ดีเจเพชรจ้า เชื่อใจตัวเองยังรัก นิวเคลียร์ เหมือนเดิม จะไม่ทะเลาะกันอีกแล้ว
ตั้งแต่ขึ้นสถานะโสดก็เข้าสู่โหมดหนุ่มฮอตทันที สำหรับ ดีเจเพชรจ้า วิเชียร ล่าสุดได้มาเปิดใจเล่าถึงชีวิตที่เปลี่ยนไปในรายการ Club Friday Show แบบหมดเปลือก ถึงความรักที่พยายามซ่อมแซมมาเป็นพันครั้ง แต่สุดไปก็ไปต่อไม่ได้จริงๆ ถึงเวลาต้องเลิกกับ นิวเคลียร์ หรรษา และไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตครอบครัวจะเดินมาถึงจุดนี้ได้
เพชรจ้า เล่าว่า ตัวเองเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องความรักแท้เลย มันเหมือนผี ที่ไม่ได้เห็นทุกคน มีบางคนที่เห็น ตอนที่คบกับนิวเคลียร์ ช่วง 4 ปีแรกเป็นช่วงที่เป็นตัวเองที่สุด เลวยังไงก็อย่างนั้น เพื่อจะดูว่าน้องเขาจะทนคนแบบเราได้มั้ย ซึ่งเรารู้ตัวนะว่าเรานิสัยโคตรไม่ดี แต่นิวเคลียร์รับได้ทุกอย่าง
เพชรจ้ายอมรับอีกว่า ตัวเองเป็นคนอารมณ์ร้าย รุนแรง ทุ่มทีวีต่อหน้า เวลาทะเลาะกันจะเป็นคนชอบเคลียร์แต่อีกฝั่งไม่ชอบ เวลาทะเลาะกันก็จะทุ่มทีวี แต่พอผ่านมันมา 4 ปี เรารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้แม่พระ แสนดี หาที่ไหนไม่ได้ เคยให้คำจำกัดความเลยว่า คนนี้ยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 แบบ 12 ใบรวด ก็ตกลงปลงใจเลยว่าคนนี้แหละ เราจะเลิกเป็นเด็กไม่ดีแล้ว ที่ผ่านมาเราแกล้งๆ ทำ
พอเราแต่งงานเราก็เปลี่ยนเป็นอีกคน ไม่ได้พยายามเปลี่ยนแต่เราอยากทำเอง ก็เลิกกินเหล้าไปประมาณ 7 ปี เลิกบุหรี่ เลิกทุกอย่าง อะไรที่ไม่ดีเราก็เลิกทำ นิวเคลียร์อยากเลี้ยงลูกเอง ก็เลยเลิกรับงาน และเราก็ก่อตั้งทำยูทูบ เปิดบริษัทที่บ้าน เพื่อที่จะได้อยู่กับครอบครัวตลอด 24 ชม. มีความสุขทุกวัน พุ่งทะยาน จนกระทั่งถึงวันที่ระเบิดแตกออกมา

สาเหตุที่เลิกกัน ซึ่งวันนั้นคือวันที่คลอดลูกออกมาสักพักแล้ว ผมวิเคราะห์ว่าสรีรภาพของนิวเคลียร์เปลี่ยนไปเยอะ ผมร่วง ผิวแตก เราก็สงสาร รู้เลยว่าเขาเจอศึกหนัก เขาเป็นแม่ เขาเสียสละมาก นี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เคลียด อีกจุดก็คือเรื่องฮอร์โมนที่ไม่คงที่หลังคลอด
ประกอบกับที่ตอนนั้นเจอโควิด-19 กำลังระบาด ซึ่งนิวเคลียร์ซื้อชุด ตั๋วเครื่องบินเตรียมไปเที่ยวไว้หมดแล้ว มันเลยไม่มีอะไรให้ออกไปสดชื่นเลย มันมีแต่เรื่องเดิมๆ ที่เกิดขึ้นในบ้าน
