ท็อป ดารณีนุช ขอเป็นตัวเชื่อมช่วยเหลือแพทย์สู้โควิด ไม่หวั่นดราม่าคนว่าสร้างภาพ


ให้คะแนน


แชร์

ท็อป ดารณีนุช ไม่หวั่นดราม่า คนเม้าธ์ดาราสร้างภาพทำความดี พร้อมเคลียร์งานเดินหน้าช่วยวิกฤตโควิด-19 อย่างเต็มตัว ล่าสุดเจ้าตัว ควงลูกชาย น้องแกงค์ มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง one31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และใบเฟิร์น พัสกร เป็นพิธีกร

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ณ ตอนนี้สิ่งที่พี่ท็อปช่วยเหลือเกี่ยวกับเรื่องโควิด มันคือโครงการอะไร?
ท็อป : “อย่าพูดว่าเป็นโครงการเลย คือในไอจีเราตอนเริ่มที่มีสถานการณ์ต่างๆ เราก็ให้กำลังใจแพทย์และพยาบาล แล้วแนวคิดเราอันแรกคือ อยากให้คนเข้ามาในไอจีของเรา ช่วยเหลือดูแลบุคลากรทางการแพทย์ไม่ว่าจะเป็นแพทย์โรงพยาบาลรัฐ ท้องถิ่นบ้านเกิดของตัวเอง ช่วยกันดูแล แรกๆ เราอาจจะไม่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ เอาอาหารและน้ำไปเป็นกำลังใจให้เขา หลังจากที่เรามีแนวคิดแบบนี้ บางคนก็ไดเร็กต์เข้ามาขอความช่วยเหลือ ทีนี้เราเริ่มรู้แล้ว โรงพยาบาลบางชื่อไม่เคยรู้จักเลย แล้วเขาก็ขาดความช่วยเหลือ แล้วมีหลายๆ คนเข้ามาว่าเขามีอันนั้น เขามีอันนี้ เราก็เลยเป็นศูนย์จับแมตช์ มันจะต่างกันกับการที่เรารับบริจาค เพราะว่าเราต้องเช็กว่าเขาต้องการอะไร แล้วจับแมตช์ไปแมตช์มา หลังๆ ชักเยอะ เราก็จะเอาขึ้นบนหน้าโพสต์ว่าโรงพยาบาลเล็กๆ มีที่ไหนบ้าง ก็จะบอกว่าคนไทยมีน้ำใจน่ารักมาก เขาจะเข้ามาเหมือนช้อปปิ้งบุญ เขาก็จะมาดูที่เขาไม่รู้จักเหมือนเรา เขาก็ส่งความช่วยเหลือไป เราไม่ใช่ศูนย์อะไรใหญ่โต แต่ต้องตั้งชื่อไม่งั้นเขาจะบอกว่าจาก คุณท็อป ดารณีนุช ซึ่งไม่ใช่จากเรา เป็นความช่วยเหลือจากทุกๆ คน”

เป็นสื่อกลางช่วยประสานงานให้?
ท็อป : “เราแค่เป็นตัวเชื่อม เชื่อมให้ความช่วยเหลือไปถึงในจุดที่ต้องบอกว่า โรงพยาบาลใหญ่เป็นที่รู้จัก คนรู้อยู่แล้ว แล้วได้รับความช่วยเหลือแต่เขาก็ยังขาดแคลน แล้วโรงพยาบาลเล็กๆ ยิ่งน่ากลัว ตอนนี้ต้องเข้าใจว่าโรคนี้เป็นโรคที่ระบาดใหม่ของโลกเรา เข้ามาในประเทศเรา ทุกคนอยู่บนพื้นฐานของความกลัวหมด ทั้งแพทย์ พยาบาล รวมไปถึงประชาชนอย่างเรา เพราะฉะนั้นทุกคนอยากจะได้ของ แต่ของมีจำนวนจำกัด เพราะด้วยความที่ไม่เคยมีโรคนี้ สิ่งนี้ต่างหากที่เราควรยืนไว้ตรงนี้ เพื่อจะสร้าง ไม่ว่าจะเป็นสติแล้วให้เขาเห็นภาพรวมเท่าที่เราจะทำได้เท่านั้นเอง”

