“แวร์ โซว” ขายคอนโดได้แล้ว ลั่นถึงจะหมดตัวแต่ก็แฮปปี้ ชีวิตเริ่มใหม่จากศูนย์ – ไม่มีหนี้


ให้คะแนน


แชร์


“แวร์ โซว” ขายคอนโดได้แล้ว ลั่นใช้หนี้หมดแต่ก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว เริ่มใหม่ตั้งแต่ศูนย์ ไม่เสียใจที่ไม่เหลืออะไรเลย ไม่มีหนี้ประเสริฐที่สุด พอใจอยู่อพาร์ทเมนต์ อย่างน้อยสัมผัสมาแล้วทุกรสชาติชีวิต “น้องคนดี” เคียงข้างให้กำลังใจ รับรู้ปัญหาซึ่งกันและกัน วอนของาน

หลังจากที่เจอมรสุมชีวิต ประกาศขายคอนโดหวังปลดหนี้ 3 ล้าน และย้ายไปอยู่ห้องเช่ากับ “น้องคนดี” ลูกสาว ล่าสุดวันนี้ “แวร์ โซว” เผยว่าขายคอนโดได้แล้ว และใช้หนี้ที่มีหมดแล้ว พร้อมๆ กับที่ไม่เหลืออะไรเลย ต้องเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ศูนย์

“ตอนนี้ขายคอนโดได้แล้วค่ะ หมดหนี้หมดสินแล้วค่ะ ตอนนี้ใช้หนี้หมดแล้ว ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว (หัวเราะ) ก็เท่ากับศูนย์เริ่มต้นใหม่ค่ะ”

ใช้หนี้หมดก็สบายใจขึ้นค่ะ ไม่อย่างนั้นมันกังวลเรื่องดอกเบี้ย เพราะเราต้องหามาจ่ายเขาทุกเดือนๆ เพราะเศรษฐกิจแบบนี้ งานเราก็ไม่ได้เยอะด้วย เราชักหน้าไม่ถึงหลังอะไรก็แล้วแต่ พวกนี้ก็เครียดอยู่ แต่พอเราไม่มีหนี้ไม่มีสินแล้ว ทำให้เราสบายใจขึ้นเยอะมากเลย และถามว่าไม่มีอะไรเหลือแล้วเสียใจไหใ กังวลใจไหม ทุกข์ใจอะไรไหม ไม่เลยค่ะ การไม่มีหนี้สิน การไม่มีภาระผูกพันอะไรกับชีวิตเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดเลย”

ที่บอกว่าไม่เหลืออะไรเลย คือบ้านก็ไม่มีแล้ว รถก็ปิดแล้ว ทีนี้รถมันก็ไม่กี่บาทหรอกค่ะ แล้วคอนโดก็ขายไปหมดแล้ว คราวนี้เราก็ต้องเริ่มต้นใหม่ ส่วนเงินในบัญชีก็มีร่อยหรอเพราะเพราะเราต้องไปจ่ายโน่นนี่นั่น ส่วนเครื่องประดับที่อยู่ที่เมืองจีนก็ยังไม่ได้เอาออกมา เพราะยังไม่มีเงินไปเอาออกมา แต่ว่าไม่เสียดาย เพราะเราสามารถที่จะสู้ใหม่ ทำใหม่ได้”

ชีวิตไม่เปลี่ยน ประหยัดอยู่แล้ว
“ไม่เปลี่ยนค่ะ เพราะแวร์เป็นคนประหยัดมัธยัสถ์ กระเบียดกระเสียนอยู่แล้ว คือถ้าเราไม่ค่อยมีงาน เรามีหนี้สินเยอะแยะแล้วเรายังไปใช้เงินฟุ่มเฟือยสิ อันนั้นมันจะยิ่งน่ากังวลใจ แต่ถ้าคนที่รู้จักเราจริงๆ จะรู้ว่าไลฟ์สไตล์เราง่ายมาก กินข้าวแกง 30-50 บาทก็แฮปปี้แล้ว แต่ถ้า 70-80 บาทก็แพงแล้วนะ”