ถามว่าให้กำลังใจยังไง คือตอนนั้นเหมือนแบบว่าน้องอยากอยู่คนเดียว ผู้หญิงแข็งแรงเขาจะแบบ ไม่เป็นไร พี่ไม่เข้าใจหรอก เดี๋ยวหนูเคลียร์ตัวหนูเอง ก็นั่งร้องไห้อยู่ในห้องคนเดียว พอเขาหายก็ไม่กล้ามานั่งคุย เพราะเรารู้ว่าแรงกดดันในตัวเขามันค่อนข้างเยอะ มองด้วยความรู้สึกเรา คือเขามองว่าเราไม่มีทางเข้าใจ เพราะเราไม่ได้อยู่จุดเดียวกับเขา เราก็ทำได้แค่แบบเป็นห่วงอยู่ห่างๆ อาจจะเป็นปัญหาจากอะไรไม่รู้ หรืออาจจะเป็นที่เราก็ได้ เราทำนิสัยไม่ดี แต่เราไม่รู้ตัวก็ได้
อาจจะเป็นตอนช่วงที่มีลูก เราก็จะไม่ค่อยได้คุยกัน คือเราจะเลี้ยงลูกเอง แบ่งเวลากัน ผมอยู่กะเช้า นิวเคลียร์อยู่กะดึก เขาต้องลุกมาให้นมลูกทุก 2 ชม. จนถึง 6 โมงเช้า แล้วผมก็จะตื่นมาเอาลูกลงมาข้างล่าง เพื่อให้นิวเคลียร์ได้นอนจนถึงบ่าย 2 ซึ่งตอนนั้นร่างผมจะแหลกแล้ว แต่ก็ต้องช่วยกันดูแล จนเริ่มดึกจะถึงเวลานอนของผม แต่การนอนของผมจะเป็นการนอนที่ไม่สามารถนอนเต็มอิ่มได้ เพราะว่านอนห้องเดียวกันกับลูก มันก็จะเป็นการอดนอนไปตลอด 1 ปี เลยทำให้เกิดการเครียดทั้งคู่
เราคุยกันแต่คุยกันน้อย เพราะมันเหนื่อย คนมันไม่ได้นอนเต็มอิ่มมาเป็นปีๆ นอนแค่วันละ 3 ชม. แต่การเลี้ยงลูกมันแค่เหนื่อย แต่มีความสุขตลอดโมเมนต์
กระทั่งถึงวันที่นิวเคลียร์โพสต์ว่า อย่าให้ถึงวันที่ไม่รู้สึก ซึ่งอันนั้นผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ซึ่งผมก็ถามเขานะว่า มีอะไรที่พี่ไม่เวิร์กมั้ย เขาก็บอกว่าไม่มี

ผมก็เลยมานั่งย้อนดูตัวเอง ถ้าไม่ได้เกิดจากผมก็เกิดจากคุณ ก็เลยมานั่งคิดว่า ผมก็เป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดที่จะมีปัญญาเป็นแล้ว ก็เลยสุดปัญญาที่จะทำแล้ว ไม่รู้ว่าจะไปต่อยังไง เขาก็ไม่ได้ร้องขอนะว่าเราต้องดีกว่านี้
ซึ่งสถานการณ์เรา 2 คนตอนนั้นมันปกติมากเลย มันเหมือนว่าผู้ชายเป็นคนที่ไม่คิดอะไร อีกฝั่งหนึ่งอาจจะคิด ซึ่งตอนนั้นกราฟความสุขเราพุ่งขึ้นตลอด มีความสุขทุกวัน
ตอนที่ไม่คุยกันในบ้านเลยเป็นปี ตอนนั้นตัดสินใจที่จะเลิกกัน ผมก็พยายามยื้อ ลองแก้กันดู ซึ่งน้องเขาก็น่ารักมาก ยอมแก้
แต่ก็มีวันหนึ่งที่น้องเขาพูดขึ้นมาว่าจะเลิก วันหนึ่งที่มันปริ่มแก้วแล้ว เขาบอกว่าพอเถอะ ซึ่งเราเองก็เริ่มซ่อมมันอยู่ แต่เราก็ซ่อมมั่วไปหมด เพราะไม่รู้ว่าเราทำอะไรผิด ตอนที่ได้ยินคำนั้น เราเป็นคนที่มีทัศนคติคิดอะไรเหมือนคนโบราณ คิดว่าแต่งงานกันแล้วมันต้องไม่เลิกกันสิ มันต้องแก้ ต้องปรับจูน ซึ่งความคิดตอนนั้นเราคิดผิด
นิวเคลียร์เป็นคนรุ่นใหม่ เขาบอกเราว่า พี่ เราซ่อมกันมาเป็นพันครั้งแล้ว เราก็จริงด้วย เราซ่อมมาเป็นพันครั้งแล้ว แต่เราไม่เคยเชื่อเขาเลยว่า มันซ่อมไม่ได้แล้ว เราก็โอเค ยอมถอยออกมา ที่ผ่านมา นิวเคลียร์ฟังเราตลอด แต่เราไม่เคยฟังเขาเลย ซึ่งตอนนั้นเราถอยออกมา ใครอยากจะทำอะไรก็ไปทำ แต่ยังอยู่ในบ้านเดียวกัน ไม่ได้โกรธกันนะ แต่มันเศร้าๆ
