เต้ย พงศกร เผยสาเหตุทำไมไม่ได้ถ่ายปฏิทินช่อง 3


ให้คะแนน


แชร์

หลายคนสงสัย ทำไมพระเอกหนุ่ม เต้ย พงศกร เมตตาริกานนท์ ถึงไม่ได้ถ่ายปฏิทินช่อง 3 ล่าสุดเจ้าตัวตอบคำถามเรื่องนี้ในงานแถลงข่าว “RUN FOR LUNG: The Guardians of The Lung” ณ โรงแรมเลอเมอริเดียน กรุงเทพ ซึ่งหนุ่มเต้ยเคลียร์เรื่องที่ทุกคนสงสัยว่า

ถามเรื่องปฏิทินช่อง 3 หลายคนคิดว่าเต้ยหมดสัญญาแล้ว เพราะไม่เห็นเราถ่ายปฏิทินช่อง 3?
“ผมไม่เคยถ่ายปฏิทินช่อง 3 เลย และไม่คิดจะน้อยใจด้วย จริงๆ เราก็รักช่อง 3 อยู่กับช่อง ช่อง 3 ให้ที่ทำงานเราด้วย แล้วผมก็ไม่เคยถามเหตุผลว่าทำไมไม่เอาฉันไปถ่าย กับพี่หน่องก็ไม่เคยคุยกันเรื่องนี้ ผมคิดว่าคนที่ไปถ่ายปฏิทินเขาต้องเหนื่อยกว่าเรา ไปไกล ไปถ่ายต่างจังหวัด เราไม่ได้ไปก็ไม่ได้เหนื่อยเหมือนเขา เรามองจุดนี้”

เต้ยไม่มีสัญญากับช่อง 3 ซึ่งสามารถไปรับงานของช่องอื่นได้ แต่ทำไมเราไม่รับละครช่องอื่นบ้าง?
“เป็นสัญญาใจกับทางช่อง 3 จริงๆ ผมเซ็นสัญญากับทางบรอดคาซท์ กับช่อง 3 คือสัญญาใจ คือช่อง 3 เป็นช่องที่สร้างให้เราเกิดมา ที่ผ่านมาก็มีช่องอื่นติดต่อมาเหมือนกัน มีเยอะเลยด้วย แต่เราก็ปฏิเสธไป เพราะเรายังจงรักภักดีกับช่อง 3 ถามว่าอยากที่จะไปร่วมงานกับช่องอื่นบ้างมั้ย ผมว่าอันนั้นเป็นเรื่องของอนาคต แต่ตอนนี้ขอยืนยันว่าต้องเล่นกับช่อง 3 ครับ”

ยังโตไม่พอใช่ไหม?
“ผมยังมีอะไรมีต้องศึกษาและต้องพัฒนาอีกเยอะ ยังไม่รุ่นโตขนาดนั้น เหมือนก้าวมาในวงการไม่กี่ปีเอง 7-8 ปี ถือว่าน้อยมากๆ สำหรับรุ่นพี่ ตอนนี้ก็โตแล้ว ตัวโต”

ช่องมีเรียกให้ไปเซ็นสัญญาบางไหม เพราะละครปีหน้าของเราก็เยอะมาก พระเอกบางคนยังไม่เยอะเท่าเรา?
“อันนี้ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ทางช่อง 3 และขอบคุณทางผู้จัดที่เล็งเห็น และให้โอกาสผมได้เล่นละครจริงๆ เราก็ยังแฮปปี้ที่ยังมีงานกับทางช่องอย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องช่องไม่เรียกเซ็นสัญญา ผมมองว่าอาจจะเป็นเพราะผมมีสัญญากับพี่หน่อง อรุโณชา อยู่มากกว่า ผมมองว่าน่าจะเป็นจุดนั้นมากกว่า”

