หัวอกพ่อ จตุรงค์ กลัว เจโม่ เกาะลูกสาว บอกฝ่ายชายช่วยทำงานเป็นหลักแหล่ง


ให้คะแนน


แชร์

ล่าสุด ดูเหมือนทั้งคู่จะกลับมาพูดคุยกันอีกครั้งแล้ว งานนี้ แจ็ค แฟนฉัน เลยขอพูดคุยกับ จตุรงค์และแม่กุ้ง ภรรยาถึง เรื่องราวความรักของลูกสาวกับเจโม่ ในรายการ แจ็คขอคุย : คำต่อคำจากหัวอกคนเป็นพ่อ จตุรงค์ยอมรับ “อยากได้ลูกเขยรวย” ซึ่งงานนี้หัวอกคนเป็นพ่อแม่ก็ได้พรั่งพรูความรู้สึกออกมาแบบไม่มีกั๊ก

ลุงรงค์เลี้ยงลูกสาวแบบบังคับลูกหรือเปล่า? 

จตุรงค์ : ห่วง ไม่ให้เขามีแฟน ภาพมันออกมาเป็นอย่างนั้นแต่ในความเป็นจริงไม่ใช่เลย ตอนนี้อนุญาตและก็อยากให้เขามีแฟนซะด้วยซ้ำ ไม่อยากให้เขาเป็นโสดไปจนแก่

ตอนนี้เขา 31 แล้วนะ แล้วจะปล่อยให้เขาไม่มีผัวมันใช่เหรอ คนรวมภาพตอนเฟิร์นอายุ 18-19 อย่าเอาตอนนั้นมารวมกับตอนนี้ เพราะตอนนั้นก็ต้องหวงสิ เพราะเขาเพิ่งเข้าวงการ

ตอนนั้นเลยบอกว่ามีแฟนยังไม่ได้ ตอนนั้นหวงจริงๆ เขายังไม่ประสบผลสำเร็จ ยังไม่มีงานทำเลย ตอนนั้นเป็นแค่ลูกตลกที่คนรู้จัก แต่ตอนนี้เขาเป็นนักแสดง และอายุ 31 แล้ว ลุงก็ให้และอนุญาต แต่คนที่จะมาเป็นแฟนก็ต้องดูหน่อย 

จริงมั้ยถ้าแฟนที่จะมาคบกับลูกสาวต้องมีเงิน? 

จตุรงค์ : มันก็เกี่ยวหน่อยนึง (ยิ้ม) คนที่ไม่มีเงิน ไม่มีงาน ไม่มีอะไรเลย ถ้าเขามาจีบลูกเรา แล้วเขาจะเลี้ยงลูกเรายังไง แต่ถ้าเขาเจอคนที่มีความดีจริงๆ แต่จน ลุงก็ไม่ได้ว่านะ

พ่อแม่ทุกคนอยากได้คนที่มีฐานะทั้งนั้น ไม่อยากให้ลูกไปตรากตรำลำบาก แต่ถ้าไปได้ใครมาก็ไม่รู้ แต่เขาเป็นคนดีแต่ไม่มีตังค์เลยก็ได้นะ แต่ถ้าถามอยากได้คนมีเงินมั้ย ก็อยากได้ 

ตอนนั้นมีข่าวว่าลุงรงค์ไม่ยอมรับเจโม่ ตอนนั้นแม่กุ้งรู้สึกอย่างไร? 

แม่กุ้ง : ก็รู้สึกเห็นด้วย เพราะมันก็ไม่น่าชอบ ก็มีข่าวแบบไม่ดี ที่รู้ๆ กันนั่นแหละ (ตอนนั้นที่เห็นข่าวรู้สึกอย่างไร) ก็รู้สึกตกใจทำไมต้องมาเจอกับเรา (เฟิร์นคุยกับแม่ปรึกษามั้ย) คุยทุกอย่าง (เขาไม่กล้าคุยกับพ่อ) 

จตุรงค์ : เขาคุยกันทุกเรื่องเลย แต่ทุกเรื่องที่เขาคุยกัน กูไม่รู้สักเรื่อง (เพราะดุมั้ย ลูกสาวเลยไม่กล้าคุยด้วย) ไม่ใช่ พอคุยกับเราเขาจะได้คำตอบอีกอย่างนึงที่เขาไม่ต้องการ แต่ถ้าคุยกับแม่ แม่คุยง่าย แม่ลูกเขาเหมือนเพื่อน เขาเลยไม่อยากคุยกับกู บางเรื่องแม่เขาก็มาเล่าให้ฟังต่อ เพราะเรา 2 คนก็คุยกันทุกเรื่องเหมือนกัน 

เจโม่ไม่มีวันได้มาอยู่ในครอบครัว? 