พอช่วยแล้วฟีดแบ็กเป็นยังไงบ้าง?
ท็อป : “โห…ต้องบอกว่ามันมีหลากหลายมาก เฉพาะฟีดแบ็กที่เข้ามาขอบคุณในเรื่องของการได้รับของ ในเรื่องที่เขาเกิดแรงบันดาลใจที่ทำ faceshield ส่งไปให้โรงพยาบาล แล้วเขาก็เหมือนส่งการบ้านเราว่าลูกเขาทำอันนี้นะ อันนั้นนะ เรารู้สึกว่าจริงๆ แล้วอย่างหนึ่งที่อยากจะบอก สังคมไทยตอนนี้ เราเห็นพวกเกรียนคีย์บอร์ดเห็นใครทำอะไรก็ไปเขียนตำหนิว่าหรืออะไรต่างๆ มันมีเยอะจนทำให้ทุกคนหัวใจหดหู่ แต่เมื่อเราได้ทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เราเห็นน้ำใจของคนไทยที่อยากจะออกมาทำความดีมีเยอะ”

น้องแกงค์ช่วยแม่ยังไงบ้าง?
แกงค์ : “ก็ถ้าวันไหนว่างผมก็จะมาขับรถให้คุณแม่ อย่างล่าสุดผมก็ไปช่วยย้ายของให้”

แทนที่จะเป็นสิ่งของ ชุด PPE ทำไมไม่เอาเงิน?
ท็อป : “ตอนแรกไม่เอาเงิน แต่ลงโพสต์ไปครั้งเดียว แล้วไม่ได้เป็นโพสต์ขึ้นว่าเลขบัญชีอะไร น้องเชื่อไหมว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาไม่ว่าจะเป็นพี่น้องในวงการบันเทิงแล้วก็พี่น้องประชาชนที่ติดตามไอจี ตอนนี้พี่มีเงินนะ 1.2 ล้าน ของเพื่อนเราก็มีเยอะ เจนนิเฟอร์ คิ้ม ให้มา 4 แสน ของคุณคิ้มเราจะไปซื้อเครื่องมือช่วยหายใจให้โรงพยาบาลพระมงกุฎ”

อะไรที่โรงพยาบาลต่างๆ เขาอยากได้ เขาต้องการ ขาดแคลนตลอด?
ท็อป : “หนึ่งคือกำลังใจอยู่แล้ว เพราะตอนนี้เขาเป็นนักรบที่อยู่บนสมรภูมิรบท่ามกลางความขาดแคลนอุปกรณ์ต่างๆ ฉะนั้นสิ่งที่ต้องการคือกำลังใจจากพวกเรา การรักษาตัวดีๆ อย่างเช่นอยู่กับบ้านกันนะ ไม่ให้เชื้อแพร่ เพราะว่าภาพรวมของประเทศไทยเรา ถ้าวันหนึ่งคนไข้มีเยอะมากแล้วเราต้องออกไปนอนอยู่บนพื้นข้างถนนแบบประเทศอิตาลี เราไม่อยากให้ประเทศไทยไปถึงจุดนั้น ตอนนี้มีดมาจ่อคอหอยแล้ว ทำไมพวกพี่ออกมาทำตั้งหลายจุดไม่ได้มีแต่พี่คนเดียว มีประชาชนหลายๆ คน เพราะเราอยากจะช่วยซัพพอร์ตทีมแพทย์และพยาบาลเขาต้องการหน้ากากเพื่อป้องกันตัวเอง หน้ากาก N95 ถ้าแพทย์และพยาบาลซึ่งเป็นด่านหน้าในสมรภูมิล้มนั่นหมายถึงคนในประเทศล้มตามไปหมด ใครจะรักษาให้เรา”

แกงค์ภูมิใจไหมที่แม่ทำแบบนี้?
แกงค์ : “ภูมิใจมาก ที่แม่ทำได้ขนาดนี้”

แต่เวลาที่ดาราทำดีแบบนี้ก็จะมีกลุ่มคนที่ลบใส่ พี่เห็นแล้วรู้สึกยังไง?
ท็อป : “ถามตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรเลย มันไม่ใช่ธุระของพี่ เขาจะด่าเรามันก็ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องไปกังวลอะไร คนเราถ้าแยกแยะดี ชั่ว ถูกผิด แล้วเจตนาที่เราทำว่า เราตั้งใจทำดีโดยบริสุทธิ์ใจใครจะพูดอะไร เรารู้อยู่ว่ามันเป็นยังไง ทำต่อไปเถอะ”

