อาชีพผู้จัดการดาราที่ดี ต้องทำอย่างไร ได้เงินเยอะจริงหรือไม่
ผู้จัดการ-ดาราดัง ยังมีอีกหลายแง่มุม ให้ได้เรียนรู้ศึกษากันต่อ หลังจากที่เรานำเสนอไปแล้วจากตอนที่แล้ว เจาะลึกๆ ผู้จัดการดาราดัง ทำงาน-ได้เงินอย่างไร แบ่งเปอร์เซ็นต์เท่าไร (คลิกอ่าน)
คดีดังสะท้านหลายฝ่าย คดีใหญ่ตกเรือของดาราดัง แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ ที่ทำให้สังคมสงสัยคาใจมาก กับการทำหน้าที่ผู้จัดการของ กระติก อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ วันนี้บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ สเปเชียลคอนเทนต์ Special Content จะพาไปคุยๆ กับผู้จัดการดาราดังหลายท่าน ในประเด็นผู้จัดการดาราที่ดี ต้องทำอย่างไร และได้เงินเยอะจริงหรือไม่

โกยเงินทะลุ 12 ล้าน
พร้อมลุยอยู่แล้ว กานต์ วิภากร ศุขพิมาย ภรรยาของ เสกโลโซ LOSO เสกสรรค์ ศุขพิมาย ได้ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการ มายาวนานหลายสิบปี บอกดังๆ เลยว่า การเป็นผู้จัดการทั้งในอดีตและปัจจุบัน ต้องยึดผลประโยชน์ รักษาผลประโยชน์ของศิลปินดาราเป็นหลัก ภาพลักษณ์ภาพพจน์ก็สำคัญ ตอนนั้นเรื่องครอบครัวเราไม่อยากจะให้รู้ต้องปิดไว้ ให้เป็นเรื่องส่วนตัว ให้คนค้นหาเอง ถ้าเราเปิดมากไป จะไม่ตื่นเต้นไม่น่าค้นหาแล้ว
การหางานขายงาน ดีลงานต่างๆ เช่น พรีเซ็นเตอร์ คอนเสิร์ต ฯลฯ ต้องขายให้ได้ด้วยนะ พรีเซ็นเตอร์ที่กานต์เคยดีลมาได้ 10-12 ล้าน กานต์จะไม่ให้ศิลปินไปคลุกคลีกับธุรกิจมากนัก เพราะเราดูแลอยู่ อยากให้ศิลปินได้ร้องเต็มที่ กับงานศิลปะของเขาไป ห้ามให้มีเรื่องกวนใจ กานต์จะเคร่งครัดเรื่องนี้มากๆ ดูแลให้เขาอยู่ในเซฟโซน safe zone ดูแลแบบประคบประหงม ทำให้ศิลปินสบายใจ
ได้เงิน 30% จากศิลปิน
กานต์ดูแลเกือบทุกอย่าง นัดรถตู้ ถ้าขับได้ก็คงขับไปแล้ว ทำบัญชีเบิกจ่าย ฯลฯ ค่ายเพลงที่ตัวเองทำอยู่ ลัสเตอร์เอนเตอร์เทนเมนต์ Luster Entertainment หักกับศิลปิน 30% ยังน้อยนะ ตอนแรกทำสัญญาไว้ที่ 40% แต่หลังๆ เอาแค่ 30% หักบ้าง-ไม่หักบ้าง เงินก็ไม่ได้มากมายอะไร นึกออกมั้ย ถ้างานสเกลใหญ่จะหัก สเกลเล็กเราไม่หัก % เราทำงานแบบครอบครัวเพื่อนพี่น้อง ไม่เน้นธุรกิจมากนัก

