เปิด 2 มุมความต่าง ‘การเมือง-ละคร’  ของผู้ชายชื่อ ‘บรู๊ค’


ให้คะแนน


แชร์

 เปิดใจ “บรู๊ค” ดนุพร ปุณณกันต์ หันกลับเข้าวงการบันเทิงอีกครั้งในฐานะผู้จัดละครเรื่อง “ไดมอนด์อายส์ ตา สัมผัส ผี 2” 

    ทีมบันเทิง คมชัดลึก –   หลังจากพักงานในวงการบันเทิงไปสร้างชีวิตครอบครัวรวมถึงการลุยงานการเมือง ล่าสุด “บรู๊ค” ดนุพร ปุณณกันต์ หันกลับเข้าวงการบันเทิงอีกครั้งในฐานะผู้จัดละครเรื่อง “ไดมอนด์อายส์ ตา สัมผัส ผี 2” หลังจากภาคแรกประสบความสำเร็จอย่างมากมาย การกลับมาครั้งนี้ความพิเศษอยู่ที่หนุ่มบรู๊คกลับมาแสดงด้วยและเป็นกลับมาแสดงร่วมกับคู่ขวัญและคู่จริงอย่าง “กบ” สุวนันท์ อีกด้วย สบโอกาส “บันเทิง คมชัดลึก” เลยขอพูดคุยกับผู้จัดและพระเอกชื่อดังคนนี้ 
 

    @@ ห่างหายจากการแสดงมากี่ปี
    “ผมว่าน่าจะ 10 ปีอัพได้มั้ง ครั้งสุดท้ายน่าจะเป็นปี 2548 แต่ที่ผ่านมาก็มีรับงานพิธีกรมาเรื่อยๆ แต่ละครเราไม่ได้เล่นมานาน ถามว่าต้องลับคมไหม ก็มีบ้างเพราะลืม ถึงแม้เราจะไม่ได้เล่นแต่เราก็อยู่เบื้องหลังไง ซีซั่นแรกเราก็เป็นผู้จัด เราได้อ่านบทได้อะไรอยู่แล้ว ก็พอได้ ในเรื่องนี้ได้น้องกบมาเล่นด้วย  คือคาแรกเตอร์ของน้องกบเขาเป็นคนรีเควสเอง คือตอนแรกที่ผมถามเขาว่าไปเล่นให้หน่อยได้ไหม เขาบอกว่าได้ ผมก็ถามต่อว่าอยากเล่นประมาณไหน เขาบอกว่าอยากเล่นแบบนี้ เพราะเขาไม่เคยเล่นเลย เราก็เอาไปคุยพี่เพื่อน ซึ่งพี่เพื่อนก็ตกใจว่าน้องกบจะเล่นแบบนี้จริงเหรอ เราก็บอกว่าจริง พี่เพื่อนก็ถามต่อว่ามีลิมิตแค่ไหน ปรากฏว่ากบบอกว่าอย่ามาลิมิตให้เขียนบทมาได้เลย เขียนได้เต็มที่ ไม่อยากให้จำกัด  ถามว่าบทแรงแค่ไหน ต้องไปติดตามไม่อยากสปอยล์ตอนของน้องกบ แต่ก็เป็นเรื่องดราม่า มีโดนทำร้าย โดนซ้อมหลายอย่าง ซึ่งบางภาพมันออกอากาศไม่ได้”