แม่กุ้ง : ตอนแรกถ้ารู้ก็ไม่ชอบแล้ว ทำไมเป็นแบบนี้ แต่ต่อไปก็ไม่รู้ เขาอาจจะดีขึ้น หรือเขาอาจจะ มันต้องให้เวลา เราไปคิดว่าเขาเป็นแบบนี้ตลอดๆ ก็ไม่ใช่ 

ตอนนั้นที่ลุงรงค์ไม่โอเคเพราะว่าหวงลูกสาว? 

แม่กุ้ง : ทุกคนแหละอยากให้ลูกได้แฟนที่ดีๆ 

จตุรงค์ : ต้องโปร่งใส ต้องเป็นคนไม่มีอะไรในด้านลบ อันนี้เปิดมาอะไร เอารถไปคืน เอานู้นเอานี่แฟนเก่า อะไรล่ะ 

ลูกสาวรัก จะแก้ปัญหาตรงนี้ยังไง? 

จตุรงค์ : รักก็รัก ก็ไม่ได้ไปตามราวีเขาหนิ ไม่ได้ตามไปออกฤทธิ์ออกเดช กูก็อยู่เฉยๆ ของกู

แม่กุ้ง : แต่คนชอบมาถามเขาไง 

จตุรงค์ : คนชอบมาสัมภาษณ์ 

กลัวลูกสาวผิดหวังใช่มั้ย? 

แม่กุ้ง : กลัวจะลำบาก

จตุรงค์ : ใช่ กลัวผิดหวัง กลัวลำบาก 

แต่ถ้าวันหนึ่งเจโม่เขาพร้อม ลุงรงค์เปิดโอกาสมั้ย? 

แม่กุ้ง : พูดไม่ได้หรอก 

จตุรงค์ : พูดไม่ได้หรอก มันยังไม่ถึงเวลา แล้วอีกอย่างเขาก็ยังไม่ได้ล้างตัวเองภาพมันยังไม่โอเคเลย ไม่รวยก็ไม่เป็นไรขอแค่เป็นคนดี อันนี้ก็ไม่ได้รวยและก็ยังไม่ได้ดีในสายตากูนะ ไม่ใช่คนดีนะ เห็นสภาพอย่างนั้น อยู่ๆ มีใครก็ไม่รู้มาบอกนู้นนี่นั่น แม่มันยังไม่โอเคด้วยเลย 

แม่กุ้งก็ไม่โอเค? 

แม่กุ้ง : ไม่โอเคอยู่แล้ว พอถึงเวลาลูกเป็นแบบนี้ จะทำไงให้มันดี ทั้ง 2 คน 

ถ้าวันนึงเขาไม่เชื่อพ่อแม่ทำไง? 

จตุรงค์ : และจะให้ทำไง จะให้ไปโวยวายเหรอ เฟิร์นไม่ได้อยู่ในอาณัติกูแล้ว มันไม่ได้เป็นแบบที่ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้แล้ว เพราะมันทำงานได้ เลี้ยงตัวเองได้ ผ่อนบ้าน เอาเงินให้แม่ ดูแลน้อง จะให้กูมาบอกว่าไม่ได้นะ

ถ้าวันใดมันไม่ยอม กูก็ต้องเงียบ เงียบแบบแล้วแต่เขา ไม่ใช่แบบไม่ได้ลูก งั้นลูกกับพ่อตัดขาดกัน จะให้ทำแบบนั้นเหรอ เงียบแต่บอกไปแล้ว แต่เขาไม่ทำตามที่เราบอก เขาไม่สนองเรา จะให้เราทำอย่างไร

แต่ก็เชื่อว่าเฟิร์นก็รักษาน้ำใจพ่อกับแม่ มันไม่ถึงขนาดตัดด้ามพร้าด้วยเข่า พ่อกับแม่ไม่สนจะเอาจนตัดพ่อตัดแม่ เฟิร์นไม่ใช่คนแบบนั้นนะ 

แม่กุ้ง : เฟิร์นขออะไรให้หมดได้ทุกอย่าง 

ลุงรงค์ดูในสื่อเหมือนทำให้ลูกสาวกลัวจนลูกสาวไม่กล้าเข้าหา? 

