เพลง “น้อยใจยา” มีตำนานขานเล่า


ให้คะแนน


แชร์

เล่าขานตำนานเพลง โดยประสาร มฤคพิทักษ์

หากนึกถึงเพลงจากดินแดนล้านนา  เพลง “น้อยใจยา” จะเป็นเพลงลำดับต้นในความรู้สึกนึกคิด และชวนให้นึกถึง น้ำเสียงลีลาของ สุนทรี เวชานนท์ และ จรัล มโนเพ็ชร  ที่ตราตรึงใจคนไทยมานานแสนนาน

เพลงนี้มีเรื่องเล่า

“น้อยใจยา – แว่นแก้ว”  เป็นบทละครซึ่งท้าวสุนทรพจนกิจ (ใหม่ บุญมา) กวีประจำราชสำนักของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี  ประพันธ์ขึ้นถวายและประทานอนุญาตให้ละครแสดงที่วัดสวนดอกในวันประสูติ ครบ 60 พรรษา  โดยพระราชชายา ทรงแก้ไขบทบางตอน และทรงประพันธ์คำร้องประกอบทำนองเพลงพื้นเมืองเดิมของล้านนา คือซอทำนองล่องน่าน ซอทำนองเงี้ยวลา ละครแบ่งเป็นฉาก เช่น ฉากห้วยแก้ว  ฉากบ้านท้าวไชยลังกา และฉากในศาล

น้อย ใจยา  เป็นหนุ่มรูปงาม เป็นบุตรพญาสามล้าน เชียงใหม่

แว่นแก้ว  เป็นบุตรสาวของท้าวไชยลังกา กับ นางอุษา ซึ่งเป็นแม่เลี้ยง  มีพี่เลี้ยงชื่อ บัวเกี๋ยง อาชีพทำเครื่องเงิน

ส่างนันตา  เป็นลูกของ ตังแกส่างมุ้ย  ซึ่งเป็นพ่อค้าไม้ชาวไทยใหญ่

เรื่องมีอยู่ว่า  น้อย ใจยา กับแว่นแก้วมีใจผูกสมัครรักกัน โดยผู้ใหญ่สองฝ่ายต่างก็ยินยอมพร้อมใจ และแล้วก็มีบุคคลที่สามเข้ามาแทรก

ส่างนันตา  พ่อค้าไทยใหญ่ ต้องใจความงามของแว่นแก้ว จึงส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอ ท้าวไชยลังกายังไม่ตกปากรับคำ เพราะด้านหนึ่งก็ให้คำมั่นกับ พญาสามล้านไว้แล้ว และไม่อยากขัดใจบุตรสาว ในขณะที่นางอุษา แม่เลี้ยงของแว่นแก้ว กลับถูกใจส่างนันตามากกว่าเพราะเห็นว่าเป็นคนมีฐานะดี

น้อย ใจยา กับแว่นแก้ว จึงนัดมาตกลงปัญหาหัวใจกันที่น้ำตกห้วยแก้ว

น้อย ใจยา ตัดพ้อว่า “ดอกแก้วดอกนี้จะไปเป็นของคนอื่นเสียแล้ว”

แว่นแก้ว ตอบว่า “ลมพัดต้นไม้ไหวต่างหาก  กิ่งใบ หาได้ไหวตามไม่  แก้วดอกนี้ยังเป็น แว่นแก้วเงาใสอยู่อย่างเดิม  ว่าแต่น้อย ใจยา นั้น รักตนจริงหรือว่าแค่หยอกเล่น”

น้อย ใจยา ตอบกลับว่า  “รักจริงแท้แน่นอน หมายจะเอามาเป็นเมียแพงแนบข้าง”

แว่นแก้ว ว่า  “หากพ่อแม่ไม่เห็นแก่ความรักครั้งนี้ ก็จะหนีตาม น้อย ใจยาไป” 

ปรากฏว่า  ในเวลานั้น ส่างนันตา มาพบเข้าพอดี จึงบอกกับ น้อย ใจยาว่า “เราได้หมั้นหมายแว่นแก้ว ไว้แล้ว  มาทำอย่างนี้ได้อย่างไร เราจะไปฟ้องท้าวไชยลังกา จะนำความขึ้นศาล”

