"เบนซ์-ปุณยาพร" เลิฟซีนหนักไปแม่ว่า พิสูจน์ไร้สังกัดรอด ค้นหาความสุขในตัวเอง
“ทุกคนค่ะ ขุนราม (ไนกี้) ไม่ได้แค่เลิฟซีน ตบตีก็มี เพราะพวงทองเป็นเอกภรรยาของเค้า แต่เค้าชอบคนอื่น เค้าอยู่กับเราแบบเพื่อนคู่คิด ไม่ใช่คนรัก แต่ก็จะมีจุดเปลี่ยนที่ทำให้เกิดเรื่องบาดหมางในใจ โดยมีศรีจันทร์ (ฝ้าย) เป็นตัวปั่น กับศรีจันทร์คิดว่าเป็นเพื่อนที่ดี เป็นเพื่อนที่เราจะดูแล ปกป้อง แต่ผลสุดท้าย เราก็เลวสุดๆ ส่วนบุหลัน (แตงโม) เราไม่คิดว่าเพื่อนมาแย่งคนของเรา ก็ตบตีกัน แต่ก็จะเจอจุดเปลี่ยน ทำให้เรื่องราวมันพลิกผัน แต่ละคนร้ายไม่เหมือนกัน ใครจะแทงข้างหลังใคร หักหลังใครต้องตามดู”
ตบตีกับเลิฟซีน อันไหนยากกว่ากัน “เลิฟซีนค่ะ ถ้าสายตบสบายเลย เลิฟซีนเรารู้สึกเกร็ง แต่น้องไนกี้เค้าก็ให้เกียรติเล่นกันแบบเทกเดียวผ่าน ผู้กำกับเค้าก็เซฟให้เราด้วย ไนกี้เค้าจะสมาธิดี แต่ชอบหลุดขำตัวเค้าเอง ละครเรื่องนี้ถือว่าเครียด บทยาวเยอะ และเร่งถ่าย เพราะรีบออนแอร์ ตอนนี้ก็ถ่ายไป ออนไป มันก็เหนื่อย เราก็มีงานอย่างอื่นด้วย บทยาวทุกตอน บทพูดต้องเป๊ะ ก็ต้องทำการบ้านหนัก ภาษาที่ใช้ก็ยาก”
ผ่านละครแนวดราม่า พีเรียดมาเยอะ?
“มันช่วยค่ะ แต่เราร้าย เอาแต่ใจ แบบไม่ยอมคน แล้วเราพูดเยอะอยู่คนเดียว”
ตบกับใครมันสุด “ตบกับศรีจันทร์ (ฝ้าย) มันสุด ฝ้ายโดนปลายเล็บหนูตลอดเวลา หนูก็เกรงใจน้องโดนเกือบตลอด บางทีเล่นแล้วลืมตัว แต่เราไม่ได้ตั้งใจ น้องก็เล่นต่อ ซึ่งฝ้ายเวลาเล่นเค้ามาเต็มตลอด ส่วนเบนซ์เองจะเขียวช้ำตลอด ขาเขียวตลอด เดี๋ยวล้มเอง พลาดเอง ความที่เราตัวเล็ก ต้องเล่นให้ใหญ่ เล่นใหญ่มาก็ต้องใหญ่กลับ เรายังซุ่มซ่ามอยู่เหมือนเดิม”
เรื่องนี้ทำให้เราสะใจแค่ไหน?
“สะใจมากค่ะ ดราม่าหนัก ทุกข์หนัก แต่ก็สู้คนหนักเช่นกัน เป็นมนุษย์จริงๆ ที่ได้ปลดปล่อย โดนทำมาก็โต้ตอบกลับ เพราะเราเล่นบทเรียบร้อย ร้องไห้มาเยอะ มาเจอแบบนี้มันโตขึ้น ได้ปล่อยของมากขึ้น สนุกค่ะ”
ตอนนี้ทำอะไรอยู่บ้าง?