 
    @@เรียกว่าเป็นการกลับมาร่วมงานกับกบอีกครั้ง 
    “ถ้านับเป็นงานคู่เรียกว่านานมาก ย้อนไปน่าจะมี 14-15 ปีที่ไม่ได้ทำงานคู่กันมาก่อน ถามว่ามีตื่นเต้นไหม ไม่เลยคือชิน เพราะผมเข้าฉากกับคนอื่นมาก่อนเลยเริ่มเคาะสนิมส่วนตัวของเรามาแล้ว โดยซีซั่นแรกผมได้ชาคริตมาเล่น พอออกอากาศไปแล้วฟีดแบ็กดีช่องก็เลยบอกว่าให้ต่อซีซั่น 2 เลย แต่เนื่องจากคิวไม่ตรงกัน ซึ่งเรื่องนี้เราต้องไปถ่ายทำที่ต่างประเทศด้วย ชาคริตคิวไม่ได้จริงๆ ถ้าได้ต้องรอคิวข้ามปี เราก็โอ้เหรอ ไม่ได้เพราะละครเราต้องเปิดกล้องแล้ว เลยคุยกันว่าถ้าเราต้องเปลี่ยนก็ต้องปรึกษาทางช่อง เรื่องนี้บอกก่อนว่าผมไม่ได้เป็นพระเอก แต่ผมเป็นหนึ่งในทีมของตำรวจ พอเราเปลี่ยนนักแสดงเลยเปลี่ยนจากที่มีพระเอกเป็นตัวเอกของเรื่อง เราก็ลองเปลี่ยนเป็นแขกรับเชิญไหม ตัวผมก็เลยมาเป็นทีมตำรวจ สืบสวนสอบสวนไป ซึ่งในแต่ละตอนเราก็จะมีแขกรับเชิญเด็ดๆ พอเราโฟกัสที่แขกรับเชิญ ก็ทำให้แขกรับเชิญมีบทบาทมากขึ้นและเราสามารถเอาความเก่งของแต่ละคนออกมาได้มากขึ้น”

    @@ กลับมาทำงานวงการบันเทิงเต็มตัวแล้วงานด้านการเมืองล่ะ
    “ผมหยุดตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ 5-6 ปีมาแล้ว เรียกว่าเราเปลี่ยนอาชีพ คือตอนนั้นที่ทำงานการเมือง พอเราหยุดจากการทำงานการเมือง ผมก็กลับมาหาอาชีพที่เราเคยทำ ซึ่งตอนนั้นก็มาเป็นผู้จัดละคร เพราะเราไม่ใช่เด็กแล้วเราไปเล่นแบบนั้นเราอาจจะไม่ไหวแล้ว ก็เลยเลือกมาเป็นผู้จัด และเลือกตั้งที่ผ่านมาผมไม่ได้ยุ่งอะไร ถามว่าจะหวนกลับไปเล่นการเมืองอีกไหม ก็ขอดูก่อน เพราะตอนนี้ผมยังสนุกกับงานอยู่ ยังสนุกอยู่จริงๆ ก็ต้องรับผิดชอบงานของเรา จะทิ้งตรงนี้ไปก็ไม่ง่าย เพราะแต่ละเรื่องมีคนที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้มีผมแค่คนเดียว พอสนามการเมืองเปิดแล้วจะให้ผมบ๊ายบายทุกคน ทิ้งเขามันก็ไม่ใช่”

    @@ โหมดการเป็นคุณพ่อลูก 2 ของบรู๊คทำชีวิตเปลี่ยนไหม
    “ทุกอย่างก็ดีมีความเป็นส่วนตัวในครอบครัว แค่นี้ก็แฮปปี้แล้ว คือเราอาจจะไม่ได้ร่ำรวยอะไรมาก แต่ก็สามารถเลี้ยงลูกเราได้ ส่งลูกเรียนหนังสือได้ อะไรได้ก็ถือว่าโอเค ทั้งผมและน้องกบก็ช่วยกันทำงาน พวกเราโชคดีที่ลูกๆ เป็นที่รัก ขอบคุณทุกคนที่เมตตา เรื่องดราม่าการเลี้ยงลูกคือเราก็เข้าใจว่าบางคนก็เป็นห่วง แต่การเลี้ยงดูของแต่ละบ้านก็ไม่เหมือนกัน ดูตามความเหมาะสมและสภาพแวดล้อม ก็ต้องขอบคุณมากๆ สำหรับคำแนะนำ พอเรากลับไปดูรูปเก่าๆ ก็รู้สึกว่าทำไมเราแก่เร็วจัง ตอนนี้ณดาสูงจะเท่าน้องกบแล้ว ถามว่าหวงลูกสาวไหม  ไม่ห่วงแต่หวง (หัวเราะ) ผมก็หวงเขาเป็นธรรมชาติ แต่ด้วยความที่เราเป็นพ่อเราก็ห่วงไปหมดโดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย บางทีเราเห็นข่าวเราก็รู้สึกทำใจไม่ได้ เซ็นซิทีฟไปหมด”

