“คือมีความพยายามอยู่แล้ว หลังจาก 15 ปีที่แล้ว มีความคิดถึงและโหยหาที่อยากจะกลับมาทำงานเพลงอีกครั้ง มีการแต่งเพลง เขียนเพลงเอง อยากถ่ายทำมิวสิกวิดีโอเองด้วยซ้ำ แต่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป เราได้แต่เฝ้าดูเห็นเพื่อนๆมีผลงานและไปทัวร์คอนเสิร์ตอยู่เรื่อยๆ อย่างพี่ปูแบล็คเฮด, พี่เหน่ง วายน็อตเซเว่น เค้ามีผลงานตลอดเวลา เราก็อยากไปเล่นคอนเสิร์ตบ้าง นึกถึงบรรยากาศแบบนั้น จนเมื่อปีก่อนปีที่แล้วมีคอนเสิร์ตใหญ่เกิดขึ้นที่เอาศิลปินยุค’90 รวมตัวกันอีกที คอนเสิร์ตเด็กเทป คอนเสิร์ตเดอะร็อคเลิฟซอง ก็เลยไปเข้าตาบริษัทข้าวสารเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ส่งพี่ท่านนึงมาทาบทามว่าอยากจะเข้ามาร่วมโปรเจกต์คนที่กลับมามั้ย ฟังดูแล้วน่าสนใจดี นำศิลปินในอดีตที่เคยมีผลงานที่ชื่นชอบของแฟนๆ 12 คน ปลายปีจะรวมตัวในคอนเสิร์ตใหญ่ ขอบคุณที่กลับมา เราฟังโปรเจกต์น่าสนใจ โดยเฉพาะศิลปินที่เปิดตัวไป อย่างน้องพั้นซ์มีเพลงติดหู ยอดวิวเกือบจะร้อยล้าน เอ็ม อรรถพล เพลงโคตรเพราะก็โคตรเพราะจริงๆ เราก็เข้ามาเป็นหนึ่งในการทำงานโปรเจกต์นี้ด้วย เพลงไม่มีสวรรค์ตรงนี้ กับความคาดหวังไม่ได้คาดหวังอะไร แค่เราทำหน้าที่ในส่วนของเราเต็มที่ เพลงปล่อยตั้งแต่ 27 ม.ค. ผลตอบรับผู้บริหารบอกว่าดีมากนะแค่สัปดาห์ที่ 3 ยอดวิวขึ้น 5 ล้านวิวเข้าไปแล้ว”

กลับมาทำงานเพลงครั้งนี้แตกต่างจาก 15 ปีขนาดไหน “ตอนนั้นยังไม่มีโลกโซเชียลขนาดนี้ ความสัมพันธ์กับการทำงานเพลง แฟนเพลงจะค่อนข้างห่างกัน เค้าจะเจอเราได้ก็ต่อเมื่อผลงานเพลงออกมาแล้ว เห็นทีเซอร์ตามรายการเพลงของบริษัท หรือสื่อที่สนใจงานเพลง จะหาตัวก็ยาก เค้าอยากเห็นเราจริงๆ ก็แอบสืบเสาะบ้านเราอยู่ไหน มาโผล่หน้าบ้าน ใส่ชุดนักเรียนมาด้วย โดดเรียนมาใช่มั้ย? ผมไล่กลับไปบ้านเดี๋ยวนี้นะ ก็ว่าเค้าไป เด็กคนนั้นกลายเป็นแฟนเพลงจนถึงปัจจุบัน เป็นเพื่อนในเฟซบุ๊ก ตอนนี้มีครอบครัวอยู่ที่ญี่ปุ่น มีลูก 3 คน แต่สมัยนี้เข้าไปโซเชียลจากไอจี เฟซบุ๊ก ก็จะเห็นแล้วว่าพี่อ่ำตื่นมาแหกขี้ตามาวิ่ง ดูแลสุขภาพดีๆ ทักแฟนๆ วิ่งหรือยัง”