ช่วงนี้งานเข้ามาเยอะขึ้นมั้ย
“มีงานติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ นะคะ แต่ว่าบางทีก็ต้องดูเรื่องความเหมาะสมด้วย บางทีคิวไม่ได้ หรือว่าบทยังไม่ลงตัว แต่ว่าตอนนี้มีซีรีส์เรื่องนึงเป็นรับเชิญ และมีภาพยนตร์ติดต่อเข้ามาก็เป็นรับเชิญเหมือนกัน ยังอยู่ในขั้นเจรจาและนัดวันถ่ายทำค่ะ”

เรื่องเงินไม่ได้ทำให้เป็นโรคซึมเศร้า แต่ถูกเอารัดเอาเปรียบจนกดดัน
คือจริงๆ แล้วคนหลายๆ คนคิดว่าคนที่เป็นโรคซึมเศร้าเพราะว่าปัญหาเรื่องเงิน แต่บอกเลยว่ามันไม่ใช่เรื่องเงิน เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย มันเป็นเรื่องที่เราถูกเอาเปรียบ พอเราถูกเอาเปรียบมากๆ มันจะทำให้เรารู้สึกดดัน และคนที่เอาเปรียบเราเขาก็ไม่ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบหรือว่าออกมาทำอะไรในสิ่งที่คุณเอาเปรียบเราไป อย่างแวร์ซื้อบ้าน ซื้อคอนโด ซื้อรถแล้วมันใช้งานไม่ได้ ถามว่าเราเองก็ไม่เคยติดค้างชำระ แล้วมันเป็นปัญหาของเราไหมที่จะต้องมานั่งรับผิดชอบ แบกจ่ายภาระหนี้สินดอกเบี้ยอยู่คนเดียว และคนที่มีส่วนร่วมกับปัญหานั้นเขาหายไปไหน”

“เมื่อเราหาใครมาช่วยในส่วนนี้ไม่ได้ เพราะมันไม่ได้เกิดจากเราไง มันเกิดจากหลายๆ อย่าง แล้วเราต้องมารับผิดชอบอยู่คนเดียวก็เลยเหนื่อย แต่เรื่องพวกนี้ก็ยังไม่ใช่เรื่องใหญ่ มันมีเรื่องของครอบครัว เรื่องของการงาน เรื่องของเพื่อนร่วมงาน เรื่องของสังคม เรื่องของหลายๆ อย่าง และที่สำคัญเราโดนโทรศัพท์โรคจิตบ่อยๆ เราเองก็มีปัญหาเยอะแยะมากมาย แล้วยังมาเจอคนพูดจาไม่ดีอีก จนทุกวันนี้ใครมาโทร.แวร์ก็ต้องเสียงแข็งไว้ก่อน เพราะมันเสียจริตหมดเลย จนเราก็ไม่ไหวแล้ว”

มั่นใจหายแล้ว ผ่านมา 9 ปีทุกอย่างสงบ แต่ไม่หยุดกินยา
“หายแล้วค่ะ ก็ถ้าย้อนกลับไปแวร์เป็นโรคซึมเศร้าโดยที่ไม่รู้ตัวมาประมาณ 5-6 ปีก่อนนั้นนะคะ และรักษามาประมาณ 3 ปี รวมทั้งหมดก็ประมาณ 8-9 ปีนะคะ แล้วตอนนี้คุณหมอบอกว่าทุกอย่างสงบแล้ว ดีแล้ว แต่ยังไม่ให้หยุดกินยา เนื่องจากเรายังต้องเจอผู้คน เรายังต้องทำงาน เจออะไรก็แล้วแต่ที่เข้ามากระทบเราได้ง่าย คุณหมอก็ขอดูอาการไปเรื่อยๆ ก็ไปพบคุณหมอ 2 เดือนครั้ง”

