เกี้ย เล่าว่า “จริงๆผมร้องเพลงก่อนมาทำยูทูบ เป็นครูสอนร้องเพลงตอนเรียนมหาวิทยาลัย ร้องเพลงประกวดล่ารางวัลตั้งแต่อยู่ ม.3-ม.4 แต่คนไม่ทราบ จนมาคุยกับเอฟู จะทำเพลงให้ เราอยากได้แนวยุค 90 เป็นดนตรีที่ฟังง่าย เมโลดี้จำได้ และภาพที่เราอยู่ในยูทูบจะเป็นคนพลังบวกตลอดเวลา เขาสงสัยว่าคนแบบนี้มันเหงาหรือมันเศร้ามันต้องเบอร์ไหน เลยเอาคอนเซปต์นี้ไปคุยกับพี่กอล์ฟ โปสการ์ด ประเด็นคนยุคนี้เหงาแต่ไม่บอก เขาเลยเอาสิ่งนี้มาเล่า เพลงจะแนวเหงาๆ เป็นเพลงฟังเรื่อยๆ”

จะสื่อถึงใครเป็นพิเศษ “ไม่มีครับพี่ (หัวเราะ) คือจริงๆคนที่ติดตามผมจะมีคนเห็น เวลาผมโพสต์อะไรไปคนจะเข้ามาคอมเมนต์ แสดงว่าทุกคนจะต้องมีความเหงาคุยกับผมตลอดเวลา หลายๆคนเหงามาเจอกัน เราเลยรู้สึกเป็นเพื่อนเหงาๆด้วยกัน เอฟูมองว่าผมน่าจะเป็นตัวแทนของคนที่มีความเหงาได้”

จากครูสอนร้องเพลงแต่วันนี้มาเป็นนักร้องเองเป็นอย่างไรบ้าง “ยากมากครับ ด้วยความที่เราเป็นคนร้องเพลงประกวดมาตั้งแต่เด็ก พอร้องประกวดยุค 80-90 จะร้องแบบใช้เพาเวอร์เยอะๆ พอยุคนี้มันไม่ใช่เป็นวิธีการร้องอีกแบบ พื้นฐานมีแต่จะปรับยังไงให้ดูทันสมัย ยุคนี้เหมือนการเล่าเรื่องได้น้องแนน นนทิยา มาช่วยปรับการร้องเยอะเหมือนกัน มีกำลังใจบางส่วนจากพี่คิ้ม (เจนนิเฟอร์ คิ้ม) จะโทร.มาแนะนำ เกี้ยจะต้องเปลี่ยนช่องเสียงใหม่นะ ไปห้องอัดเอาเสื้อกันหนาวไปนะ เหมือนแม่พาลูกไปโรงเรียนเลย (หัวเราะ)”

การเป็นนักร้องถือว่าสานฝันให้ตัวเอง “ใช่ครับ เพราะจริงๆผมประกวดตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่สมัยพี่โจ้ อัครพล ที่เสียไปแล้ว ประกวดร้องเพลงปีเดียวกับผมเลย สมัยเด็กๆยอมรับเราไม่ใช่คนรูปร่างหน้าตาดี น้ำหนักเป็นร้อยเลย ทำให้เราวางความฝันไป แต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ผมประสบวิกฤติชีวิต เป็นสโตรก เส้นเลือดในสมองแตกทุกวันนี้ก็ยังชาครึ่งซีกซ้ายอยู่นะ พอกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ เหมือนมีใครบางคนให้โอกาสผม เราควรให้รางวัลอะไรกับตัวเราบ้าง เลยเป็นการเติมความฝันของผมให้เป็นจริง”

กับอาการสโตรก ตอนนี้ต้องดูแลตัวเองยังไงบ้าง “จริงๆด้วยความเป็นยูทูบสายอาหาร หลีกเลี่ยงการกินไม่ได้ก็ปรับอาหารการกิน วันที่ถ่ายยูทูบกินหนักเหมือนเดิม แต่ผมจะไม่กินหมดเหมือนสมัยก่อน กิน 3 คำเพื่อให้บอกรสชาติได้ ออกกำลังกาย สร้างวินัยให้ตัวเอง ปรับวิธีการกินให้เหมาะกับตัวเองมากขึ้น ถ้าไม่มีวิกฤติทุกคนไม่เริ่ม เราต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุด”.