ตามติดตลอด ไปเฝ้าถึงห้องน้ำ
นุ่ม ปิยะชาติ ชีวภาคย์โสภณ ผู้จัดการดารา-นางงามสุดปัง น้ำตาล ชลิตา ส่วนเสน่ห์ และอีกหลายคน เปิดใจชัดๆ ดังนี้ ดูแลน้ำตาลมากว่า 6 ปีแล้วค่ะ ถ้าเราไม่ได้ไปด้วย ก็จะส่งผู้ช่วยที่เก่งเป็นงาน ที่เราไว้ใจได้ไปแทนค่ะ การเป็นผู้จัดการดารา ไม่ว่าจะไปทำงานหรือเที่ยวด้วยกัน มันไม่มีคำว่า วันนี้ไปเที่ยว วันนี้ไปเป็นผู้จัดการนะคะ

การไปด้วยกัน คือดูแลกันตลอดค่ะ เช่น ถ้าน้ำตาลจะไปเข้าห้องน้ำ เราก็ต้องตามไปด้วย ไปเฝ้าด้วย คอยอยู่ใกล้ๆ ถ้ามีเหตุฉุกเฉินอะไร เราจะได้ช่วยได้ทันที เช่น อาจมีเหตุการณ์ซิบแตก หรือเกิดเหตุอะไรขึ้น หรือแม้กระทั่งเราเอง จะไปไหนมาไหน ไปคุยโทรศัพท์หรือแวะที่ไหนก่อน ก็ต้องบอกดาราที่เราดูแลด้วย เขาจะได้รู้ว่าเราไปไหน ทั้งหมดนี้คือเราเป็นห่วงเขา เขาก็เป็นห่วงเราเช่นกันค่ะ

คนรู้ใจสุดคือผู้จัดการ
ไปๆ ไปคุยกันต่อกับ สัม พัชษวัฒน์ ทองจีน ผู้จัดการของ พระเอกหล่อแรง ตูมตาม เดอะสตาร์ The Star ยุทธนา เปื้องกลาง ที่ดูแลกันและกันมานานกว่า 10 ปีแล้ว และยังมีดาราอื่นๆ อีก 10 คน ที่ยังต้องดูแลอีกด้วย สัม พัชษวัฒน์ ได้บอกไวๆ ถึงการเป็นผู้จัดการที่ดีดังนี้
รู้จักหน้าที่ควรจะทำ เรื่องการรับงาน ต้องพิจารณาเนื้อหาของงานนั้นด้วย และดาราศิลปิน ต้องทราบว่างานนั้นคืองานอะไร เรื่องก่อนและตอนขณะที่ดาราไปทำงานอยู่ เราต้องตามไปดูแลหมด ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็ตาม ละคร อีเวนต์ ร้องเพลง ฯลฯ
ดาราศิลปินมีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง คนรู้ใจที่สุดของดาราก็คือผู้จัดการ ว่าเขาต้องการอะไร เราจะได้จัดไปให้ รายละเอียดย่อยๆ ก็แล้วแต่ศิลปินด้วย ตูมจะมีความติสต์ของเขาเอง เราไม่ต้องไปยุ่งกับเขาเยอะ ไม่ต้องรู้ไปทุกเรื่อง แต่ให้เขาเห็นตัวเรา ว่าเราอยู่ตรงไหน เวลาเขาอยากได้อะไร เขาจะได้เดินมาบอกเรา