ซึ่งเราคุยกันน้อยลงแล้ว ก็เดินผ่านกันไปมาในบ้านหลังเดียวกันเฉยๆ ตอนนั้นผมนอนไม่หลับเลย สมองคิดวนตลอดว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราทำอะไรผิด แต่ก็หาจุดต้นตอไม่ได้ จนเริ่มห่างกันจริงๆ เราก็เสียใจหนัก จัดการตัวเองไม่ได้ ใจแตกสลาย เราโกรธที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ไม่ได้เรื่อง ก็เงียบ เราเหมือนเป็นธาตุอากาศอยู่ในบ้าน คือเรารักกัน แต่ทัศนคติ เคมีเนื้อในไม่เหมือนกัน เขาไปไหนก็เรื่องของเขา จนเราเริ่มเข้มแข็งขึ้น ผ่านไป 1-2 ปี

แล้วตอนนั้นเหมือนเราร้ายๆ นิดนึง ถามเขาเลยว่า เลิกกันแล้วจะย้ายออกไปเลยมั้ย ซึ่งตอนนั้นเราก็อันฟอลโลว์ทั้งเพื่อน พ่อแม่เขาทั้งหมด ทุกคนมองว่าผมใจร้าย เลิกกันแล้วทำไมต้องทำแบบนี้ แต่ในมุมของผม ผมทำใจไม่ได้ เครียด เลยต้องตัดช่องทางออกทั้งหมด แต่ยังฟอลโลว์นิวเคลียร์นะ เห็นนิวเคลียร์ผ่านนิวเคลียร์ได้ แต่เห็นเขาผ่านคนอื่นไม่ได้
การเลี้ยงลูกเราจะแบ่งกันเป็นเวร คือ ผมอยู่กะเช้า เขากะดึก แต่ตอนเย็นๆ เราจะอยู่ด้วยกัน 3 คน แต่ไม่คุยกัน คือนิวคุยกับลูก ผมคุยกับลูก แต่ผมกับนิวไม่คุยกัน แต่ก็อยู่ด้วยกัน 3 คน ก็เล่นกับลูก ฉันไม่มีอะไรคุยกับเธอ
เคยงงว่าชีวิตเรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเครียดเลย ไม่มีอะไรในโลกที่ทำให้เครียดได้ มีแค่ตอนที่พ่อเสียแค่ครั้งเดียวที่ทำให้เสียใจ แต่พอมาเจอเรื่องนี้ นอนไม่หลับ เครียด สุดท้ายมาจบที่นอนฟังธรรมะ ฟังมาเป็นปี มันช่วยได้มาก ขัดเกลาจิตใจเราได้มาก
วันหนึ่งผมจะสั่งก๋วยเตี๋ยว ผมก็ตะโกนข้ามไปเลยว่า นิว พี่จะสั่งก๋วยเตี๋ยว เอาเส้นอะไร จากที่ไม่เคยคุยกันเลยนะ เขาก็ตอบกลับมาว่า เอาเส้นเล็ก ผมก็สั่งมาแต่ก็ยังแยกกันกินนะ ซึ่งนี่เป็นประโยคสนทนาแรกหลังจากที่ไม่ได้พูดมาเป็นปี จากนั้นเขาก็ซื้อกาแฟมาฝากผม
และเราก็ปรับเปลี่ยนวิธิคิดใหม่ มาใช้วิธีของนิว ซึ่งมันเวิร์ก หัวเราก็เคลียร์แล้ว เลิกคิดเรื่องที่ผ่านมาที่ทำให้นอนไม่หลับ ก็เลยบอกเขาว่า ไม่ต้องย้ายของออกแล้ว อยากทำอะไรทำเลย ทุกอย่างเหมือนเดิม อยากไปไหนก็จะให้รถตู้ไปส่ง ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาก็ไม่อยากยุ่งของเรา อะไรที่เป็นของเราเขาก็ไม่อยากยุ่ง
เราก็ไม่ไปเป็นส่วนหนึ่งให้เขารำคาญ แต่พอวันที่เราปลดล็อกได้ ผมก็สร้างห้องกินเหล้า ที่ตอนแรกจะสร้างห้องกาแฟ ซึ่งเป็นห้องของครอบครัวเรา แต่พอวันหนึ่งเราจบกันแล้ว ก็บอกช่างเลยให้เปลี่ยนจากห้องกาแฟเป็นห้องปาร์ตี้ เราไม่ได้กินเหล้ามานานมาก 7 ปี กลัวจะเสียทรง เลยซ้อมกินที่บ้าน เอาเหล้ามานั่งกินคนเดียว เกือบตาย หายใจไม่ออก ด้วยความที่เราหยุดไปนานมาก เลยตัดสินใจจะไม่กินอีกแล้ว มันทรมาน