“เปิดร้านขายเสื้อผ้าในไอจี แล้วก็เปิดร้านชานมไข่มุกกับเพื่อน เพื่อนออกจากงานก็เลยมาหุ้นกัน ลองดูว่าเป็นไง และเราอยากทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันของตัวเอง เสื้อผ้าจะเป็นแนวทุกคนใส่ได้ ทำงาน ไปเที่ยว ใส่สบาย ง่ายๆ เพิ่งเริ่มเปิด เบนซ์อยากทำธุรกิจ ถ้ามีละครเข้ามาก็รับ และดูบทด้วย”
เลือกเยอะมากขึ้นมั้ย? “เรามีมาตรฐานของเรา ไม่ใช่ว่าเรื่องมากนะ แต่ขอดูว่ามันทำให้เราพัฒนาการทำงานเราได้มั้ย เล่นแล้วไม่เหมือนเดิม ตอนที่ออกมา คนติดต่อพีเรียดเยอะมาก แต่เบนซ์รับหมดไม่ได้ เพราะพีเรียดถ่ายยาก กลัวพัง และกลัวคนเบื่อเห็นเราเล่นพีเรียด บางเรื่องก็ต้องขอโทษผู้จัด ก็อยากเปลี่ยนมาอยู่ในเมืองบ้าง ฉีกไปจากเดิมๆ อยากให้คนดูเปิดใจลองดูเราในบทบาทใหม่บ้าง”
พอเป็นอิสระ เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง?
“ยอมรับว่าเปลี่ยนไปเลย เพราะเราต้องทำงานแข่งกับเวลา ทีมงานใหม่ พอเป็นฟรีแลนซ์ ทุกคนก็อยากได้งาน ทุกคนต้องเร่งรีบ ตั้งใจทำการบ้าน แล้วเราได้เจอเพื่อนใหม่ ประสบการณ์ใหม่ ได้แชร์ประสบการณ์กัน เราได้เปิดตัวเอง มันโอเค ยิ่งเวลาเราเห็นใครที่เร็วไว เราก็ต้องแอ็กทีฟ”
การไม่มีสังกัดมีเสียงว่าไปไม่รอดหรอก?
“เบนซ์ว่ามันอยู่ที่ตัวเราเอง ว่าเราจะแอ็กทีฟมากน้อยแค่ไหน ไม่ได้อยู่กับคนที่มาพูดแบบนั้น ถ้าคุณทำงานออกมาดี แล้วผู้จัดเลือกเรา แปลว่าเรายังมีฝีมือ ตัวเบนซ์เองก็เรียนแอ็กติ้งเพิ่ม พัฒนาตัวเอง เรารู้สึกว่าเราเล่นเหมือนเดิม ไม่พัฒนา ก็ต้องหาครูที่คอยบอกว่าคาแรกเตอร์ควรเล่นยังไง เรียนมา 3 เดือนแล้ว เพราะเบนซ์รู้สึกว่าเราเล่นแบบใช้เทคนิคมากเกินไป ไม่ได้ใช้ความรู้สึกมาเล่น เราต้องไปเอาความรู้เข้าตัว พอเรียนแล้วเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนวิธีการแสดง”
แปลว่าเรามีเป้าหมายที่ต้องก้าวไปไกลกว่าเดิม?
“เมื่อก่อนไม่คิด แต่เราโตขึ้น ก็อยากเป็นผู้จัด แต่ด้วยหลายๆอย่าง เพราะค่าใช้จ่ายเยอะ ผู้จัดไม่ใช่เรื่องง่าย เราก็เรียนรู้ไปก่อน เบื้องหลังก็อยากทำ ก็หาประสบการณ์ เราอยู่วงการนี้มา 15 ปีแล้ว เราก็มองหาธุรกิจมากขึ้น เพราะเด็กรุ่นใหม่เกิดขึ้นเยอะ แต่ก็ทำตรงนี้ให้เต็มที่ เก็บเงิน ถ้าโชคดีได้เป็นผู้จัด หรือทำธุรกิจของตัวเอง”
สายเซ็กซี่มีติดต่อมามั้ย?