    @@ ทำหลายบทบาทหน้าที่มาก
    “ตอนนี้ก็หันมาทำธุรกิจ อย่างที่เห็นนอกจากผมจะทำงานเป็นผู้ผลิตแล้วตอนนี้ก็มีทำธุรกิจหลายตัว เดือนหน้าผมจะทำร้านไอศกรีม ทำกับน้องกบและลูกๆ ขายที่เซ็นทรัลเวิลด์ แต่งานเหล่านี้ต้องยอมรับเลยว่าเกิดขึ้นช่วงที่ผมไม่สบาย พอเราไม่สบายเราคิดว่าใครจะทำงานเลี้ยงครอบครัว ช่วงที่หมอบอกให้มอนิเตอร์ ผมทำงานหนักมาก เราไม่คิดว่าเราจะเป็นอะไรนะ เราคิดแค่ว่าถ้าเกิดเจอเนื้อร้ายแล้วต้องรักษา คือเราเคยเห็นเคสแบบนี้เพราะพ่อผมเป็นหมอก็พอจะรู้ว่าถ้ารักษาแล้วร่างกายจะอ่อนแอ ทำงานเหมือนปกติไม่ได้ ดังนั้นก่อนที่ผมจะรู้ตัว ผมบ้าทำงานมาก ก็ขอกบว่าขอเวลากักตุนการทำงานก่อน ให้ไปให้ไกลที่สุด ซึ่งเรารู้สึกว่าถ้าวันหนึ่งเราต้องหยุดรักษาตัวจริงๆ ธุรกิจของเราก็จะดำเนินไปได้ ตอนที่ผมป่วยผมไม่ได้บอกน้องกบว่าการทำงานหนักของเรามาจากการที่เราป่วย มันมีภาระคือลูก 2 คน ซึ่งเราไม่อยากคิดไปไกลว่าเราจะเป็นอะไรหรือเปล่า แต่ธรรมชาติของคนเป็นพ่อที่เป็นหัวหน้าครอบครัวเรารู้สึกว่าจะวางแผนอะไรเพื่ออนาคต ผมถือว่าวันนี้ผมพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี แน่นอนว่าเงินเราก็ต้องหา เพราะลูกเราก็เริ่มโต ต้องใช้เงิน พอลูกโตขึ้นเราก็ไม่รู้ว่าเราจะต้องส่งลูกไปเรียนต่างประเทศเหมือนที่พ่อแม่ส่งเราหรือเปล่า เลยคิดว่าเราต้องทำงานหาเงิน”

    @@ เป็นเหตุผลที่กบมารับงานมากขึ้น
    “น้องกบเขาคิดถึงงานในวงการเพราะเขาหยุดงานในวงการมาเลี้ยงลูกอย่างเดียว 5 ปี พอเขาได้กลับไปเล่นละครเขาก็รู้สึกสนุก พอเล่นละครก็บ่นว่าเหนื่อย แต่พออยู่บ้านก็บ่นว่าคิดถึงกองละคร คิดถึงบรรยากาศ เขาก็ได้กลับไปสู่ที่ที่เขาเคยทำ ตอนนี้ลูกโตแล้ว เขาก็จัดระบบ มีถ่ายละคร มีรายการ เขาก็แฮปปี้ ผมไม่เคยห้ามเขาทำงานนะ เพราะผมรู้ว่าเขาเอาลูกเป็นหลัก คือตอนเช้าเขาจะไปส่งลูก ถ้าเขาไปส่งไม่ได้เขาจะให้ผมไปส่ง พอเสร็จจากงานเขาก็ไปรับให้ บางครั้งเขาไปส่งแล้วให้คุณยายไปรับตอนเย็น หรือบางวันถ้าผมเลิกเร็วผมก็ไปรับ จากที่ดูเขาจัดสรรเวลาได้ดี”
    นี่แหละ… หัวหน้าครอบครัวตัวจริง

Shares :

ข่าวเกี่ยวข้อง

ที่มา : บันเทิง : คมชัดลึก ข่าวออนไลน์
ขอขอบคุณ : บันเทิง : คมชัดลึก ข่าวออนไลน์