อย่างกองถ่ายละคร เมื่อก่อนพี่จะไปด้วยตลอด แต่หลังๆ จะมีผู้ช่วยไปแทน ที่กองละครเราตามไปด้วยเหมือนเพื่อน ไม่ต้องไปยุ่งเยอะ เพราะคนรับผิดชอบในกอง จัดการให้อยู่แล้ว แต่ว่าเราไปด้วย เพราะตูมจะเอาอะไรจะบอกเรา นอกเหนือจากตรงนั้น ไม่ต้องไปคลุกคลีตลอดเวลา แต่อยู่ในสายตา ให้รู้ว่าเราอยู่ ตูมจะเรียกพี่ว่าป๊า เหมือนเราเป็นผู้อาวุโส เหมือนพ่อเขาไปแล้ว ดาราคนอื่นๆ ก็เลยเรียกเราว่าป๊าๆ เรียกตามตูมไป
ก่อนรับงาน ต้องรู้ให้ละเอียด
งานทุกอย่างต้องรู้ให้ละเอียด อย่างงานละครตูมต้องรู้เยอะหน่อย รายละเอียดต้องรู้หมด ถ้ามีละครเข้า ตูมต้องรู้ว่าก่อน ถึงจะรับได้ ถ้าเรารับงานละครเองโดยไม่บอกเขา ตูมจะบอกว่าป๊าไปเล่นเอง ผมไม่เล่นนะ (หัวเราะ) จริงๆ ท้ายที่สุดก็ต้องบอกเขาแหละ งานละครต้องรู้เยอะ เขาเล่นแล้วต้องอิน ต้องแฮปปี้ด้วย เพราะเขาต้องอยู่กับละครตั้งแต่ต้นจนจบ ละครหนึ่งเรื่องทำงานหลายเดือน กว่าครึ่งปี
งานอีเวนต์ส่วนมากโชว์ตัวๆ ร้องเพลงๆ ไม่ต้องปรึกษาอะไรเยอะ ให้ดูแค่ว่างบประมาณเท่าไร เดินทางยังไง ค่าใช้จ่ายคุ้มมั้ย แต่อีเวนต์มีเรทของมันอยู่แล้ว ถ้าต่อรองจะลดเพิ่มตรงไหนจากเนื้องาน
การเข้ามาเป็นผู้จัดการของแต่ละคน มีหลายเหตุผลนะ ขึ้นอยู่กับความอยากจะเป็นด้วย อย่างพี่มาเป็นผู้จัดการให้ตูม ต้องบอกว่า มาเป็นแบบตกกระไดพลอยโจน เพราะพี่มีงานของพี่อยู่แล้วได้เงินหลายหมื่น ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้จัดการดาราก็ได้ จริงๆ การเป็นผู้จัดการดารา มันไม่ยากหรอก ถ้าเราเข้าใจเขา เพราะเราต้องซัพพอร์ต support เป็นเหมือนแขนขาช่วยเขาทำงาน
เรื่องของกระติกกับแตงโม มันเป็นเรื่องการจัดการของเขา ที่เขาคุ้นเคยกับการทำแบบนั้นกับศิลปินดาราของเขาเอง ไม่ควรพูดดีกว่า สไตล์ใครสไตล์มัน คือการเป็นผู้จัดการดารา ไม่ได้มีมาตรฐานเป็นข้อๆ ว่าต้องทำอะไรบ้าง มันขึ้นอยู่กับการตกลงของเรากับดารา ว่ามีความพอใจกันตรงไหน ให้ดูแลตรงไหน

