อนหน้านั้นเราก็ใช้พิธีกรเปลี่ยนเรื่อยๆ มา เราจะดูพิธีกรที่เหมาะสมกับรายการ ให้เข้ากับคอนเทนต์ของเราที่เราจะออกอากาศทางทีวีหลัก ช่องหลัก แล้วมาช่วงหลังๆ เรามาเปลี่ยนพิธีกรไปเรื่อยๆ แล้วก็ได้มีโอกาสไปใช้พี่คนที่มาพูดให้ฟังให้สัมภาษณ์นี่แหละครับ”

“เราก็ได้ใช้เขาเป็นปกติ แต่มาช่วงหลังๆ เรามองว่าคอนเทนต์เราจำเป็นต้องเปลี่ยน เราก็จะหาพิธีกรที่เป็นวัยหลายๆ อย่างให้เหมาะสมกับคอนเทนต์ของรายการ แต่มีเรื่องหนึ่งจู่ๆ ช่างแต่งหน้าประจำของรายการ ที่แต่งหน้าให้พิธีกรท่านนี้ไม่ไปงาน ช่างแต่งหน้าคนนี้เขาทำแบบนี้มา 2-3 ครั้งแล้ว คือนึกจะไม่ไปก็เทงาน เราต้องไปหาเอาข้างหน้า แล้วมันฉุกละหุก มันแก้ไขอะไรยาก ทางทีมบริหารมองแล้วว่าถ้ายังทำงานแบบไม่มีความแน่นอนหรือไม่มีวินัยในการทำงานแบบนี้ เราเลยจำเป็นต้องปลด พอเราปลดปุ๊บมีเอฟเฟ็กต์ทันที”

“ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องงานเลยแม้แต่นิดเดียว เราได้ทราบมาจากน้องประสานงานว่าพอเปลี่ยนช่างแต่งหน้า พิธีกรท่านนี้บอกว่าถ้าเป็นช่างแต่งหน้าคนอื่นฉันไม่ให้แต่งนะ ฉันไม่แต่ง เราก็ได้ยินแล้วตั้งแต่วันศุกร์ พอถึงวันเสาร์เราก็มาถ่ายทำตามปกติ เพราะรายการเราเป็นรายการสด 12.45 น. จะออกอากาศ ก็จะมีพี่เขาเป็นพิธีกรและมีพิธีกรอีกท่านหนึ่ง มีทั้งหมดสองท่าน พิธีกรอีกท่านหนึ่งก็มาแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย จนเวลาใกล้ 11.00 น. พิธีกรท่านนี้ยังไม่มา โปรดิวเซอร์โทรถามผมว่า อ้าวทำไมยังไม่มาเลยป่านนี้มันใกล้เวลาเกินไปมันจะฉุกละหุก เพราะว่าแขกรับเชิญมาแล้ว ใครต่อใครมากันแล้ว แล้วทางทีมทำงานก็โทรหาผมเลย ผมก็บอกว่า อุ๊ย ไม่น่ามีปัญหาหรอกมั้ง ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะว่าทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว กับเรื่องช่างแต่งหน้าไม่น่าใช่เป็นประเด็นที่จะต้องเอามา รอดูเขาอีกสักพักหนึ่ง”

เจ้าของรายการ เม้าส์ข่าวชาวลูกทุ่ง โต้กลับ

“เราก็รอไปจนถึงประมาณ 11.10 น. พี่เขาก็มาถึงที่ห้องแต่งหน้า ช่างแต่งหน้าคนใหม่ก็ถาม มาถึงก็ให้แต่งหน้า แต่ก็มีสะบัดสะโบกใส่ มีพฤติกรรมการแสดงออกเหมือนกับไม่พอใจ ว่าฉันไม่แต่ง ฉันจะไม่แต่งอะไรทั้งนั้น ต้องมาเคลียร์กันก่อน ช่างแต่งหน้าเขาก็เลยให้พิธีกรอีกคนหนึ่งไปตามผม ผมก็เดินกลับมาถามว่าพี่เป็นอะไร มีอะไรหรือเปล่า ก็ได้ข้อมูลข่าวสารว่า วันนี้ไม่สบาย เรายังไม่อ่าน เราไม่สบาย เราขอลา เราก็อึ้งงงว่า อ้าวแล้วลา แล้วรายการเราเป็นรายการสด มาบอกฉุกละหุกมันทันไหม”