“แล้วก็อยากให้คนที่ไม่เข้าใจนะคะ คนป่วย คนที่เป็นโรคซึมเศร้าน่ะ สติหรือการยับยั้งชั่งใจมันน้อย แทบไม่มีเลย คนปกติอาจจะบอกว่าเรื่องแค่นี้ฉันเจอฉันยังไม่เห็นเป็นอะไรเลย ทำไมเธอต้องฟูมฟาย แต่อย่าลืมว่าคนป่วยมันไม่ใช่เรื่องแค่นี้ มันขาดสติอยู่ เขาถึงได้ตัดสินใจหุนหันพลันแล่นทำอะไรก็ได้ที่มันเกินคาดคิด ฉะนั้นอยากให้หลายๆ คนเข้าใจตรงนี้ และการที่ไม่มีเงินไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนป่วยเป็นโรคซึมเศร้า แต่คนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าส่วนมากสังเกตได้ง่ายๆ คือคนที่มีความรับผิดชอบมาก แต่ถูกเอาเปรียบไม่จบไม่สิ้น แล้วเราจะไม่ปริปากบ่นหรือเรียกร้องอะไร เราก็จะทำรับผิดชอบแก้ไขไปจนกระทั่งวันนึงมันไม่ไหวแล้ว มันถึงได้เป็นขึ้นมา”

“น้องคนดี” เคียงข้างแม่ คอยให้กำลังใจ รับรู้ปัญหากันและกัน
น้องคนดี : “ตอนที่คุณแม่ป่วยหนูก็ได้เห็นค่ะ เพราะหนูอยู่กับแม่สองคน เราก็ต้องคุยกันให้มันเยอะและทำความเข้าใจกันมากๆ ค่ะ ฉะนั้นการที่เราเปิดใจคุยกันและรับรู้ปัญหาของกันและกัน ทำให้หนูสามารถเข้าใจปัญหาและเข้าใจความรู้สึกของคุณแม่ได้มากขึ้น และคุณแม่ก็เข้าใจปัญหาและความรู้สึกของหนูได้มากขึ้นเหมือนกัน ฉะนั้นก็เลยจูนกันติดง่ายและค่อนข้างที่จะให้กำลังใจกันได้ง่ายค่ะ”

แวร์โซ : “คือครอบครัวแวร์เป็นครอบครัวที่มีอะไรคุยกันหมด ไม่มีปิดบัง เรื่องภาวะการเงินถ้าเราไม่มีเราก็พูดกันตรงๆ ตอนนี้เราไม่มีนะ ตอนนี้เราพอมีนะ คือจะบอกกันตลอด แต่บางครอบครัวไม่บอกปัญหาให้คนในครอบครัวรู้เลย เด็กก็จะเสพสุขสบายอย่างเดียว แต่อย่างน้องคนดีเขาจะรู้ว่าช่วงนี้แม่มีงานเยอะ เราพอจะประคับประคองชีวิตเราไปได้ หรือช่วงนี้แม่ไม่มีงานเลย ช่วงนี้แม่กำลังอารมณ์สวิงอารมณ์กำลังขึ้น หรือช่วงนี้แม่อารมณ์เย็นลง สงบลง เขาจะรู้หมดทุกอย่าง และเขาก็จะไม่เกิดความสับสน”

“แต่บางครอบครัวผู้ใหญ่มีปัญหาอะไรแล้วไม่บอกเด็กเลย เด็กก็จะงงว่าพ่อแม่ฉันเป็นอะไรเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แล้วตัวผู้ใหญ่เองก็ต้องรับฟังด้วย เพราะเขากำลังเป็นวัยรุ่น ผู้ใหญ่เองก็ต้องรับฟังว่าวัยรุ่นเขาก็ต้องมีอารมณ์สวิงของเขาเหมือนกันนะ เพราะฉะนั้นการเปิดใจรับฟังซึ่งกันและกันมันก็จะลดอาการของโรคซึมเศร้า หรือว่าปัญหาทางความคิดหรือความเครียดได้”