ได้เงินประจำเป็นรายเดือน
พี่ได้เป็นเงินเดือน เพราะตูมตามทำเป็นรูปแบบบริษัทแล้วมาจ้างพี่ เป็นพนักงานบริษัท ส่วนรายได้เป็น % จากงานอื่นๆ เช่น อีเวนต์ได้ 10% บริษัทของตูม แล้วพี่ก็เป็นพนักงานบริษัทของตูม
ถามว่ารายได้ดีมั้ย ก็โอเคแหละ! เป็นรายได้ที่สวยงาม พี่ไม่ได้ดูแลดาราเป็นธุรกิจโมเดลลิ่งไปหมด ดูแลกันอย่างพี่น้องเหมือนลูกเต้า อย่างบางคนได้งานได้เงินมาน้อย หรือบางคนที่ดูแลก็แทบจะควักเงินให้เลย บางคนมาขอผ่อน มาขอยืม เบิกล่วงหน้าก่อนก็มี ป๊าไม่มีเงิน เอามาหมุนตรงนี้ก่อน หรือบางงานได้เงินไม่เยอะ ก็ไม่ได้หัก 30% ดูที่งานด้วย

ผู้จัดการดาราก็เหมือนไม้กันหมา
รีบไปคุยกันต่อกับ เต้ย เฉลิมพล พูลสวัสดิ์ ผู้จัดการของ กุน กิตติคุณ ตันสุหัส เดอะเฟซเมนไทยแลนด์ The Face Men Thailand
การเป็นผู้จัดการดารา จะดูแลดารา ต้องรู้เรื่องดารามากกว่าคนอื่นๆ ต้องรู้ว่าดาราชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ใกล้ชิดกันต้องรู้สันดานของดาราด้วย การเป็นผู้จัดการก็เหมือนไม้กันหมา เป็นด่านหน้ารับทุกอย่าง ไปชนกับลูกค้า ปะทะต่อรองราคา พูดคุยกับคนจ้าง
เรื่องเงินที่ได้รับก็แล้วแต่งาน แบ่ง % กันไป ส่วนใหญ่ 30% แต่ถ้างานงบไม่เยอะก็ได้น้อยลงไป กระติกผู้จัดการแตงโม มีหมวกของความเป็นเพื่อนและผู้จัดการอยู่ด้วย เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของเขาด้วย ต้องดูแลให้เต็มที่

ต้องมีคุณธรรม อย่าโลภ
คุณแอ๊ว ปราณี พูลเกิด คุณแม่ของนางเอกดัง ขวัญ อุษามณี ไวทยานนท์ ที่เป็นแม่และเป็นผู้จัดการ ให้ลูกสาวมาตั้งแต่เด็ก บอกเลยว่าการเป็นผู้จัดการดาราที่ดีนั้น จะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ ผู้จัดการดาราต้องมีจิตสำนึก สามัญสำนึก คุณธรรม มโนธรรมอยู่ด้วย การเป็นผู้จัดการดาราที่ดี ไม่ว่าจะสมัยก่อนหรือสมัยนี้ ต้องมีความรับผิดชอบกับดารา
ผู้จัดการดาราต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ เข้ากับคนอื่นๆ ได้ดี มีความตรงไปตรงมา อย่างการรับงาน อย่าโลภอย่าเห็นแก่เงิน อย่าคิดราคามากไปหรือน้อยไป ต้องมีความประนีประนอมอยู่ด้วย ขวัญ อุษามณี กล่าวเสริมสั้นๆ ไว้ว่า “ผู้จัดการดาราต้องเป็นเหมือนกำแพงค่ะ คอยดูแลปกป้องดาราในทุกๆ เรื่อง”


30 ปีที่เป็นผู้จัดการดาราดัง
ปิ๊ก ฌาณฉลาด ทวีทรัพย์ ทำอาชีพเป็นผู้จัดการดารา มายาวนานกว่า 30 ปีแล้ว ล่าสุดก็เป็นผู้จัดการให้กับ พระเอกหล่อแรง กองทัพ พีค และอีกหลายคน ให้สัมภาษณ์ชัดๆ ดังนี้
พี่เป็นผู้จัดการดารา ผ่านมาหลายยุคแล้ว การเป็นผู้จัดการดาราที่ดี มันมีหน้าที่ต่องานต่อน้องเป็นที่ตั้งอยู่แล้ว เวลาเรามองหาดารานักแสดงที่จะมาดูแล ดาราก็มองหาผู้จัดการที่ดีพอมาดูแลเขาเหมือนกัน พี่มองหานักแสดงใหม่ๆ ที่มีความรับผิดชอบเสมอ ถ้าคุณภาพของเราลดลง เด็กก็จะไม่มาอยู่กับเรา ดังนั้นเราต้องพัฒนาตัวเอง และพัฒนาเด็กเราให้พร้อมแข่งขันด้วย
การกดดันให้เด็กมีพัฒนาการที่ดี เพิ่มพูนความสามารถ เพื่อที่จะลงไปทำงาน แล้วแข่งขันกันคนอื่นได้ แต่ถ้าไปกดดันแล้ว ทำให้ดาราไม่เป็นตัวของตัวเอง แบบนี้ไม่ได้