“เราก็รีบประสานทางผู้ประกาศข่าวของที่ช่องว่าให้ช่วยมาอ่านแทนได้ไหม เพราะว่าพี่เขาลา แต่ ณ ตอนนั้น เราก็ยังไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอะไรนะ เพราะเราเข้าใจว่า พี่เขาอาจไม่สบาย เราก็ยอมให้ลาได้ในสัปดาห์นั้น แต่พอให้ลาไปแล้ว ผู้ประกาศอีกท่านหนึ่งมาถึงรีบแต่งตัวรีบแต่งหน้ารีบเข้าห้อง เพราะต้องออกอากาศ มันเป็นรายการสด แล้วทางพี่เขาก็กลับไป และออกจากไลน์กลุ่มการทำงาน เราก็บอก เฮ้ยทำไมออกจากกลุ่ม ให้น้องในทีมประสานถ้ามีเวลาว่าก่อนถึงวันงานให้ลองประสานไปนะ ว่าตัวพี่เขาสัปดาห์หน้าจะมาไหม เพราะถ้ามาแจ้งใกล้ๆ มันอาจจะเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นอีก”

“แต่ยังไม่ทันแจ้งไป เขาก็แจ้งมาหาน้องประสานงานว่าเขาไม่ทำแล้วนะ เขาลาออกแล้ว เรื่องราวมันก็มีอยู่เท่านี้ นี่คือข้อเท็จจริงที่มันเกิดขึ้น แต่การที่เขาไปเต้าข่าวถึงเรื่องลูกค้า ทุกอย่างมีการคอนเฟิร์ม มีการพูดมีการนัดแนะ แต่เขาใช้ความอาวุโสวงการบันเทิงไปบรีฟทางโน้นไปบลัฟทางนี้ ซึ่งทำเป็นคลื่นใต้น้ำ ซึ่งเราไม่รู้ เราไม่ได้เคยมองถึงด้วย แต่เราก็เริ่มสืบจนมารู้หมด”

เจ้าของรายการ เม้าส์ข่าวชาวลูกทุ่ง โต้กลับ

พิธีกรท่านนั้นบอกว่า ที่มีความขัดแย้งกัน ให้เหตุผลว่าไม่สบายใจในการทำงานเพราะว่าศิลปินรับเชิญที่เข้ามาไม่ได้รับการบรีฟจากทีมงาน? “อันนี้ถ้าเป็นข้อเท็จจริงจะบอกว่าอย่างนี้ครับ ศิลปินรับเชิญผมเป็นคนติดต่อเอง เรามีคนบรีฟก่อนเข้าห้องอัด ก่อนเข้ารายการ เราจะมีการบรีฟเพราะมันมีในสคริปต์อยู่แล้ว แล้วทุกครั้งการที่เราติดต่อเชิญเราพูดอยู่แล้วครับ บางทีมันอาจจะไปพูดถึงอย่างที่เขาพูดว่า ไปพูดถึงสินค้า จู่ๆ ศิลปินสินค้ามีเงินมาให้เป็นหมื่น งั้นคุณก็นอนอยู่บ้าน เขาก็ไม่ต้องมาพูด ถ้าคุณจะมาได้คุณก็พูดให้เขาหน่อย แต่ถ้าคุณมาไม่ได้คุณก็บอกเราเท่านั้นเอง คุณทำไม่ได้ก็บอกเรา เราอยากให้ศิลปินมีรายได้เราถึงเชิญมา”
แสดงว่าเรื่องของการบรีฟ มีการส่งสคริปต์ไปให้ก่อนและแจ้งกับศิลปินรับเชิญ ที่จะมาออกรายการได้