คดีความเข้าสู่ศาล ศาลสอบความ และพยานต่างๆแล้ว พิพากษาให้แว่นแก้วเป็นคนตัดสินใจเลือกคู่ครองด้วยตนเอง  แว่นแก้วเลือกน้อย ใจยา จึงได้แต่งงานกัน

หลังจากนั้น น้อย ใจยา กับแว่นแก้วได้พากันไปรำลึกความหลังที่ห้วยแก้วอีกครั้ง ขณะกำลังชื่นชมน้ำตกและธรรมชาติอยู่นั้น ส่างนันตาที่ผูกใจเจ็บเพราะพลาดหวังเข้ามาถึงจึงเล็งปืนเหนี่ยวไกลั่นกระสุนใส่ น้อย ใจยาทรุดลงสิ้นใจอยู่ตรงนั้น กลายเป็นโศกนาฏกรรมรักสามเส้า ที่เป็นตำนานคลาสสิคของล้านนา

ผู้ที่พลิกฟื้นคืนชีวิตให้แก่ น้อย ใจยา – แว่นแก้ว คือ จรัล มโนเพ็ชร ราชาโฟล์คซองคำเมืองนั่นเอง ที่ประสานดนตรีสมัยใหม่เข้ากับคุณค่าแห่งศิลปะวัฒนธรรมล้านนาอย่างกลมกลืน และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย

                                          น้อยใจยา

                            เพลงโดย   จรัล  มโนเพ็ขร

                                          สุนทรี  เวชานนท์

                                ปวงดอกไม้เบ่งบานสลอน                              

                       ฝูงภมรภู่ผึ้งสอดไซร้

                       ดอกพิกุลของเปิ้นต้นใต้

                       ลมปัดไม้มาสู่บ้านตู๋

                       ฮู้แน่ซัดเข้าสอดสองหู

                       ว่าสีจมปู  ถูกป้อมเก๊าเนิ้ง

                                   เก๊ามันต๋าย

                       ป๋ายมันเซิ่ง

                       ลำกิ่งเนิ้งต๋ายโก่นตวยแนว

                       ดอกพิกุล

                       ก่คือดอกแก้ว

                       ไปเป๋นหองเปิ้น

                       แล้วเหนอ

                                   แปมเก๊าเนิ้งกิ่งมันบ่ถอน

                       บ่ไหวคลอนเฟือนเตี่ยงมันแต้เล่า

                       ต๋ามกำลมเปิ้นปัดออกเข้า

                       มีแต่เก๊าไหวหวั่นคลอนเฟือน

                       กิ่งมันแต้บ่แซสะเหลือน

                       บ่เหมือนลมเจย

                       ลำเพยก่จะนั้น

                                   ใจน้องหญิงนี้หนิมเตี่ยงมั่น

                       บ่เป๋นของเปิ้นคนใด

                       ยังเป๋นกระจก

                       แว่นแก้วเงาใส

                       บ่ไหวคลอนเงี่ยงจายเน้อ

ผู้เขียนได้คุยกับคุณสุนทรี เวชานนท์  นักร้องสตรีที่ร้องเพลงคำเมืองได้อย่างหาใครเทียมได้ยาก  พูดกับเธอว่า

“ดูในคลิปแล้ว  ลีลา  น้ำเสียง สีหน้าท่าทาง  เสมือนเป็นแว่นแก้วตัวจริงที่กำลังโต้ตอบกับ น้อย ใจยา ตัวจริง โดยมีน้ำตกห้วยแก้วเป็นฉากหลังที่ได้อารมณ์มาก”

สุนทรี  ตอบว่า

“แอ๊ด (ชื่อเล่น) ไม่ใช่นักแสดงละคร แต่พอร้องเพลงนี้ทีไร อารมณ์มันอินไปด้วยอย่างธรรมชาติ  ยิ่งคุณจรัลเขาส่งเสียงออดอ้อนตัดพ้อ ทอดสายตามาให้  มันอบอุ่นสมบูรณ์เกินบรรยาย มันทำให้เรารู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันไปเลยในเนื้อหาทั้งหมด”