ผู้จัดการดาราที่ดี ต้องพึ่งพากันได้
การทำ sign เซ็นสัญญา มองหาเด็กที่ดีพอ sale นำเสนองานให้ได้ service วันหนึ่งที่ดังมากพอ คุณต้องแนะนำต่อยอด หาทางออกที่ดีให้ดารา ที่จะไปต่อได้ การเป็นผู้จัดการดาราที่ดีต้องมีความรัก ความเมตตาต่อเด็ก มีคุณธรรมในใจ เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี พึ่งพากันได้ทั้งในยามสุขทุกข์ลำบาก ในยามที่เขาต้องการเรา การเป็นผู้จัดการดารา มันเป็นความผูกพันของคน บางทีเราอยู่ด้วยกันมากกว่าคนในครอบครัว เห็นกันทุกซอกมุม ดังนั้นต้องมีทั้งพระเดชพระคุณ
ที่จีนหักมากถึง 80%
ผู้จัดการดาราดัง ปิ๊ก ฌาณฉลาด ให้ข้อมูลที่น่าสนใจต่อดังนี้ พี่หักรายได้จากเด็กปกติ ที่ 30% เรารู้มาที่จีนคือมีหัก 80% เพราะเขาทุ่มทำให้ทุกอย่าง มีบ้าน มีรถ มีค่าเรียน ฯลฯ ทุกอย่างให้หมด แพลตฟอร์มช่องหาเงินที่จีนมีเยอะ เขาก็ถมกันเต็มที่! โอกาสที่จะได้เงินคืน มันก็ค่อนข้างสูง และได้ยินมาที่เกาหลี ก็หักเริ่มตั้งแต่ 80% พอเด็กๆ มีงานก็จะค่อยๆ ปรับลด % ลงไป

ผู้จัดการดาราก็มีการแข่งขันสูงมาก การเป็นผู้จัดการดารา มันกระทบไปหลายส่วน เราต้องถามตัวเองด้วยว่า เราดีพอกับอาชีพนี้หรือยัง เราก็มองไปในหลายกรณีศึกษาต่างๆ เฮ้ย! เราอยู่ตรงนี้ ทำตัวอย่างไร ที่ทำให้คนในวงการจะยอมรับหรือย่ำยีเรา สิ่งที่กลัวกับการเป็นผู้จัดการดารา คือในโลกบันเทิงที่ไม่หยุดนิ่ง เราต้องกดดันตัวเอง สื่อสารกับเด็กให้ได้ เพื่อให้ได้งานที่อัปเดต
ก่อนรับงาน ต้องรู้รายละเอียดให้ชัดเจน
ถึงคิวคุยกับ แม่ก้อย วรณัชชา ละอองมณี คุณแม่ของพระเอกดัง เก้า จิรายุ ละอองมณี ต้องทำหน้าที่แม่ และเป็นผู้จัดการให้ลูกชายไปด้วย หลังจากที่เคยมีผู้จัดการแต่โดนโกงหลายล้าน คุณแม่ก้อยเลยต้องกลับมาเป็นผู้จัดการให้ลูกอีกครั้ง บอกไว้ดังนี้
เวลาจะรับงานอะไรมา ต้องถามความเห็นนักแสดงก่อน ยิ่งเราเป็นทั้งแม่และผู้จัดการ จริงๆ ความเป็นแม่เรายอมหมดทุกอย่าง แต่ในฐานะที่เป็นผู้จัดการ เฮ้ย เราต้องพูดด้วยในบางอย่าง ยกตัวอย่าง ว่างานนี้ดี แต่ส่วนตัวไม่ชอบ เฮ้ย! ไม่ชอบ ต้องรอเวลา
ถ้าเราดูแลดาราหลายคน เราอาจจะโยนงานนี้ให้ดาราคนอื่นได้ แต่ถ้าเราชะลอ ยังไม่ต้องปฏิเสธงานไปนะ จะถามคนจ้างก่อนว่า รอได้ช้าสุดเมื่อไหร่ รอไม่ได้ก็ไม่เป็นไร คือเราจะไม่รีบปฏิเสธ จะขอรายละเอียดให้ได้มากที่สุด อยากคุยก่อน ถามเองคุยให้ชัดเจน