ถามเรื่องที่เราไปคอมเมนต์ไว้อาลัย ซอลลี่ อดีตสมาชิกวง f(x) ที่เสียชีวิต ถึงเรื่องโดนบูลลี่ข้ามประเทศ?
“ผมว่ามันเป็นสิทธิส่วนบุคคลมากกว่า ผมแค่ไปแสดงความเสียใจแค่นั้น ผมมองว่าการบูลลี่คนๆ หนึ่ง มันทำให้เขาคิดสั้นจนเกิดข่าวดังกล่าวออกไป มันเป็นสิ่งไม่ดีเลย เนื่องจากปัจจุบันนี้คนพร้อมที่จะเชื่อโลกอินเทอร์เน็ตโดยไม่มองว่าอันไหนคือความจริง หรือไม่เป็นความจริง

ผมก็เห็นใจ สงสารเขาและแสดงความเสียใจต่อเขาเหมือนกัน ฟีดแบ็กผมก็เข้าไปดูเลยนะ จริงๆ ผมก็ไม่ได้โดนเยอะ ส่วนใหญ่จะเป็นคอมเมนต์แนว มันเป็นสิทธิ์ของคุณ ดีแล้วที่คุณกล้ามาแสดงความคิดเห็น อย่าไปยอมแพ้กับคนที่มาบูลลี่ ถามว่าผมซีเรียสไหม ผมไม่ซีเรียสเลย ผมคิดว่าทุกคนมีสิทธิ์ออกเสียงถึงแม้ว่าจะทำงานในวงการ หรือนอกวงการ ทุกคนมีสิทธิ์ในการปิดกั้น คนจะมาว่าผมไม่ได้”

ในคอมเมนต์บอกว่าเราไปโหนกระแส?
“อันนี้ผมไปห้ามความคิดเขาไม่ได้จริงๆ แล้วผมไม่ได้คิดอะไร ผมแค่ไปแสดงความเสียใจด้วยความบริสุทธิ์ใจเท่านั้น”

ที่ผ่านมาเราเคยโดนบูลลี่อะไรบ้าง?
“จริงๆ แล้ว เราทำงานในวงการก็จะเจอทั้งข่าวดีและข่าวไม่ดี พร้อมกันตลอดเวลาอยู่แล้ว มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะตั้งรับกับมันอย่างไร และจะมองปัญหาให้เป็นบทเรียนแบบไหน จะมองปัญหาให้เป็นบวกอย่างไร มันขึ้นอยู่กับความคิดของเรามากกว่า ยอมรับมันได้ไหมที่ป่านมาเราก็ไม่โต้ตอบ และไม่ลบด้วย”

ถามเรื่องหัวใจบ้าง?
“ตอนนี้ก็มีคนคุย เป็นนอกวงการ คุยๆ กันมาสักพักหนึ่งแล้ว”

เจอกันที่ไหน?
“ทำงานด้วยกันก็เจอ เป็นคนนอกวงการ ถามว่าจะเปิดตัวไหมผมว่าไม่ดีกว่า เราอยู่แบบนี้แหละ อยู่แบบไม่เปิดและไม่ปิด ถามว่าเขาจะน้อยใจไหมที่เรายังไม่เปิด ผมว่าเขาก็เข้าใจแหละ เวลาไปไหนมาไหนก็ไปปกติ”

แฟนคลับเขาโอเคไหมที่เรามีคนคุย?
“ผมโชคดีมากๆ ที่ได้เจอแฟนคลับที่รักผมจริงๆ ได้กัลยาณมิตรที่รักตัวผมจริงๆ ไม่ได้รักแบบหวังผลอะไรบางอย่าง ตอนนี้ก็โอเค แฟนคลับเขาก็รู้นะว่าผมมีคนคุย”

ถ้าคุยนานกว่านี้จะเปิดตัวในอนาคตไหม?
“ผมคิดว่าผมก็โตแล้ว วันหนึ่งมันถึงเวลาที่มันต้องเปิดก็ต้องเปิด มันอาจจะไม่ได้ถึงกับตั้งโต๊ะแถลงข่าว ผมไม่กลัวกระแสตกอย่าที่บอกไป ผมได้เพื่อน ได้แฟนคลับจริงๆ ไม่ได้รักแบบเต้ยห้ามมีแฟนนะ ก็ให้เวลาทำงานของมันไป”

ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์ – ข่าวบันเทิง
ขอขอบคุณ : ข่าวไทยรัฐออนไลน์ – ข่าวบันเทิง