โมเริ่มต้นเล่าถึงชีวิตวัยเด็กที่อยู่ในกรอบตลอดเวลา พ่อและแม่ของเธอดูแลราวกับไข่ในหิน 

“บ้านหัวโบราณมากถึงขั้นอนุญาตให้เจาะหูตอนจบมัธยม 6 อยากมีแฟนต้องเอาใบปริญญามาแลก เรียนพิเศษก็ไม่ได้เรียน ยิ่งตอนมหาวิทยาลัยขาดชีวิตวัยรุ่นไปเลย ไม่ได้ไปติวหนังสือกับเพื่อน เวลาไปร้านชิลหลังมหาวิทยาลัยก็ไปได้นะคะ แต่แม่ไปรอหน้าร้าน ไปห้างกับเพื่อนก็ไปได้ แต่แม่ไปรอที่ลานจอดรถ หนูใช้ชีวิตแบบนี้ ตอนเด็กๆ ใช้ชีวิตด้วยความอึดอัด ทำไมมีแม่แบบนี้นะ พอมาทุกวันนี้บางอย่างต้องขอบคุณเขา ตอนนี้รู้สึกว่ามันดีแล้ว ถ้าวันนึงเรามีลูก เราก็จะทำกับลูกแบบนี้แหละ”

แต่พอเข้าวัยทำงานเดินสายนักแสดงเซ็กซี่ ทางบ้านก็ไม่มีปัญหา เปิดไฟเขียวให้ทำตามความฝัน ได้รับรางวัลดาราเซ็กซี่ คุณแม่ก็เก็บโชว์ให้ดูอีกต่างหาก

ความเซ็กซี่หากมองในแง่ดี ก็มีหลายเรื่องที่โมเห็นด้วย เช่นงานที่มากขึ้นและมีคนรักและชื่นชอบโดยเฉพาะเพศชาย แต่อาจจะมีข้อเสียอีกหลายข้อที่โมเองก็ไม่ประมาท เช่น การคุกคามทางเพศ

“คนอาจจะโดนทำร้ายโน่นนี่นั่นแต่หนูไม่กลัว หนูเฉยๆ การที่เราจะโดนคุกคามทางเพศ มันอยู่ที่การวางตัว ส่วนตัวโมไม่เคยมีใครกล้า ถ้าคุณวางตัวให้เขาไม่กล้า เขาจะไม่กล้า

ในโซเชียลมีเดีย มีส่งข้อความส่งรูปมาให้ดูทุกขนาด แต่หนูก็ปล่อยผ่าน หนูไม่จับพวกนี้มาเป็นประเด็น ไม่จับสิ่งพวกนี้เป็นแสงให้ตัวเอง มันไร้สาระ หนูมีเกือบร้อยกว่าข้อความเป็นภาพของลับของตัวเอง เห็นมาทุกขนาด เห็นมาหมดแล้ว ไอ้ตอนที่มีข่าวดาราขอซื้อขน หนูก็โดน แต่หนูแค่ไม่พูด ไม่รู้จะให้ค่าเขาทำไม”

สุดท้ายโม อมีนาได้ทิ้งท้ายถึงผู้หญิงทุกคนที่ควรระวังตัวเองให้มาก หากจะไปเที่ยวในแหล่งล่อแหลมก็ควรมีสติ อย่าดื่มจนเมาควบคุมตัวเองไม่ได้ 

คงเป็นไปไม่ได้เมื่อเราเจอโม อมีนา ก็ต้องถามข่าวคราวความคืบหน้าคดีแตงโม นิดา เสียชีวิตจากการพลัดตกเรือ ซึ่งเธอเล่าว่า ตอนนี้เหล่าเพื่อนสนิทของแตงโมกำลังพยายามรวบรวมหลักฐานรอให้อัยการสั่งฟ้องลงมา และหลักฐานที่พวกเธอมีสามารถพลิกคดีได้ แน่ใจว่าไม่ใช่หลักฐานมโน หรือเรียกกระแส

“พวกหนูทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องทั้งหมด ทำอยู่แบบเงียบๆ ทำตั้งแต่วันแรกที่เขาหายเลย ซึ่งทางผู้ใหญ่ที่หนูคุยก็เป็นผู้ใหญ่ทางกระทรวงยุติธรรม เราไม่ได้ทำอะไรผิด ก่อนเราทำเราปรึกษาผู้ใหญ่ก่อนทุกครั้งว่าควรหรือไม่ควร เราไม่เคยทำอะไรกันเองโดยไม่ปรึกษาผู้ใหญ่ก่อน

ทุกคนไม่ต้องรู้ก็ได้ว่าพวกหนูทำอะไรกันบ้าง ไม่ต้องมาให้ค่าให้แสงอะไรพวกโมก็ได้ แต่แค่อยากบอกให้รู้ว่าทำอยู่ตลอด และที่ไม่ออกมาพูดบ้าง เพียงเพราะเราพูดทั้งหมดไม่ได้ เราปล่อยให้อีกฝั่งทำการบ้านมาล่วงหน้าไม่ได้ ขอโทษจริงๆ พวกหนูถึงยอมโดนด่าถึงทุกวันนี้ ไม่เป็นไรให้สังคมด่าว่าไปเลย ดีกว่าบางคนที่ออกมาพูดแต่ไม่มีหลักฐานอะไรในมือเลย อันนั้นหนักกว่าพวกหนูอีกนะ บอกว่ามีแต่ไม่มี

