"ปู ไปรยา" เจอ "โจอี้ บอย" หมดลุ้นรีเทิร์น แต่ยังเป็นคนสำคัญในใจ


ให้คะแนน


แชร์

งานนี้ปูพร้อมอัปเดตทุกเรื่องราวในงาน Russakarn Open House Party จังหวัดนครสวรรค์ เริ่มจาก วันเกิดที่ผ่านมาเดินสายมู รำถวายที่พระธาตุพนม?

“ใช่ ปกติก็ไม่มีโอกาสได้รำเลยเป็นครั้งแรก แล้วคราวนี้เดือนธันวาคมเราก็มีโอกาสได้ไปนครพนมแล้วท่านรองเจ้าอาวาสให้เราลองสวดบท ก็นั่งสวดข้างพระธาตุประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งได้ แล้วท่านก็เลยชวนมาอีกทีตอนวันเกิดก็ชวนคุณพ่อและน้องชาย แล้วก็ทีมพี่ป้อม วินิจ ทีมงานที่อยู่ด้วยกัน เลยอยากทำอะไรที่มันแสดงความเป็นไทยด้วย เราก็เลยมีโอกาสรำ แต่ไม่ได้บนอะไร อันนี้แค่อยากรำถวายเท่านั้นเอง”

ซ้อมรำนานมั้ยคะ?

“ยากนะ แต่ก็ไปซ้อมเมื่อวันก่อนก็สนุกดี เป็นการรำครั้งแรกที่ไม่เคยทำมาก่อนรู้สึกชอบมาก แต่ตามความเชื่อส่วนตัวนะคือตอนแรกอากาศร้อนมาก แต่พอทำเสร็จอากาศเย็นลมพัดมาแรงมากคล้ายอาทิตย์ทรงกลด ช่วงนั้นเราก็รีบอธิษฐานทันที”

เข้าสู่วงการสายมูได้ยังไง?

“ปูผ่านอะไรมาเยอะก็เลยต้องหาอะไรยึดเหนี่ยวทางจิตใจ แต่ก็ต้องทำอย่างมีสตินะ เราก็มีปฏิบัตินั่งสมาธิแล้วก็ถือศีลมาแล้วบ้าง ทำทานแล้วก็ทำความดี อย่างเมื่อก่อนก็ไม่ค่อยได้ทำเพราะทำแล้วก็รู้สึกว่าเจอแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตก็เลยทำต่อไป”

อะไรที่เรามูและมันได้ผลแล้วบ้าง?

“ก็คือการนั่งสมาธิสวดมนต์ เราคิดว่าการที่เรามีสติกับการนั่งหายใจ และรู้เท่าถึงความรู้สึกตัวเองนั่นแหละคือชีวิตเปลี่ยน แล้วก็สวดมนต์เราก็ต้องเข้าใจบทสวดด้วยว่าเราสวดเพราะอะไร อย่างโควิดที่ผ่านมางานหายเราก็ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยนั่งสวดมนต์ดีกว่า สวดตามความรู้สึกเข้าใจความหมายและสวดไปเรื่อยๆ 21 จบ ถ้าได้ 108 จบก็ดี แต่ต้องสวดเพื่อเข้าถึงสมาธินะ”

ปกติขอพรเรื่องอะไรบ้าง?

“ก็ขอให้เราได้งาน แต่ก็ควรจะเริ่มขอเรื่องผู้ชายได้แล้วมั้งเพราะทำแต่งาน แต่จริงๆขอเรื่องงาน ขอให้ชีวิตดีขึ้น แต่ปูเชื่อเวลาจิตเรามีสมาธิและปรารถนาสิ่งใด และเราคิดดีคิดบวกเราก็จะได้ในสิ่งนั้น ขอใจเราพาดึงดูดไปที่สิ่งนั้นเอง”

ตัวเรามีอะไรยึดเหนี่ยวจิตใจบ้าง?