“ก็มีค่ะ แต่ก็คงไม่ได้มากกว่านี้แล้ว เหมือนเรายังกล้าๆกลัวๆอยู่ พอเรื่องนี้ออกมาเลิฟซีนเยอะ แต่พอแม่โทร.มา ก็ใจแป้ว ความมั่นใจมันโดนสะกิด เรื่องเซ็กซี่ก็คงได้ แต่ต้องให้แม่ดู แม่มีลิมิตให้แต่งทูพีซไปเที่ยว ถ่ายรูปได้ แต่มากๆก็จะว่านิดนึง”
ในวงการสาวๆจะแซ่บ แรง เปรี้ยว เหมือนเราไม่สุดสักด้าน “ก็ยังหาๆ ตัวเองอยู่ค่ะ ว่าเราชอบอะไรกันแน่”
ถ้าลุกขึ้นมาปฏิวัติเป็นสาวแซ่บไหวมั้ย “ใจไหวค่ะ แต่เราต้องพัฒนาตัวเองหลายอย่าง หุ่นตัวเอง ช่วงนี้น้ำหนักลด ต้องไปเพิ่มน้ำหนัก เรื่องเสริมหน้าอก แม่คงไม่ให้ทำ”
เป็นลูกอยู่ในโอวาทมาก “ใช่ค่ะ จะแคร์แม่ ด้วย ที่บ้านทำโรงเรียนอนุบาล ก็ต้องแคร์”
ความรัก?
“คือไปดูดวงมา เค้ายังไม่ให้เปิด แล้วเบนซ์ก็ยังไม่ได้โฟกัสเรื่องนั้น ก็คบมาสักพักนึงแล้ว ถ้าคนนี้ใช่ ก็คงจะเปิดค่ะ ขอให้หนี้สินหมดก่อน ยังผ่อนบ้าน ถ้าจะเปิดก็คือคนนี้ชัวร์แล้ว แต่งงาน เป็นคนมองอนาคตภาพไกล”
กลัวเขามองว่าเรากั๊ก “ไม่นะคะ เค้าเข้าใจค่ะ”
หวานขนาดไหน “ไม่หวานเลย เจอกันน้อยมากค่ะ ถ้าหวานก็คงลงรูปไปนานแล้ว ทุกวันนี้ก็ยังไม่ลง เค้าก็ไม่เคยลงรูปหนูด้วย เราไม่ได้ห้าม เค้าก็คิดว่าเรามีเหตุผลของเรา ถ้าลงก็คงกลัวเรามีปัญหา เค้าเป็นรุ่นพี่ค่ะ เพื่อนเราในบางกลุ่มจะรู้”
การที่เชื่อดวงแล้วไม่เปิดเผย แสดงว่ากลัว?
“กลัวเลิก (หัวเราะ) เดี๋ยวเปิดปุ๊บเลิก ทำยังไง เดี๋ยวต้องมานั่งตอบนักข่าวอีก”
มีการแก้เคล็ดมั้ย “เค้าก็บอกประมาณ 3-4 ปี ค่อยมาบอก หรือบอกตอนแต่งงานทีเดียวจบถึงอยู่กันได้ จริงๆเค้าบอกยังไม่ใช่คนนี้ด้วยนะ (หัวเราะ) หนูก็เลยยังดีกว่า เผื่อมีคนเข้ามาบ้าง (หัวเราะ) เราก็ถือเคล็ดตรงนี้ แต่เท่าที่คุยกัน ก็ดูแลดี ให้กำลังใจในเรื่องที่มีปัญหา”
ร้องไห้กับเค้าบ้างมั้ย? “เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งต่อหน้าคนอื่น แต่กับแม่จะร้องไห้เล่าทุกอย่าง แต่ปีนี้เป็นปีที่เครียดที่สุด ภาวะกดดันหลายอย่าง ยิ่งโตยิ่งคิดเยอะ”
พาไปแนะนำกับที่บ้านรึยัง? “ยังเลยค่ะ”
คือยังไม่มั่นใจ หรือจังหวะไม่ได้? “จังหวะมันไม่ได้ด้วยค่ะ และอีกอย่างคือไม่รู้ว่าแม่เราจะแฮปปี้มั้ย เราคิดไปเองหมดเลย แม่หนูจะดุนิดนึง เราก็ค่อยพาไปแล้วกัน”.
ทีมข่าวบันเทิง
ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์ – ข่าวบันเทิง
ขอขอบคุณ : ข่าวไทยรัฐออนไลน์ – ข่าวบันเทิง