มีการแจ้งแล้วถึงการรีวิวสินค้าใช่ไหม? “มันไม่ใช่รีวิวนะครับ ที่มาในรายการที่เราตกลงกับสปอนเซอร์ผู้สนับสนุนไม่ใช่รีวิวสินค้า เป็นการมาสัมภาษณ์อัพเดตชีวิตของศิลปิน ว่าในช่วงสถานการณ์โควิดว่าทำอะไรมา อยู่อย่างไร ใช้ชีวิตอะไรมาแบบนี้ แล้วตอนนี้มีผลกระทบอะไรบ้าง แล้วเสร็จแล้วก็มาตบท้ายด้วยว่าสินค้าที่เข้ามามันจะเหมาะกับศิลปินเนี้ย ศิลปินได้เคยลองไหม ได้เคยใช้ไหม ได้เคยสัมผัส เคยได้ยินมาบ้างไหม แล้วสนใจอยากจะลองใช้ไหม ก็แค่พูดให้เขา เขาก็มีเงินให้ เราก็เออศิลปินมีรายได้ เราก็เห็นใจเพราะช่วงนี้ศิลปินกำลังลำบาก เราก็ถึงเชิญมา”

เช่นนั้นไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับพิธีกร? “มันไม่ได้เกี่ยวกับพิธีกร เพราะพิธีกรเขาก็มีสคริปต์ของเขา แต่พิธีกรบางคนก็อาจจะทำตนเป็นเจ้าของรายการ คือมาเปลี่ยนแปลงอยากจะเปลี่ยนโน่นทำนี่ เป็นเหมือนเจ้าของรายการ เจ้าของรายการไม่เคยว่าเลยนะคุณอยากจะไปแสดงตัวอะไรอย่างไรไม่เคยคิดหรอก เพราะเราไม่เคยคิดอยากจะมาอยู่เบื้องหน้าเราอยู่เบื้องหลัง แต่การไปพูดควบคุมแล้วไปพูดมันไม่ได้เกี่ยวเลย มันไม่ได้ทำให้ผลกระทบกับพิธีกรเดือดร้อน เพราะพิธีกรก็ทำหน้าที่ในสคริปต์ของตัวเอง มาถึงก็ทำของตัวเองไปก็พูดไปก็แค่นั้นเองครับ”

เจ้าของรายการ เม้าส์ข่าวชาวลูกทุ่ง โต้กลับ

จนถึงตอนนี้ได้มีการพูดคุยกันบ้างหรือยังกับพิธีกรท่านนั้น? “ไม่เลยครับ ไม่ได้คุย เพราะตัวผมเองเข้าใจว่ามันไม่ใช่ปัญหาอะไร เขาก็มีสิทธิ์ลา ถามว่าทำงานดีเขาทำงานดี แต่เรื่องราวส่วนตัว เรื่องการไปเอาข่าวโน้นข่าวนี้มาลักษณะพีอาร์เราไม่อนุญาตให้เอามาใช้ เพราะโดยหลักการแล้วข่าวพีอาร์มันเอามาใช้ลักษณะข่าวไม่ได้ อย่างเช่น งานจัดคอนเสิร์ตให้โอนเงินซื้อบัตรได้ที่นี่ เลขบัญชีนี้ คืออะไรแบบนี้มันเป็นลักษณะของข่าวพีอาร์ ซึ่งทางค่ายไม่เคยได้รับเงิน ไม่เคยได้รับการสนับสนุนจากค่ายเพลงที่เขาพีอาร์มา ทางเราก็เลยไม่อนุญาต เราขอให้เป็นข่าวที่แมสและก็เป็นข่าวที่ประชาชนทั่วไปอยากรู้ ไม่ใช่ประชาชนเฉพาะกลุ่ม เพราะรายการเราอยู่ในช่องหลัก เป็นช่องทีวีหลักของชาติเลยก็ว่าได้ เราก็อยากให้เป็นข่าวภาพรวม ไม่อยากให้เป็นข่าวเฉพาะกลุ่มกลุ่มนั้นกลุ่มนี้”

อีกบทสัมภาษณ์หนึ่งที่พิธีกรพูดว่าตัวเองก็ไม่ได้เป็นเจ้าของรายการอยู่แล้ว หลายๆ คนเข้าใจผิดแบบนั้น? “เพราะจริงๆ แล้วเราก็เชื่อว่าทุกคนก็รู้ว่าเขาก็เป็นแค่พิธีกรท่านหนึ่ง ไม่ใช่เจ้าของรายการหรือผู้ผลิตรายการหรอก เพียงแต่ว่าการแสดงออกต่างๆ นานา เขาอาจจะเข้าใจอะไรอย่างนั้น ทุกวันนี้เรายังเชิญศิลปินปกติ เชิญศิลปินที่อยากมาร่วมงานที่เราดูแล้วไม่มีรายได้มาหารายได้เพิ่มเก็บเล็กเก็บน้อยสะสมเข้าไป เราก็เชิญปกติ พอรายการคอนเสิร์ตเราก็เดินปกติ อย่างเช่นสัปดาห์ที่จะถึงเราก็มีคอนเสิร์ตของเสรี รุ่งสว่าง ครับ”