นิวเคลียร์บอกว่าเดี๋ยวคืนนี้หนูจะไปเที่ยวนั่นเที่ยวนี่นะ เราก็โอเค ไปเลย เราก็มานั่งคิดว่า น้องมันไปเที่ยว เราก็ต้องไปบ้าง ถ้าไปแบบไม่กินเหล้ามันจะยังไง เลยลองนั่งกินคนเดียว 12 คืน กินจนมันไม่แน่นจมูกแล้ว รู้สึกว่าเราเริ่มกลับมาออกสังคมได้แล้ว หลังจากนั้นมาก็เริ่มสนุกกับการสร้างห้องกินเหล้า เริ่มโทรหาเพื่อนเก่าๆ จนกระทั่งทำรายการยูทูบ ปะป๊ามาเฟีย เหมือนเราได้กลับมาเป็นเด็กมหาวิทยาลัยอีกครั้ง คือตอนนี้ชีวิตเราสนุกสุดเหวี่ยงมาก เพราะเรามีครบทุกอย่าง มีเงิน มีบ้าน มีลูก

ส่วนความสัมพันธ์ของผมกับน้องนิวตอนนี้ แฮปปี้มาก มันทำให้ผมเข้าใจคำหนึ่งที่พระสอน ความรักที่มันบริสุทธิ์ คือความรักที่ไม่หวังผลตอบแทน มันเป็นความรักของพ่อแม่ไทก้าที่รักกัน ไม่ได้หวังอะไรตอบแทน เรามีลูกเป็นศูนย์กลาง
ทุกวันนี้เวลาเจอหน้ากัน เราขี่คอกันได้สบาย เหมือนพี่น้อง ไม่มีคิดเกินเลย เพราะว่ามันชัดเจนแล้ว เราไม่คาดหวังอะไรเลย แต่มันเป็นความอุ่นใจ เอื้ออาทรต่อกัน
ถ้าวันหนึ่งเขามีคนอื่น มีได้สบายมาก นิวยังเคยให้ผมช่วยดูเลยว่าคนนี้โอเคมั้ย มีพามาเจอ นั่งกินเหล้ากัน 3-4 คน ซึ่งเมื่อก่อนตอนที่เรายังดาวน์ๆ คิดไม่ได้ ก็เคยบอกว่า ถ้าใครมาจีบนิวเคลียร์ จะไม่ยอม จะตามไปราวี แต่พอผ่านไปวันที่หย่ากัน เราก็โอเคแล้ว
มาตอนนี้มุมความสัมพันธ์เราก็เริงร่าเต็มที่ ก็ใช้ทฤษฎีเข้าไปเลย เจอกันปุ๊บ คบกันไปเลย ถ้าไม่ชอบก็แยก แต่ไม่ได้คุยหลายคนนะ มาทีละคน อะไรที่ไม่ชอบก็แยกกันไป มาตอนนี้ไม่ได้มองหาความรักแล้ว เพราะเรามีความรู้สึกว่ามันจะมามาเอง ที่ผ่านมาคบมา 2 คนแล้ว แต่ตอนนี้เขามีชีวิตที่ดีไปหมดแล้ว
คนแรกจากกันเพราะว่าน้องเขายังเด็ก แล้วขี้หึง ส่วนคนที่ 2 ผมชอบเที่ยว แฟนผมก็ชอบเที่ยว แต่ไปๆ มาๆ เขาเที่ยวเยอะกว่าผมอีก เลยบอกเขาว่า พี่ว่าเราไปเที่ยวกับเพื่อนเถอะ ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องรีบกลับเพราะกลัวพี่จะเป็นห่วง ซึ่งเราไม่อยากบอกเขาว่าเที่ยวน้อยๆ หน่อย

และคนใหม่ที่เข้ามา ต้องบ้านใกล้เท่านั้น เพราะเราเห็นแล้วว่าเราต้องเลี้ยงลูก 24 ชม. ไม่สามารถจะไปหาเขาไกลๆ ได้ เราไม่มีเวลา แต่ถ้าใกล้เราไปหาเขาได้ เวลามีแฟน พื้นฐานผู้หญิงต้องการเวลา ซึ่ง 80% ของผมคือลูก และงานอีก แต่ของเขาคือน้อยอยู่แล้ว ก็เลยเซตเลยว่าขอใกล้ๆ