จตุรงค์ : มันกลัวกูเหรอ (หันไปถามภรรยา)

แม่กุ้ง : มันกลัวป๊าพูด มันบอกว่านักข่าวชอบไปถามพ่อ เพราะพ่อจะได้อะไรเยอะ 

จตุรงค์ : เฟิร์นไม่ต้องการคำตอบที่กูตอบ อย่างเรื่องเจโม่ก็บอกว่าไม่ต้องมาเจอกูเลย กูไม่เอา กูไม่คุยด้วยแต่ถ้ามึงจะไปคุยกันก็เรื่องของมึง กูไม่ได้ว่า ไม่คุย เพราะไม่รู้ว่าจะไปคุยทำไม 

แม่กุ้ง : เพราะเขาตอบตรงไง 

จากนั้น แจ็ค แฟนฉัน ก็ได้บอกกับลุงรงค์และแม่กุ้งว่า วันนี้เจโม่ฝากคลิปมาให้ พร้อมกับเปิดให้แม่กุ้งและลุงรงค์ดู แต่จตุรงค์ ก็บอกว่า กูไม่ดู ไม่เอาๆ (พร้อมกับหันหลังให้) พร้อมกับไล่ แจ็ค แฟนฉัน ว่า ไปอยู่กับเจโม่ ไปคบกับมันเลย ไม่ต้องมาคบกับกู มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องมาฟัง

แม่กุ้ง : ต้องฟังเขาก่อนสิ 

“อยากจะขอขมาตั้งนานแล้วครับ แต่อย่างที่บอก เราก็อยากจะมั่นใจ รู้สึกว่ามั่นคงเราถึงอยากจะไปเจอเขาจริงๆ ก็อยากเจอตั้งนานแล้ว ช่วยรอผมหน่อย แล้วเดี๋ยวจะพร้อมขึ้นเรื่อยๆ ครับ ไม่กลัวที่จะเจอ เพราะรู้สึกว่าถ้าผมดีพอเขาก็คงจะแฮปปี้ที่จะอ้าแขนรับ (แล้วเคยเจอคุณแม่กุ้งมั้ย) เคยครับ (ยิ้ม) ก็ขอให้มั่นใจในตัวผม จริงๆ ทุกวันนี้ผมก็พยายามอย่างเต็มที่” 

และเมื่อจตุรงค์ดูคลิปนี้จบ ก็พูดขึ้นมาทันทีว่า “บอกเลยนะ ก็เหมือนพ่อแม่ทั่วไปที่เขาเห็นคนที่จะมาเป็นลูกเขยเขานะ อันดับแรกเขาต้องรู้ก่อน ว่าทำงานอะไร

งานของคุณพอที่จะเลี้ยงลูกเราได้มั้ย ทุกคนเลยนะ บ้านนอกบ้านนาใครก็แล้วแต่ที่เป็นพ่อของผู้หญิง ถามว่าทำอะไร เอาอะไรมาเป็นหลักเป็นเกณฑ์ให้รู้ก่อน อันนี้ยังไม่รู้เรื่องเลย” 

แม่กุ้งดูคลิปแล้วรู้สึกอย่างไร? 

แม่กุ้ง : ไม่รู้ บอกไม่ถูก แต่ถ้าเอาความจริงเลย คือสงสารในคลิปนี้ แต่เขาเคยพูดอยู่แล้วแหละว่าเขาจะมาหา ก็เลยบอกว่าไม่ต้อง 

จตุรงค์ : อย่ามาหากู ไม่คุย อย่ามาเซอร์ไพรส์นะ หน้าแตกนะ ที่ไม่คุยเพราะมันไม่มีงาน ไปทำงานให้เป็นหลักเป็นฐาน มันไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินนะ มันเกี่ยวกับเรื่องอนาคตนะ ใครจะมาคบลูกสาวก็ต้องมีงาน ฝากอนาคตไว้ได้ เงินเป็นเรื่องต่อไป งานมาก่อน

เรื่องรักแล้วแต่เขา เราไม่เคยห้าม คนที่จะมาชอบลูกเราต้องมีหลัก มีแหล่ง มีงาน ไม่ใช่ลอยไปลอยมา คนที่ด่าว่าเราสนใจแต่เรื่องเงิน เราไม่ได้สนใจเรื่องเงิน เราสนใจหลักแหล่ง ว่าฐานเขาเป็นอย่างไร

คนที่ยังไม่ได้เป็นพ่อเป็นแม่ก็ด่ากูได้ว่าเลือกจังเลย แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งไปเป็นพ่อแม่คน ว่าจะปล่อยลูกให้ไปอยู่กับคนที่ไม่มีอะไรเลย คนที่ด่าถ้าวันนึงมีลูกก็จะนึกถึงเลยว่าอยากให้ลูกไปเจอคนที่มีหลักมีฐานมีงานทำ