ให้จำผลงานเราไปจนวันตาย
แม่ก้อย วรณัชชา พูดไวๆ ต่ออีกดังนี้ เราไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า น้องเก้าโตขึ้น งานทุกอย่างเขาต้องรู้ทุกอย่างทุกขั้นตอน จะถามก่อน ทำแบบนี้โอเคมั้ย มันจะไม่มีแบบว่า เออ เธอไปทำงานนี้สิ! งั้นเอาสิ่งนี้ไปทำ ณ วันนี้ดีขึ้นมากกับการรับงาน เราเข้าใจโลกมากขึ้น เฮ้ย บางงานทำสนุก บางครั้งไม่ได้ต้องการเงินมาก เออว่ะ ได้อะไรมากกว่าด้วย เช่น ได้เรียนรู้ ได้ประสบการณ์ หรือไปทำงานต่างประเทศ ตอนนี้เราไม่ได้เดือดร้อน เฮ้ย ไม่ได้ว่ะ ต้องหาเงิน เราก็ปลอดภัยในระดับหนึ่ง พอเราทำงานด้วยความสุข เราได้อย่างอื่นอีก ไปต่อได้อีก
เหตุผลของนักแสดงก็มี เหตุผลของผู้จัดการก็มี ต้องมาคุยกัน เป็นเรื่องของผลงานเนอะ ต้องออกมาดี ในการทำงาน ถ้าความเห็นไม่ตรงกัน บางครั้งก็ขัดใจเรา จะให้เขาเลือกและตัดสินใจเอง หรือเป็นการตัดสินใจร่วมกัน เราเป็นคนที่เข้าใจเขามากที่สุด การเป็นแม่และเป็นผู้จัดการ บางครั้งก็ต้องแยกกัน ถ้าเราอยู่แต่กับข่าว อยู่กับกระแสอย่างเดียวไม่มีผลงาน ก็ไม่ได้! กระแสมาแล้วก็ไป มีข่าวใหม่มากลบทุกวัน
ผลงานก็ต้องต้องดี ผลงานที่ติดใจจดจำ ให้จำผลงานเราไปจนวันตาย เราไม่จำเป็นต้องขึ้นไปอยู่สูงสุดตลอดเวลาก็ได้ เราทำงานเป็นนักแสดงอาชีพ ทำงานที่เรารักต่อไป

เรื่องเงินเรื่องใหญ่ ยิ่งกว่าคู่คิดคือผู้จัดการ
ข่าวแตกหักระหว่างดารากับผู้จัดการ มีมาให้เห็นเรื่อยๆ สาเหตุใหญ่คือเรื่องเงิน ที่เคลียร์คุยกันไม่ลงตัว ก็เลยต้องทางใครทางมัน จนถึงขั้นฟ้องร้องก็มีเรื่อยๆ ก่อนดังดาราส่วนใหญ่จะง่ายๆ ชิลๆ ไม่ค่อยยุ่งแยะ แต่พอดังแล้ว ก็มีบ้างที่เรื่องเยอะขึ้นๆ เวลาเปลี่ยนนิสัยเปลี่ยน ก็อาจจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้ต้องแตกหักกันไป
การเป็นผู้จัดการดาราเป็นยิ่งกว่าคู่คิด เพราะมีอะไรให้ได้คิดได้ทำอยู่ตลอด โดยเฉพาะดาราที่ยิ่งดัง งานยิ่งพุ่งเข้าหาเยอะ ยิ่งต้องจัดระเบียบงานและชีวิตให้ลงตัว เราจะเห็นภาพชัดมากๆ ว่าการเป็นผู้จัดการดารา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะต้องตามติด ดูแลชีวิตเกือบทุกอย่าง นอกจากเรื่องหลักที่ต้องดูแลงานด้วย ดังนี้ส่วนใหญ่ผู้จัดการดาราที่ดี ก็มักจะมีดาราที่ดีด้วย.
ผู้เขียน : รุ่งโรจน์เรืองรอง
กราฟิก : Anon Chantanant
ดูข่าวต้นฉบับ
ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2331680
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2331680