หลังจากพิธีการท่านนั้นให้ข่าวมา เห็นว่าจะไปฟ้องด้วย? “จริงๆ จะเรียกว่าฟ้องไม่ใช่ครับ เราจะใช้คำว่าเราใช้กฎหมาย เราจะแจ้งจับตามกระบวนการเลยครับ เพราะว่าตามกระบวนการของกฎหมาย คือถ้าทำผิดตามกฎหมายอาญาไม่ว่าจะคดีอะไร จะเป็นมาตรา 327,328 หรือ พรบ.คอมพิวเตอร์ก็ตามที่เกิดขึ้น”

“เราจะใช้กฎหมายในการแจ้งจับเลยดีกว่า เราไม่มานั่งฟ้องหรอก คือฟ้องเองส่วนตัวมันเบาไป เราแจ้งจับผ่านสำนักงานอัยการ ผ่านขบวนการยุติธรรมถูกต้อง และเราก็เชื่อว่าเราอยากให้เป็นบทเรียน เป็นบทเรียนที่เขาควรจะต้องคำนึงถึง เพราะการจะให้ข่าวอะไร หรือการเต้าข่าวอะไร หรือการที่จะเมกข่าวอะไรขึ้นมามันต้องระมัดระวัง เพราะที่ผ่านมาการเขียนข่าวอย่าเอาสนุก พรบ.คอมพิวเตอร์มี พรบ.คุ้มครองข่าวก็มี ทุกอย่างมันมี พรบ.ควบคุม มีกฎกติกาที่มันต้องอยู่ร่วมกัน

“แต่เราจะไปคิดเองอย่างโน้นอย่างนี้ การที่เราให้ร้ายป้ายสีคนอื่นมันก็ผิดกฎหมาย การที่เราพูดแล้วไม่พูดข้อเท็จจริงมันก็ผิดกฎหมาย เพราะวันที่เกิดเหตุมันมีคนอยู่ในนั้นเป็นจำนวนมาก คนเยอะครับ คนเห็นพฤติกรรม ร่วมทั้งตอนนี้เราก็ไปขอคลิปจากช่อง ที่ช่องจะมีวงจรปิดจำนวนมาก เราขอข้อมูลช่องเอามาสะสมรวม แล้วก็ไปเอาสิ่งที่เขาโพสต์ทำให้เราเสียหาย ก็ไปว่ากันในชั้นพนักงานสอบสวน หรือในชั้นอัยการ แล้วก็ไปสุดท้ายที่ชั้นศาล”

“คือก่อนที่เราจะทำอะไรเราจะวิเคราะห์ให้มั่นก่อน เราก็จะฝากเตือนว่า ถ้าพูดได้เราอยากจะฝากเป็นอนุสรณ์ คนวงการนี้ วงการเล็กๆ มันแคบมาก มันไปถึงๆ กันหมด ดังนั้นเราจะพูดจะแสดงความคิดเห็นอะไรพึงต้องระมัดระวัง อย่าเอาแต่สนุกอย่าเอาแต่คะนองอย่าใช้อารมณ์มาเป็นตัวชี้วัด บางคนเรามีทั้งอีคิว บางคนก็ไม่ได้คิด คิดไปไม่ถึง เราจะต้องคิดให้เป็น วิเคราะห์ให้ได้ แยกแยะให้ถูก เพราะคนทำงานในฐานะเป็นผู้จัด ผู้จัดมีสิทธิ์เลือกจะใช้พิธีกรท่านไหนก็ได้ จะเชิญศิลปินดาราท่านไหนก็ได้ มันเป็นอำนาจสิทธิ์ของเขา ช่างแต่งหน้ามันก็เป็นสิทธิ์ของเราที่เราจะใช้คนนี้ไม่ใช้คนนี้ แต่ถ้าไม่สบายใจบอกเราสิ ว่าปลดคนนี้ออกไปพี่ไม่ชอบเลย ขอได้ไหม คุยกับเรา แต่ไม่ใช่ใช้วิธีการแบบนี้มันไม่ถูกต้อง”