“เด็กวัยรุ่นเป็นโรคซึมเศร้าเยอะมาก เนื่องจากว่าไม่มีใครฟังใครในครอบครัว ก็อยากจะฝากหลายๆ คนด้วยนะคะ ยังไงความรักที่จริงใจ ความบริสุทธิ์ใจและเข้าใจกันจริงๆ ดูแลซึ่งกันและกันในครอบครัว มันไม่ใช่แค่มีที่นอน กินอิ่ม นอนหลับ มีเงินใช้เท่านั้นคือความสุข ไม่ใช่ แต่ข้างในใจ ความห่วงใย ความเข้าใจกันมากกว่า”

ของาน ทั้งตนและลูกพร้อมทำงานแล้ว ไม่รบกวนลูก จะเก็บเงินไปอยู่บ้านพักคนชรา
ก็ฝากด้วยนะคะ ตอนนี้แวร์กับน้องคนดีพร้อมทำงานแล้วนะคะ เพราะตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้วค่ะ อายุ 46 ก็ต้องมาเริ่มทำงานเก็บเงินใหม่ แล้วเดี๋ยวเราก็จะแก่ชราแล้ว ก็คงต้องเก็บเงินไปอยู่บ้านพักคนชรา คงจะไม่รบกวนให้น้องคนดีเขามาเลี้ยงดูอะไรแวร์ ก็ต้องเก็บเงินไว้ใช้ยามแก่เฒ่าด้วย และทำงานได้แล้ว เข้ากับสังคม เข้ากับคนหมู่มากได้แล้ว ไม่มีอาการขึ้นๆ ลงๆ อะไรแล้ว ยังไงก็ขอฝากด้วยนะคะ”

ยังอยู่อพาร์ทเมนต์ พอใจกับชีวิตที่ผ่านวิกฤตมาหมดแล้ว
“ใช่ค่ะ ไม่ซื้ออะไรแล้ว พอ เราเคยมีหมดทุกอย่างแล้ว บ้าน คอนโด รถแพงๆ เป็นล้านก็มีแล้ว แต่มันก็เท่านั้นเอง (หัวเราะ) ก็มีให้ได้มี ให้ได้รู้ว่าฉันมีหมดแล้วนะ แต่บางคนเขามีแล้วเขาโชคดีมีความสุขก็แฮปปี้ด้วย แต่แวร์มีแล้วกลับรู้สึกว่ามีแล้วมันเป็นแบบนี้เหรอ งั้นอย่ามีดีกว่า อยู่เฉยๆ ดีกว่า มีความสุขกว่า”

“ถ้าเรายอมรับมันเราก็จะแฮปปี้ อย่าไปเสียดายเงิน 7-8 ล้าน หรือ 10 กว่าล้านนั้นเลย ช่างมัน ไม่เป็นไร เราคิดซะว่าเราเคยได้มีแล้ว และเราเคยมีหนี้ขนาดนี้ เราผ่านมันไปแล้ว ก็เป็นประสบการณ์ชีวิต ซึ่งบทเรียนชีวิตหรือประสบการณ์ชีวิตแบบนี้ไม่ได้มีกันได้ง่ายๆ เป็นโรคซึมเศร้าก็ไม่ได้เป็นกันทุกคนนะคะ มีหนี้ 10 กว่าล้านก็ไม่ได้มีกันทุกคนนะคะ เพราะฉะนั้นแวร์ถือว่าเป็นกำไรชีวิตของเรา”

“น้องคนดีเองก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตของเขาด้วย เพราะเขากำลังเติบโต และวันข้างหน้าเขาจะได้รู้ว่าในวันข้างหน้าเขาจะบริหารจัดการชีวิตเขายังไงไม่ให้เขามีหนี้สินเยอะ ไม่ให้เขาหลงกับวัตถุ หรือไม่ให้เขาเจ็บป่วย”

ที่มา : ดารา
ขอขอบคุณ : ดารา