แอนนา เล่านาทีรู้ แตงโม พลัดตกเรือ วอนอย่าถ่ายรูปเพื่อนถ้าไม่สวย (คลิป)


ให้คะแนน


แชร์

ล่าสุด แอนนา มาร่วมรายการ “แฉ” ทางช่อง GMM25 โดยมี มดดำ คชาภา, น็อต วรฤทธิ์, ดาด้า วรินดา เป็นพิธีกร และเล่าถึงเรื่องแตงโมไว้ว่า เมื่อวานนี้ (24 ก.พ. 2565) ตอน 21.50 น. แอนนาทักไปหาแตงโมบอกว่าขอเลขบัญชีหน่อย จะโอนเงินค่างานให้ ซึ่งตอนนี้งานเงินดี ได้เงินจากตนตลอด เพราะในสัญญาผู้จัดการจะมีตนเป็นคนหางานออนไลน์ ส่วนงานละครกระติกจะเป็นคนดูแล แล้วเราก็สร้างกลุ่มไว้ชื่อว่า “โค้งสุดท้ายของอีโม” จะมี 4-5 คนคอยดูแล

ก่อนจะย้อนเล่าชีวิตแตงโมว่า ก่อนหน้านี้ตอนคุณพ่อของแตงโมเสีย แตงโมบอกไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้แล้ว แอนนาก็บอกไปว่าทำไมเธอไม่สู้ล่ะ เธอดูฉันสิ ฉันเมื่อก่อนที่เธอให้เงินวันละ 300 ไปเรียนหนังสือ จ้างฉันให้เดินตามเธอ ทำไมเธอไม่สู้ พอคุยกันไปมา นางถามว่าจะสู้ยังไง หน้านางก็เละเทะ ตอนนั้นเราทำรายการข่าว เลยถามว่าเธอยอมรับได้มั้ยล่ะว่าเธอมีปัญหาชีวิต นางก็ยอมรับ หลังจากยอมรับปัญหาทุกอย่าง งานก็เริ่มกลับมา จริงๆ ช่วงปลายปีที่แล้วจะไปสวิตเซอร์แลนด์กัน นางบอกอยากเอาเบิร์ด แฟนหนุ่มไปด้วย แต่ไม่ได้ไปเพราะมันเปลี่ยน Thailand Pass

“พอมาปีนี้ต้นปีก็ชวนนางไปล่องเรือเมื่อ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา หนูเข้าใจเลยนะ โมเป็นคนที่เลินเล่อเวลาขึ้นบนเรือ นางเป็นคนชอบถ่ายรูปตลอดเวลา รูปที่ไปเมื่อวันที่ 15 นางเป็นคนถ่ายให้หมด พอเมื่อวานนี้ตอน 4 ทุ่ม หนูรู้แล้วว่ามันไม่ได้เป็นอะไร พอมีคนโพสต์ว่าโมตกน้ำ หนูคิดว่ามันเป็นเรื่องไม่ได้ใหญ่มาก หนูเลยโทรหากระติก กระติกก็โทรกลับมาถามว่ารู้จากใคร รู้ได้ยังไง หนูเลยบอกว่าเออ ไม่ต้องสนหรอกว่ารู้จากใคร จริงมั้ยกระติก กระติกก็บอกว่าจริง โมมันตกจริงๆ แล้วตกตรงไหน ตกกลางแม่น้ำเจ้าพระยา หนูก็ใจเสียแล้ว

แล้วนางก็บอกว่าอย่าเพิ่งบอกใคร อย่าเพิ่งบอกนักข่าว ตอนนั้นประมาณ 5 ทุ่มครึ่ง หนูก็มองว่าจะไม่บอกใครได้ยังไง มันเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าเป็นเรื่องอื่นหนูปิดได้หมดเลยนะ แต่เรื่องนี้ไม่ควรปิด มันควรจะมีกู้ภัยเข้าไป หนูเลยบอกว่าแล้วแจ้งใครหรือยัง เขาบอกว่าแจ้งหน่วยกู้ภัยแล้ว เดี๋ยวจะมาช่วยงม เราก็ถามว่าแล้วนานรึยัง เขาก็บอกว่า 30 นาทีแล้วยังหาไม่เจอ