มีการไปโพสต์อะไรก่อนหน้านี้ใช่ไหมที่ไปเห็นมา? “มีครับ การระมัดระวังในเรื่องการใช้โชเซี่ยลมันเป็นเรื่องสำคัญที่สุดครับ โซเชี่ยลมันมีทั้งคุณและโทษพร้อมๆ กัน ถ้าขาดความระวังมันก็อาจจะเป็นพิษภัยที่ตามมาหาเราได้เหมือนกัน เพราะการที่เราอยู่ในที่สาธารณะ เราคือต้นแบบ เราคือแบบอย่าง เราอยากเห็นคนรุ่นหลังเป็นอย่างไรรุ่นเราต้องทำให้ดีก่อน แต่เรายิ่งทำตัวเรื่อยๆ เลอะไปเรื่อยๆ รุ่นหลังก็จะแย่ขึ้น และการทำอะไรกรรมทั้งหลายทั้งปวงมันอยู่ที่การกระทำ กระทำดีได้ดี กระทำไม่ดีก็ไม่ได้ดี”

“จะมีคอนเน็กชั่น ควรใช้คอนเน็กชั่นดีในเรื่องการทำข่าวอะไรแบบนี้ คือการไปขอเขาแต่ละที่ๆ เพราะมีคนเชิญผมไปหลายที่มากเลย แต่ตัวผมเองอยากจะบอกว่านี่ผมให้ที่แรกสัมภาษณ์คือข่าวสดเพราะว่าเห็นมีประเด็นของข่าวสด เพราะว่าที่อื่นก็เชิญ แต่ตัวเรามองว่าเรายังไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องพิธีกรที่จะมีผลต่อรายการ พิธีกรก็คือองค์ประกอบส่วนหนึ่ง เป็นเหมือนฟันเฟืองตัวหนึ่ง ถ้าฟันฟืองตัวนั้นมีชำรุดเสียหายหรือไม่ดีเราก็อาจจะต้องเปลี่ยน เปลี่ยนไปให้รายการเราเดินอยู่ได้ตรงตามคอนเทนต์ที่ลูกค้าต้องการเท่านั้นเองครับ”

หลักจากมีบทสัมภาษณ์ออกไปแล้ว ทางบ้านไทยลูกทุ่งมีผลอย่างไรบ้าง “มีลูกค้าถอนสปอนเซอร์ อันนี้คือความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเรา เราก็ถือว่ามันเกิดความเสียหายแล้ว ทำให้ภาพลักษณ์คนมองเราไม่ดี แต่ถามว่ามีปัญหากับทางช่องไหม ช่องไม่มี เพราะรายการเราก็ถือว่ามีคอนเทนต์ที่น่าสนใจ และมีผู้ชมให้ความสนใจติดตามคอยชมกันเป็นจำนวนมากเหมือนกัน เพราะเรามีหลายรายการครับ”

มีอะไรอยากจะฝากเพิ่มเติมไหม? “ถ้าอยากจะฝากไว้ อยากจะบอกว่าจริงๆ แล้วคนทำงานวงการบันเทิง มันเป็นวงการแคบๆ เราอยากให้คนวงการบันเทิงอย่าให้คนที่เขามาประณามว่า เรื่องยุ่งๆ ให้ลูกทุ่งเขาทำ จริงๆ มันไม่ยุ่งหรอกครับ มันอยู่ที่ตัวเรา ฝากทิ้งท้ายจะใช้คำสุภาษิตคนโบราณพูดมาตลอดที่สอนเรา จะดีจะชั่วมันอยู่ที่ตัวทำ จะสูงจะต่ำมันอยู่ที่ทำตัว เราเป็นคนประเภทไหนเราเป็นคนอย่างไรการกระทำทุกอย่างมันจะฟ้องและสะท้อนเราออกมา ก็ต้องให้พึงระวัง และก็ฝากไปถึงทุกคนว่า การแสดงออก การใช้โซเชี่ยลควรจะต้องระมัดระวังให้มากขึ้นครับ”

ขอบคุณรูปจากเฟซบุ๊ก ท็อป ศราวุธ พลอยประดับ

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6705339
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6705339