ถ้าเขาจะชอบก็เรื่องของเขา แต่เราไม่เจอนะ เราไม่ตามราวีด้วย ถ้ามีงานเจอได้ ทำงานเป็นเรื่องเป็นราวเงินเดือนไม่ต้องเยอะ ขอให้ทำงาน ทำงานแล้วมาเจอได้

จะขายลูกชิ้นก็ได้นะ แต่ขายให้เป็นเรื่องเป็นราวนะ เดี๋ยวจะไปเซอร์ไพรส์หน้าร้านเอง ถ้ามีงานแล้วเดี๋ยวเงินจะตามมาเอง 

กลัวเขาหลอกลูกสาวเหรอ? 

จตุรงค์ : ไม่ใช่กลัวเขาหลอกหรอก กลัวเขามาเกาะ เคยเห็นมั้ย นี่เห็นมานักต่อนักแล้ว คนที่ไม่มีงานแล้วผู้หญิงมีงานทำแล้วอยู่กันไปกันมาผู้ชายไม่ได้ทำอะไรเลย แบมือขอตังค์อย่างเดียว กลัวอย่างนี้มาก กลัวลูกจะต้องทำงานเลี้ยงมัน

ก่อนจะหันไปถามภรรยาว่าจริงมั้ย ซึ่งแม่กุ้งก็ตอบแค่ว่า อืม ซึ่งจตุรงค์ก็บอกว่า เรื่องนี้เมียก็เห็นด้วยนะ ก่อนจะพูดต่อว่า กลัวลูกเหนื่อยมาก ตื่นตี 4 กลับบ้าน 2 ทุ่ม แล้วต้องมานั่งเลี้ยงผัว อันนี้กลัวมาก 

แม่กุ้งได้คุยกับเฟิร์นมั้ย? 

แม่กุ้ง : คุย ล่าสุดได้ข่าวว่าเจโม่ทำงาน แต่เราไม่ได้ถามนะ เหมือนเขาก็อยากจะบอก บอกทำงานแล้ว 3-4 เดือน แม่ไม่พูดแล้ว แล้วแต่เขา เพราะแม่พูดไปแล้ว ถามว่าเจอได้มั้ย ตอนนี้ไม่อยากเจอ 

จตุรงค์ : กูก็มีเหตุผลของกูนะ แม่เขาก็มีเหตุผลของเขา สิ่งที่สำคัญที่สุด เรื่องการทำงาน มันต้องทำนะ ที่ส่งคลิปมาบอกว่าพยายาม พยายามทำงานให้เห็นก่อนเถอะ นี่เปิดทางแล้วนะ มีงานอะไรก็ได้ ทำให้เห็นก่อน 

อยากบอกอะไรเจกับเฟิร์นถ้าดูอยู่? 

แม่กุ้ง : อยากให้ทำงาน ทำให้นานๆ 

จตุรงค์ : ทำงานจริงๆ จังๆ นะ ไม่ใช่ทำงานหลอกกู ไม่ใช่ทำงานหลอกแม่นะ ทำงานเป็นเรื่องเป็นราวให้ชัดเจน ไม่ใช่เป็นดารา ดาราก๊อกๆ แก๊กๆ อาทิตย์นึงมีแค่วันเดียว

หรือเดือนนึงมี 2 วัน ที่เหลือนอนยาว ไม่ใช่อย่างนั้นนะ อย่างนั้นไม่เรียกดารา ดาราต้องเหมือนเรา 2 คนที่ทำงานทุกวัน หรือถ้าเขาไม่เป็นดาราก็ทำอะไรก็ได้

จากนั้น จตุรงค์พูดต่ออีกว่า คนที่ด่าเห็นแก่เงิน อยากได้ลูกเขยรวย การที่ยังไม่ได้เป็นพ่อเป็นแม่คน ยังไม่รู้หรอก จะปล่อยให้ลูกไปผจญกับอะไร ลูกเรา เราฟูมฟักมาตั้งแต่เด็กเราก็อยากให้คนที่จะมาเป็นสามีของลูกเรามันก็ต้องแทนเราได้สิ ไม่ใช่ไม่มีงานทำ ไม่มีเงินไม่เท่าไร แต่กลัวลูกต้องไปลำบากไปเลี้ยงเขา ไม่ได้เห็นแก่เห็น พอจะเลี้ยงลูกได้ 

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2255991
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2255991