ตอนนี้ในมุมของพวกหนู ตอนนี้พอจะมีหลักฐานที่สามารถพลิกคดีได้ หลักฐานมันมาจากทุกทาง แต่พวกคลิปพวกหนูไม่ได้สนใจ เราไปทดลองกันด้วยตัวเองมาแล้ว วิธีตกเรือเนี่ย พบว่าตกแบบที่คุณหญิงพรทิพย์บอกนั่นแหละค่ะ”

โม กล่าวย้ำอีกครั้งว่าสิ่งที่พวกเธอทำไม่ใช่เพื่อหาคนผิด แค่อยากทราบความจริงว่าแตงโม ซึ่งเป็นพี่สาวที่รักเสียชีวิตได้อย่างไร หากมีคนผิดจริงในคดีนี้ก็ขอให้กฎหมายและสังคมเป็นคนลงโทษ 

“สิ่งที่เราทำคิดว่าพี่โมรับรู้หรือไม่ อันนี้หนูไม่รู้ แต่หนูมีชุดของพี่โมที่หนูได้มาจากวันที่เอาเสื้อผ้าไปให้ที่นิติเวช แล้วก็ตั้งใจว่าจะไม่ซัก ให้มันเป็นกลิ่นพี่เขาไว้แบบนั้น ทุกครั้งหนูเหนื่อย หนูจะไปจับชุดแล้วก็พูด ทำให้อยู่นะ อย่าห้าม เพราะพี่ห้ามหนูไม่ได้ และถ้าพี่เขารับรู้ เขาก็รู้นิสัยโมอยู่แล้วว่า หนูไม่ปล่อย ยังไงต่อให้ไม่มีใครผิดเลย ก็ขอรู้ความจริงหน่อย เท่านั้นเอง”

“วันนั้นหนูร้องไห้ รู้สึกว่าจะไม่มีเขาแล้วจริงๆ ยืนอธิษฐานให้เขาไปเป็นนางฟ้า ไปอยู่ในที่ดีๆ ดีกว่า ถ้าอยู่บนโลกนี้มันทรมานมากนัก เดี๋ยวหาเองความจริง ไปนั่งสวยๆ อยู่ข้างบนโน่น”

อมีนา พินิจกล่าวว่าตนเองเป็นคนที่มีเซนส์ มองออกถ้าใครถึงฆาต แต่กับพี่สาวแตงโมกลับไม่ได้เห็น ทั้งที่เจอกันบ่อยช่วงต้นปีที่ผ่านมา เธอเสียใจและยังคงคิดถึงพี่สาวคนนี้เสมอ

“หนูมีของๆ เขาอยู่กับหนู เวลาที่อยากจะคุยกับเขา ก็จะเอาชุดของเขาออกมา ขอคุยด้วยหน่อย และก็เคยฝันถึงพี่เขานะคะ ฝันว่าหนูไปงานไหนไม่ทราบแล้วเห็นเขามาในลุคแต่งหน้าใสๆ ทำผมเบาๆ ซึ่งเราเคยบอกเขาตอนที่ยังมีชีวิตอยู่แล้วชอบพี่ในลุคแบบนี้มาก เขามาในฝันด้วยลุคนี้เลย มายิ้มให้แล้วหนูก็เข้าไปกอดไปฟัด เหมือนหมาเห็นเจ้าของ ฟัดแม่งจนล้มลงไปเลย อารมณ์พี่โมก็บอกพอแล้วๆ ก็กอดๆ หอมๆ กันอยู่แบบนั้น อารมณ์ในความฝันคือ หนูไม่ได้พูดอะไรเลย รู้แค่ว่าหนูคิดถึงอย่างเดียวเท่านั้น”

และเธอกล่าวว่ามีการพูดคุยกับเบิร์ด แฟนของพี่แตงโม นิดาบ้างหากมีข้อมูลจำเป็นที่ต้องแจ้งให้ทราบ แต่ไม่เคยโทรหาเพื่อธุระในชีวิตประจำวัน ส่วนบังแจ็ค โมยอมรับว่ามีการพูดคุยกันจริงตามที่เป็นข่าว

“โมยอมรับค่ะว่าคุยกับบังแจ็คจริง และไม่ได้มองว่าใครมุ่งร้ายมุ่งดี แต่ถ้าเกิดเขาให้ข้อมูลที่ดีกับเราได้ เราจะขอบคุณมาก ส่วนคลิปเสียงระหว่างบังแจ็คและพี่เบิร์ด อันนี้หนูไม่ทราบ” 

แม้การพูดคุยของเราครั้งนี้จะดุเดือด แต่โมก็ทิ้งคำพูดสุดท้ายถึงพี่สาวด้วยความซึ้งกินใจ รับรู้เลยว่า สิ่งที่โม อมีนาทำในตอนนี้เพื่อแตงโม นิดา มันคือความจริงใจที่มาจากใจ ไม่ใช่ความต้องการแสงหรือชื่อเสียงใดๆ เลย

“ในวงการบันเทิงหนูเอาพี่โมขึ้นหิ้งไว้คนเดียว พี่คิดสภาพดิว่าหนูรักมันขนาดไหน ไม่เคยตีเสมอเขาเลยนะว่าเป็นเพื่อนเขา หนูทำตัวเป็นน้อง ทำตัวเป็นบริวารที่ดีตลอด วันที่ไปดูศพพี่โม ถ้าให้หนูกอดได้ หนูกอดนะ หนูไม่กลัว นั่นคือพี่ของหนู”