หนูก็ถามว่าแล้วเห็นมั้ยว่าตกลงไป นางก็ไม่พูดอะไรแล้วบอกว่าไม่ต้องมา คือหนูบอกว่าจะไปหาที่เกิดเหตุกับพี่ฮิปโป นางก็บอกว่าไม่ต้องมา มาก็ช่วยอะไรไม่ได้ อยู่ที่บ้านรอฟังข่าว แต่ใจเราไม่ได้อยู่บ้านไงคะ ก็เลยรีบไป พอไปถึงก็ไม่เจอใครแล้ว แล้วเราก็ให้ฮิปโปปักหมุดถามไปในกลุ่มถามว่าใช่ตรงนี้มั้ย เขาก็บอกว่าไม่ใช่ เราก็ถามว่าตรงไหนล่ะ เราจะได้ไปถูกจุด เราไม่รู้พิกัดที่แน่นอน การเริ่มต้นหาก็ยากแล้ว ก็พยายามโทรหาพี่มดเพื่อให้ประสานงาน แต่พี่มดทำรายการอยู่ หนูกะว่าถ้ามันเป็นข่าวแล้วคนไปช่วยหาเร็วๆ มันน่าจะเจอเร็วมากกว่านี้ หนูรู้เพราะกู้ภัยโพสต์ หนูก็ถามเขาว่าจริงมั้ย เขาบอกว่าจริง”

พอถามว่าเขาเล่าไหมว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมแตงโมถึงตกลงไป แอนนาบอกว่าอันนี้พูดในความรู้สึก มันแปลกในความรู้สึกตรงที่ว่า คนที่อยู่บนเรือทั้งหมด หนูไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือมีปัญหาอะไร หนูไม่รู้จักเขา หนูรู้จักแค่กระติก หนูแค่รู้สึกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตาม สำคัญที่สุดคือชีวิตของแตงโม คือต้องหาก่อน อย่าเพิ่งเคลียร์ว่าใครขับไม่ขับ สิ่งที่ต้องคิดคือต้องหาก่อนว่าอยู่จุดไหนและต้องหาให้เจอ แต่พอไปที่เกิดเหตุก็ไม่เจอเพื่อน ไม่เจอใคร เราพูดอะไรไม่ได้ เราก็พยายามสวดมนต์ก็หาไม่เจอ เบิร์ด แฟนโม ก็เพิ่งรู้จากพวกหนู เพื่อนสนิทหรือใครก็ตามก็รู้จากพวกหนู

ถามว่าเพื่อนแตงโมที่อยู่ในเรืออยู่ไหน แอนนาบอกว่าเขาน่าจะอยู่ในฝั่งที่เป็นส่วนตัว แต่เราไม่รู้ว่าเขาหาหรืออะไรอยู่ เราไม่ทราบ ที่กระติกไม่ได้โทรหาแม่กับพี่เพราะน่าจะตกใจกลัว ส่วนเรื่องที่เขาหาด้วยตัวเองก่อน แอนนาบอกว่าในความรู้สึกไม่ควรทำอย่างนั้น แล้วเรื่องที่ฟังมาก็งง เรือเป็นสปีดโบ๊ต โมปวดปัสสาวะ มีคนไม่เชื่อ แต่จะบอกว่าโมเป็นคนห้าว ถ้ามันจะปัสสาวะหลังเรือก็ไม่แปลก