ตอนนี้กลับมาเริ่มต้นใหม่ “ใช่เลย เหมือนโคจรชีวิตย้อนกลับมานับหนึ่งใหม่ จากที่เราช่วงชีวิตช่วงนึงขึ้นมาแล้วหล่นลงไปและพยายามกลับมาและได้กลับมาอย่างที่ตั้งใจ มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ ทำตัวใหม่ มีวินัยดีกว่าเดิม ตอนนั้นอายุ 25 ตอนนั้นสุขภาพไม่ดีเท่าตอนนี้เลย เมื่อก่อนไม่ค่อยพักผ่อน ดื่มตลอด มันอร่อย ทำไมมันหวานเจี๊ยบ พูดแล้วเปรี้ยวปาก (หัวเราะ) เดี๋ยวนี้ตื่นเช้า ออกกำลังกาย 5-6 โมงเย็น เริ่มบ่นว่าง่วงแล้ว (หัวเราะ)” เปลี่ยนการใช้ชีวิตตั้งแต่ตอนไหน “ตอนที่ป่วยหนักๆทำอะไรไม่ได้ เดินไม่ค่อยไหว เป็นโรคเกาต์ โรคกระดูกอักเสบ โรครูมาตอย เค้าพยายามให้ทานยาอยู่ ผมเป็นพวกดื้อ เค้าให้ทาน 2 ปี แต่ผมทาน 2 เดือนก็เลิก เสร็จแล้วผมไปวิ่งออกกำลังกาย สุดท้ายโรคทั้งหลายแหล่คือนอนพักผ่อนให้เพียงพอนอนพักให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง ทานอาหารดีๆให้มีคุณค่าทางโภชนาการและออกกำลังกายบ้างแต่ต่อเนื่อง ผมอ่านหนังสือธรรมะของเจ้าอาวาสวัดนึงพออ่านแล้วค่อยๆพัฒนาตัวเอง ค่อยๆรักษาตัว ใช้เวลาเหมือนกับในหลวง ร.9 (ยกมือไหว้ท่วมหัว) ตรัสไว้ว่าธรรมชาติเยียวยาธรรมชาติ ที่ผมเห็นโครงการพระราชดำริที่เขาชะงุ้ม จ.ราชบุรี พื้นที่ที่แห้งแล้งไม่มีน้ำ ไม่มีต้นไม้แต่พระองค์ท่านได้กลับไปใช้วิธีการทำให้ต้นไม้กลับมาเขียวชอุ่มด้วยการปลูกป่าเบญจพรรณ ทำแหล่งน้ำ พอ 30 ปีผ่านมา โอ้โห! กลายเป็นป่าเขียวไปหมดเลย ผมเอาตรงนั้นมาใช้ในชีวิตประจำวัน ยาเม็ดเดียวไม่สามารถรักษาใครให้หายได้ในวันเดียว ผมเลยรักษาตัวค่อยๆใช้เวลา 2-3 ปี ฟื้นตัวกลับมาได้ปกติ ดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะเราเข้าใจเหตุที่เป็นไปในชีวิตเราเกิดอะไรขึ้น” เรื่องดื่ม เรื่องปาร์ตี้ตอนนี้ล่ะ “ไม่มีแล้วครับ ทำงานเสร็จกลับบ้าน”

ตอนนี้น้องแอลลี่ ลูกสาวสวยมาก “ใช่ๆ สวยมาก ทำไมมันฉ่ำอย่างนั้น” แอลลี่สวยได้แม่มาเยอะ “ดีครับ ได้แม่มาจริงๆได้ความเนี้ยบคุณแม่ ได้สิ่งดีๆไปอยู่ในตัวเค้าหมดเลย ถามว่าเค้าได้อะไรในตัวพ่อ ความเป็นศิลปิน กล้าแสดงออกเพราะเราให้อิสระตั้งแต่เด็กแล้ว ล้นกระฉอกมาเลย” จังหวะพ่อออกเพลง ลูกออกซิงเกิลเหมือนกัน “ใช่ๆช่วงนี้มาแย่งมีเดียกันเองครับผม (หัวเราะ) สนุกดี เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับผมและแอลลี่” ถ้าวันนึงน้องมีแฟนพ่อหวงมั้ย “ผมตอบแทนไม่ได้เลย เค้าตัดสินใจเลือกทำอะไรได้ในสิ่งที่เค้าคิดตามสบาย ผมให้อิสระ เค้ารู้ตัวในสิ่งที่ลูกทำ ผมไม่สามารถยุ่งเลย มีหรือไม่ เราไม่เกี่ยว จะไม่ได้วัยโน้นวัยนี้ก่อน เรื่องของเค้า ชีวิตของเค้า เรามอบชีวิตให้เค้า หลังจากนั้นต้องตัดสินใจ ดูแลตัวเอง” ด้วยวัย 51 แล้วชีวิตโอเคแฮปปี้ขนาดไหน “มีความสุขดี ผ่านช่วงชีวิตได้เรียนรู้เยอะแยะ มีความสุขกับชีวิตที่เหลือดี คิดว่ามีความสุขมาก เบาลงเยอะ” ในมุมชีวิตมีครอบครัวใหม่ในวัยนี้ “ตอนนี้อยู่ปัจจุบันมีความสุขแล้ว จะมีใครหรือไม่มีใคร จะเกิดอะไรขึ้นเราอยู่กับตัวเอง อยู่ในหน้าที่ของเรา อะไรสำคัญที่สุด งาน ครอบครัว ก็คือลูกที่เราจะต้องดูแลเค้า เรียกร้องอะไรขึ้นมาเราพร้อมที่จะดูแลเค้า ดูแลแม่ ดูแลพ่อ พี่น้อง ดูแลความรู้สึกในครอบครัวแค่นี้พอแล้ว ไม่ต้องไปคาดหวังอะไร”.