ซึ่งแฟนทั้ง 2 คน พามาเจอนิวทั้งคู่ คนแรกบ้านใกล้มากเลย ขับไปไม่ถึง 5 นาที น้องคนแรกสู้มาก ด้วยความที่เขาเป็นเด็กนอก นิวเคลียร์นั่งเล่นกับลูก เขาก็จะไปนั่งใกล้ๆ เลย เราก็งงเข้าไปทำไม แต่ก็ดีนะ เขาได้พยายามทำความรู้จักกัน
พอคนที่ 2 เราก็เข้าไปคุยกับนิวเคลียร์ว่าเราคุยกับคนนี้ เปิดไอจีให้ดู เดี๋ยวจะพามานะ ซึ่งนิวก็โอเค ซึ่งเราทั้งคู่ไม่มีที่ไม่โอเคกับผู้ชายและผู้หญิงของกันและกัน เพราะเราผ่านการเลือกมาแล้ว ส่วนคนที่นิวเคลียร์ก็พามาเจอ คนนั้นเขานิสัยดี นอบน้อม ก็อยู่ด้วยกันได้ ถ้าในอนาคตน้องนิวมีคนใหม่ผมก็โอเค อะไรที่เขามีความสุข ผมก็โอเคหมด
เมื่อถามว่า ถ้าวันหนึ่งไทก้าโตขึ้น จะอธิบายกับลูกว่ายังไง เพชรจ้าบอกว่า ผมอยู่ในบ้านที่มีพ่อกับแม่เป็นไม้เบื่อไม้เมากัน เหมือนเขาไม่ลงรอยกัน แต่เราไม่เคยรู้มาก่อน เพราะเขาอยู่ในบ้านเดียวกัน แต่เพิ่งมารู้ตอนโตว่าเขาเลิกกัน ส่วนตัวผมก็คงจะบอกลูกว่าเป็นเพื่อนกัน
คิดมั้ยว่าชีวิตจะเดินมาถึงจุดนี้ เพชรจ้าบอกว่า ไม่เคยเลย อันนี้เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ ในมุมคิดว่าการที่เด็กเจอพ่อกับแม่พร้อมกัน มันจะไม่ขาด จะไม่มีคำถามเลยว่า เอ๊ะ ทำไม แต่ถ้าในครอบครัวที่พ่อกับแม่อยู่คนละที่ อยู่กับแม่คนเดียว 3 เดือนพ่อมาหาที อันนี้จะเป็นคำถามมากกว่า
มาวันนี้ก็ไม่ได้กลับไปย้อนถามนิวเคลียร์เลยว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นถึงเป็นแบบนี้ จะไม่ฟื้นฝอยหาตะเข็บ เพราะเราเชื่อว่ามันเป็นที่เรา เพราะว่าเขาทิ้งทวนเอาไว้ว่า อย่าให้มันถึงวันที่ทนไม่ไหวนะ แปลว่าเรื่องนี้มันเกิดที่ผม แต่ผมหาปมไม่เจอ แต่พอผ่านไป ตอนนั้นมันวิเศษมาก ที่แม่ของลูกเราเลี้ยงลูกเราเอง มันคือที่สุดอะ
ผมเชื่อว่ามีรักแท้ เพราะเคยเจอมาแล้ว แต่เชื่อว่าไม่มีอะไรอยู่กับเราตลอดไป แต่ก็ไม่รู้เลยว่าจะรักใครได้อีกแบบนี้มั้ย

หลายคนชอบถามผมว่าอยู่กันแบบนี้มันไม่แปลกเหรอ ถามว่าต่างคนต่างรักกันมั้ย ชื่อว่ายังไงก็รัก แต่ความรักอะมันไม่จำเป็นที่ต้องอยู่ในรูปแบบของแฟน เรารักกันได้โดยมีไทก้าเป็นเซ็นเตอร์ ดูแลพึ่งพากันไปตลอดชีวิต ดีกว่ารักกันแบบแล้วโกรธเกลียดทะเลาะกัน เราสองคนจะไม่มีวันทะเลาะกันต่อไปอีกแล้วในชีวิต
และอยากจะฝากถึงลูกไทก้าว่า อย่าให้คำต่างๆ ที่ในอนาคตจะมีคนมาถาม มาเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตของหนูแล้วกัน เพราะว่าพ่อกับแม่รักหนูที่สุด เราทำกันเต็มที่มากๆ สร้างความรักที่สมบูรณ์แบบให้กับลูกได้ โดยที่ไม่ขาดตกบกพร่องแน่นอน.




ดูข่าวต้นฉบับ
ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/celeb/2711768
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/celeb/2711768