แต่หนูเชื่อว่าถ้ามันจะปัสสาวะหลังเรือแล้วพลาดจริง โทรศัพท์ก็น่าจะอยู่กับตัวมันสิ แต่นี่ฝากโทรศัพท์กับกระติกเอาไว้ โทรศัพท์ไม่ได้ตกน้ำ ที่บอกว่าเขาไม่ได้บอกแล้วเดินไปเลย ถ้าเขาเดินไปเลย แล้วทำไมฝากโทรศัพท์ คือโมเป็นคนหยิบโทรศัพท์ตลอดเวลาแล้วถ่ายรูป ถ้าไม่ได้บอกใครแล้วไปปัสสาวะจริง เขาต้องไม่ฝากโทรศัพท์ แต่เขาฝากโทรศัพท์กับเพื่อน

เรื่องกินไวน์มีบ้าง ส่วนเรื่องที่คนคิดว่าติดยารึเปล่า แต่หนูเอาหัวเป็นประกันว่าโมไม่เล่นยา ไม่เคยมีประวัติเรื่องนี้ เพราะโมรู้ว่าพ่อไม่ชอบ แต่ติดยานอนหลับ ส่วนเรื่องเมาก็ต้องมีบ้าง เพราะไปตั้งแต่ 6 โมงกว่า ช่วงก่อน 4 ทุ่มยังคุยกันอยู่เลย แต่หนูแปลกใจตอนที่โทรไปตอน 5 ทุ่มครึ่งทำไมไม่รับ เลยโทรหากระติก เพราะปกติโทรหาโมจะรับเร็ว ถ้าไม่นอนหลับจะรีบรับสาย

จากนั้นแอนนาเล่าต่อว่า “แต่มันก็เป็นลางหลายเรื่องก่อนหน้านี้ นางบอกว่ารู้สึกภูมิใจกับปีนี้ของนางที่สุดในชีวิต” มดดำเสริมว่า “จริง นางมาพูดตรงนี้แก (ชี้ไปที่ฝั่งน็อต) มันเอากระเช้ามาให้ฉันแล้วพูดว่า “แม่ หนูไม่รู้ว่าจะได้เอาของขวัญมาให้แม่อีกเมื่อไร” ก็รู้จักกันมา 20 ปี มันไม่เคยเอาของขวัญมาให้น่ะ”

แอนนาพูดต่อ “หนูจะบอกว่าวันก่อนหนูไปภูเก็ต นางก็อยู่ภูเก็ต ก็บอกว่าโมเดี๋ยวเจอกัน พอคุยไปคุยมา นางก็บอกว่าเดี๋ยวต้องไปเยี่ยมป้า ไปอีกหลายที่ เอางี้แล้วกันเดี๋ยวมาเจอกรุงเทพฯ ยังไงเธอก็ต้องเจอฉันที่กรุงเทพฯ อยู่แล้ว ก็ยังคิดในใจว่าแล้วเราจะเจองานไหน หนูก็ไม่คิด แม่เข้าใจปะ พอบอกว่าโมตกน้ำ เราก็อ้าว มันเพิ่งกลับมาวันนี้ มันจะไปเลยเหรอ คือพอกลับจากภูเก็ตก็ไปเรือเลย”

ก่อนจะบอกว่า “นางเป็นคนซีเรียสเรื่องนึง ตอนมีอุบัติเหตุนางไม่ได้บอกใคร นางไม่อยากให้ใครเห็นตอนที่ไม่สวย แล้ว ณ ตอนนี้ถ้าใครเจอนาง แล้วสภาพนางไม่สวย ก็อย่าถ่าย มันเคยพูดเลย ฉันจะเป็นหรือจะตาย ถ้าไม่สวยอย่าถ่ายรูปฉันลง ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ตอนนั้นที่รถชนก็ถามว่าถ้าเธอตายจะทำไง นางบอกว่าตายได้ แต่อย่าให้ใครเห็นว่าไม่สวย ตายแบบเงียบๆ ไปไม่ต้องให้ใครรู้ ขอสวยๆ ก่อนตาย มันชอบพูดแบบนี้ แล้วเราบอกว่าอย่าไปพูด คนเขาถือกัน มันบอกนับถือศาสนาคริสต์ มันไม่ซีเรียส”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2326145
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2326145