มีภาพอัพเดทผ่านอินสตาร์แกรมให้เห็นกันตลอดในช่วงที่กักตัวเองอยู่แต่ในห้องคนเดียว 14 วัน ของพระเอกหนุ่ม “บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์” ซึ่งล่าสุดวันนี้ถือว่าเจ้าตัวได้รับอิสรภาพ เพราะครบกำหนด 14 วันแล้ว ก็เลยลงมาเจอหน้าเจอตาพร้อมหน้าครอบครัวได้ โดยหนุ่มบอยเผยว่าจริงๆ แล้วตนได้ไปตรวจเชื้อตั้งแต่วันแรก ผลคือออกมาไม่ติดเชื้อ แต่พอคุณหมอแนะนำให้กักตัวไว้ก่อน ตนก็เลยปฏิบัติตาม เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด

“วันนี้เพิ่งกลับลงมาข้างล่างหลังจากกักตัวครบ 14 วันเลยครับ 14 วันที่ผ่านมาผมก็อยู่แต่ในห้องนอนกับห้องยิมที่อยู่ชั้นบน ก็คืออยู่คนเดียวมาตลอดไม่ได้ลงมาข้างล่างเลย ไม่ได้เจอสมาชิกในครอบครัวเลย เพราะต้องแยกกัน นี่ก็เพิ่งลงมาเลยครับ ถามว่ากังวลว่าจะติดมั้ย ก็กังวลระดับนึงครับ คือผมก็ไปตรวจตั้งแต่วันแรกแล้วแหละ ผลก็ออกมาว่าไม่เป็น แต่คุณหมอเขาก็แนะนำให้กักตัว ผมก็เลยกักตัวไว้ก่อนครับ ความจริงก็กังวลระดับนึงครับ”

“เบื่อมั้ยเหรอ ก็หาอะไรทำไปเรื่อยครับ (หัวเราะ) ช่วงนี้พอดีไม่ได้ทำงาน ไม่ได้ออกไปไหนก็เลยไม่ได้โกนหนวด เพราะปกติที่โกนหนวดก็เพราะต้องออกไปทำงาน พอไม่ต้องไปไหนก็เลยปล่อยมันไว้อย่างนั้นแหละ ช่วงว่างก็ดูซีรีย์ เล่นโทรศัพท์ไปเรื่อย แต่ก็เห็นข่าวเยอะครับ ความจริงแล้วเฟคนิวส์มันก็มีครับ แต่เราก็ต้องดู และพอได้รับข่าวสารมาก็ต้องเช็คให้ชัวร์ก่อนว่ามันข่าวจริงหรือเปล่า พอได้รับข่าวมาก็ยังไม่ได้เชื่อในทันที ต้องดูแหล่งข้อมูลก่อนว่าเชื่อถือได้มั้ย ถ้าไม่น่าเชื่อถือหรือดูน่าจะเป็นข่าวเฟคก็ปล่อยผ่านครับ”

บอกวิธีแก้เบื่อคือหากิจกรรมที่ทำแล้วตัวเองแฮปปี้ เพราะงานทุกอย่างตอนนี้ก็หยุดหมดแบบไม่มีกำหนด
“วิธีแก้เบื่อของผมอย่างแรกที่ต้องทำก่อนก็คือหาอะไรที่เราทำแล้วรู้สึกว่าเราชอบ เราแฮปปี้ มันฆ่าเวลาได้ก็ทำไป ความจริงแล้วช่วงเวลาแบบนี้มันไม่ใช่เป็นเรื่องที่ใครอยากให้เกิด แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วเราก็ทำอะไรเท่าที่ทำได้ ก็ต้องช่วยๆ กัน อย่างน้อยการที่ทุกคนอยู่บ้านก็เป็นการที่เราได้ช่วยอย่างนึงเหมือนกัน ก็คือการป้องกันและลดการระบาดของเชื้อด้วยครับ”

“ตอนนี้ผมยังมีถ่ายละครอยู่หนึ่งเรื่องครับ แต่ตอนนี้ก็งดไปก่อน ยังไม่มีกำหนดว่าจะต้องไปถ่ายเมื่อไหร่เลยครับ พวกอีเว้นท์หรือถ่ายโฆษณาก็งดไปหมดเลยครับ ยังไม่มีกำหนด”

บอกอยากให้ช่วยให้กำลังใจหน่วยงานแพทย์เยอะๆ ถ้าพอจะบริจาคได้ก็อยากให้ช่วยๆ กัน
“ตอนนี้หน่วยงานที่ต้องให้กำลังใจสุดๆ เลยก็คือหน่วยงานที่เกี่ยวกับบุคลากรทางการแพทย์นี่แหละ เป็นหน่วยงานที่ทำงานหนักมากที่สุด ผมก็ได้ตามข่าวสารบ้าง และได้พูดคุยกับคุณหมอบ้างก็รู้เลยว่าทำงานหนักมาก ก็อยากเป็นกำลังใจให้มากๆ จริงๆ เลยครับ อยากจะเชิญชวนด้วยสำหรับใครที่ช่วยอะไรได้ก็อยากให้ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ไม่ว่าจะบริจาคเงินหรือว่าบริจาคสิ่งของก็อยากให้ช่วยกัน และให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์เยอะๆ เพราะกำลังกายเขามีพร้อมสู้แหละ แต่เขาต้องการกำลังใจที่จะสู้ต่อด้วย เพราะเขาเหมือนเป็นหน้าด่านให้พวกเราน่ะครับ”

“ตอนนี้ก็มีกลุ่มเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในวงการที่เขามีการรวบรวมเงินซื้อของและส่งไปตามโรงพยาบาลต่างๆ อย่างของผมก็มีซื้อและส่งไปตามโรงพยาบาลต่างๆ เหมือนกัน ก็ต้องช่วยๆ กันครับ คือตอนนี้ช่องทางเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลหรือที่ไหนก็ช่วยกันเต็มที่เลยครับ ผมว่าตอนนี้้มีโครงการดีๆ เยอะ อย่างเช่นให้ลงอินสตาแกรมต่อๆ กันที่ว่าเป็นโครงการโควิด 20 ลงแล้วก็แท็กต่อกันไปอีก 20 คน ให้ช่วยกันบริจาคคนละ 20 บาท ผมว่าเป็นโครงการที่ดีนะ เพราะว่าคนละ 20 บาทถ้าได้เยอะๆ มันจะได้จำนวนเงินเยอะมาก ผมเห็นตัวเลขว่าโครงการนี้ได้ 20 กว่าล้านบาทแล้ว มันก็เป็นพลังของทุกๆ คนรวมกัน ก็ช่วยได้ครับ”

“ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆ คนด้วยนะครับ อย่างที่บอกว่ามันเป็นภาวะที่ไม่ได้มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่พอเกิดขึ้นแล้วเราก็ต้องมานั่งคิดแล้วว่าเราจะทำยังไงกันต่อ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องกำลังใจ ก็ฝากเป็นกำลังใจให้ทุกๆ คนเลยครับ ช่วงนี้ก็เข้าใจแหละว่ามันเป็นช่วงที่ลำบากของทุกๆ คนไม่ว่าใครก็ตาม ก็ขอให้มีกำลังใจสู้ๆ กันครับ เราต้องผ่านมันไปด้วยกันครับ”