“ถ้ามาบ้านปู่ก็คิดว่าตำหนักค่ะ เพราะทำงานมาหลายปีแล้ว เวลาเราไม่รู้จะไปที่ไหนก็จะนั่งอยู่
แต่ในห้องพระนี่แหละ ที่แอลเอก็มี เป็นสายมูมานานเป็น 7-8 ปีแล้ว เมื่อก่อนไม่ได้เปิดเผย เดี๋ยวคนหาว่าโน่นนี่นั่น แต่ช่วงหลังก็พูดๆไปเถอะ”

กลับมาเมืองไทยรอบนี้รู้สึกยังไงบ้าง?

“มีความสุขค่ะ ได้เจอครอบครัว ได้เจอพี่ๆนักข่าว สัมผัสถึงการปล่อยวางและมีความสุข อย่างปีที่แล้วกลับไทยแบบเงียบมากไม่กล้าเจอสื่อ แต่พอออกมาก็รู้สึกว่าได้เป็น ปู ไปรยา อย่างตอนนี้มีความสุขมากนะ กลับไปทำงานก็คงจะมีกำลังใจ”

จะกลับมาทำงานที่เมืองไทยต่อมั้ย?

“ไม่แล้ว เพราะว่าพูดถึงเมืองไทยมันก็มีความทุกข์ในแบบของมันอยู่นะ อยู่ที่โน่นน้อยคนน้อยปัญหาก็อยู่ที่นั่นดีกว่า”

ตอนนี้ปล่อยวางทุกเรื่อง?

“ใครจะมีปัญหามีอะไรก็ไม่ได้สนใจแล้ว พอเรารอดจากปัญหาก็รู้สึกว่าครอบครัวสำคัญสุดก็ปล่อยวางไป อะไรที่ผิดเราก็น้อมรับผิดไปอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ถ้าตามทุกอย่างในโซเชียลเราจะขาดความเป็นตัวของตัวเองเลย 5 เดือนแล้วที่ปูไม่ได้ลงรูปในโซเชียลเลย อาจจะลงหน้าตัวเองตอนสวยเผื่อมีหนุ่มมาส่อง”

“เป็นครั้งแรกที่เจอกันในรอบ 10 ปี และเค้าไม่เคยร้องเพลงถึงร้ายก็รักให้ฟัง ก็คือเค้าขึ้นมาร้องให้ฟังบนเวทีตอนนั้นเสียงเค้าสั่นเลย ฝากถึงคนอื่นอย่าจับจิ้นคู่เราเลย ถ้ามันไปรอดมันไปรอดตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ตอนนี้เป็นเพื่อนกันดีกว่า มีความสุขค่ะ ในใจเราก็รักพี่โจ้นะในฐานะเพื่อนคนนึง แล้วตอนนั้นพี่โจ้ก็ได้สอนอะไรเราเยอะเกี่ยวกับเรื่องวงการบันเทิง หลายอย่างที่เกี่ยวกับการตอบคำถามของปูในวันนี้ส่วนหนึ่งก็คือพี่โจ้นะ และตอนนั้นเค้าก็แนะนำให้เรารู้จักกับผู้ใหญ่หลายคนมาก ยังไงเค้าก็เป็นคนสำคัญในใจเราอยู่แล้ว แต่คนเราไม่ได้คุยกัน 10 ปี มันสตาร์ตเครื่องไม่ติดอยู่แล้วถูกมั้ย”

ทำไมตอนนี้ถึงยังโสดอยู่?

“ก็ทำแต่งานไง 10 ปีที่แล้วก็ผ่านอะไรมาเยอะ ก็มีคนมาจีบบ้าง แต่พอเราผ่าน 2 รอบใหญ่แล้ว มันเหมือนว่าครั้งนี้ถ้าจะเปิดตัวหรือคบจริงๆมันต้องใช่แล้วนะ ถ้าไม่ใช่มันก็เหมือนเสียเวลา ก็เลยคุยกันไปก่อน หมอดูก็ทักว่าจะมีแต่อาจจะเข้ามาทีหลัง ซึ่งตอนนี้ก็มีคนคุย แต่ว่าหลังจากนี้จะไม่คุยกับดาราหรือคนในวงการบันเทิง ก็อาจจะเป็นคนนอกวงการ ตอนนี้คือเปิดรับทุกสัญชาติค่ะ ไม่ติดว่าจะต้องเป็นคนไทยค่ะ”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2362441
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2362441