คุณสุนทรี  ยังเล่าว่า  การที่จรัล มโนเพ็ชร เอากีตาร์มาเล่นนำเพลงนี้  ทำให้คนเฒ่าคนแก่ทางเหนือบางคนไม่พอใจ เพราะเขาถือว่า เพลงล้านนา ต้องใช้สะล้อซอซึงเท่านั้น  ความจริงตอนที่ทำเพลง ก็ใช้เครื่องดนตรีสะล้อซอซึงประกอบไปด้วยตลอดทั้งเพลง  แต่ก็ยังไม่วายถูกต่อว่า

เธอชี้ว่า  “กีตาร์ เป็นเครื่องดนตรีที่วัยรุ่นเข้าถึงได้ง่ายกว่า  เมื่อเวลาผ่านไป ก็พิสูจน์ว่าเป็นความจริง แสดงว่างานศิลปะวัฒนธรรมบันเทิง ไม่จำเป็นต้องขึงตึงตายตัว จนไม่เปลี่ยนแปลง  แต่ควรต้องมีการปรับตัวไปตามสภาพสังคมด้วย”

ชุด น้อย ใจยา ที่แพร่หลายมาก ก็คือชุดที่ นิธิทัศน์โปรโมชั่น นำเพลงนี้มาปรุงแต่งใหม่ภายใต้ปกของนิธิทัศน์

คุณวิเชียร อัศว์ศิวะกุล  อดีตผู้จัดการใหญ่นิธิทัศน์   เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า

“ผมได้ร่วมงานกับจรัล มโนเพ็ชร  มายาวนาน ตั้งแต่ครั้งไปทำรายการเพลินเพลงกันที่ ทีวีช่อง 8 ลำปาง  ในปี  2518  ทำให้โฟล์คซองคำเมือง  ของจรัล กระหึ่มไปทั่วภาคเหนือ

ต่อมาเมื่อผมได้เวลาทาง ทีวี 9  ในยุค คุณประมุท  สูตะบุตร เป็น ผอ. อสมท.  นิธิทัศน์เราทำให้เพลงของจรัลชุด “ลูกข้าวนึ่ง” มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศ   ปี 2531  จัดคอนเสิร์ตชื่อ “ม่านไหมใยหมอก”  ก็มีเพลงน้อยใจยาด้วย   เราประสานงานเพลงกับคุณมานิด  อัชวงศ์  ซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวของจรัล   ต่อมาจรัล  เสียชีวิต  คุณมานิดได้รับมอบให้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ เพลงของจรัลทั้งหมด  คุณมานิด เสียชีวิตไป เมื่อเดือน กค. 64 นี่เอง  ด้วยวัย 74 ปี”

คุณวิเชียร  ยังให้ข้อมูลอีกว่า

“ความจริง เพลงน้อยใจยา ชุดที่ขายดีมากๆอยู่ในราวปี  2521  ตอนนั้นอัดเทปในระบบธุรกิจครั้งแรก  โดย  Sonic  Sound  เจ้าของคือ คุณพรชัย เอื้ออุปถัมภ์ ตอนนั้นดังมากๆ ขายได้เป็นล้านตลับ การผลิตเทปแคทเซทยุคนั้น ยังใช้เครื่องแบบเก่า กำลังการผลิตต่ำ ก็เลยผลิตไม่ทัน ยี่ปั๊วต้องแย่งโควตาจาก  Sonic  Sound แฟนเพลงถึงขนาดต้องเข้าคิวซื้อจากแผงเทป ลองคิดดู ว่า เพลงน้อยใจยา โดนใจคนไทยมากแค่ไหน เราก็ภูมิใจที่นิธิทัศน์  ได้เข้ามาร่วมกระแสทำให้เพลงล้านนาเพลงนี้มีคุณค่าทางศิลปะวัฒนธรรมขึ้นมาในแวดวงบันเทิง   และเป็นเพลงอมตะตลอดไป”

ประสาร มฤคพิทักษ์ : pmarukpitak@yahoo.com  

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.posttoday.com/ent/movie-music/673977
ขอขอบคุณ : https://www.posttoday.com/ent/movie-music/673977