คนที่เคยด่า เคยว่าพี่ท็อป แต่สุดท้ายก็มาขอความช่วยเหลือด้วย?
ท็อป : “มาขอความช่วยเหลือ มาขอโทษเรา ขออโหสิกรรม เราก็ไม่สนใจ เราก็อวยพรให้ครอบครัวเขาดี คือเขาเขียนมาว่าเขาเคยว่าเรา ถามว่าจำได้ไหมก็จำได้ ก็แคปเอาไว้ แต่ว่าบางทีมันอาจจะเป็นเรื่องทางการเมือง ซึ่งทุกคนมีสิทธิ์คิดแล้วเราก็ไม่โกรธที่เขาจะเกลียดเรา คนบอกเดี๋ยวท็อปโดนกระแสดราม่า เราบอกมีแน่ๆ เขาก็ไปด่าเพจของเขา เราไม่เคยไปอ่าน หรือคนส่งมาให้พี่อ่านด้วยนะ พี่บอกว่าไม่เป็นไร วางมันไว้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องหลักที่เราต้องทำตอนนี้ ไม่มีทางที่ใครจะมารักเรา ถามว่าพี่ทำหน้าที่ตรงนี้ พี่เหมือนอะไร ถ้าพี่เป็นยาม ใช้ชีวิตประจำวัน พี่ก็ไปเดินเคาะ สร้างความรำคาญให้คนก็มี สร้างประโยชน์ให้คนก็มี แต่วันหนึ่งเมื่อมันมีศึก มีอะไรเข้ามาเราก็ต้องลุกมาปกป้องทุกคนเหมือนกัน ทั้งคนที่รำคาญเราและคนที่ชื่นชมสิ่งที่เราทำ”

แล้วอย่างดาราบางคนบริจาคมาก บางคนบริจาคน้อย แบบนี้มีปัญหาไหม?
ท็อป : “มันไม่มีปัญหาอะไรเลย คนเรามีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ไม่เหมือนกัน เขาสละมากหรือน้อยความจำเป็นในชีวิตเขาก็ต่างกัน แค่ใจที่คิดสละออกมา คุณไม่ต้องไปแข่งตัวเลขว่าคนนั้นทำนั่น ทำนี่ เขามีใจสละ เขามีมากก็สละมาก มีน้อยก็สละน้อย คิดแค่นี้เราก็จะรู้สึกดีต่อกัน ขอให้คุณย้อนมองตัวเองว่าคุณทำอะไรบ้าง คุณทำอะไรไม่ได้ก็ขอแค่นั่งเฉยๆ อยู่กับบ้าน ไม่เดือดร้อนใคร ไม่เบียดเบียนใครก็ถือว่าขอบคุณและเป็นบุญมากๆ แล้ว”

แกงค์เวลาเห็นแม่ออกไป กลัวแม่ติดไหม?
แกงค์ : “ในส่วนตัวผมไม่กลัวเลยว่าคุณแม่จะติด”

กระแสดราม่าต่างๆ คุณแม่ช่วยเหลือสังคม บางทีเขาจะโดนด้านดี ด้านไม่ดี เราเป็นลูกบางทีเราไปเสพสื่อเรารู้สึกยังไงบ้าง?
แกงค์ : “ผมไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะเคยคุยกับคุณแม่เรื่องนี้แล้ว คุณแม่ค่อนข้างมีจิตใจที่เข้มแข็ง แล้วคอยบอกผมเสมอว่าอย่าไปว่าเขาเลย เขาก็มีสิทธิ์ของเขา เขาอยากคิดอย่างนี้ก็ปล่อยเขาไป ผมก็ไม่ได้อคติกับคนที่มาว่าแม่ผม ผมมองว่าเขามีความคิดที่ต่างกัน แล้วผมก็คิดอย่างเดียวอยู่กับแม่ คอยช่วยแม่ รู้สึกดี”

พี่ท็อปประกาศงดรับงานเพื่อโควิด-19?
ท็อป : “ถามว่างดรับงานไหมตอนนี้มันไม่มีใครจ้างมากกว่า ละครปิด รายการประจำที่มีเขาก็ไม่ได้เรียกไป เขาบอกเอาอันเก่ามาหมุนก่อน งามก็มีประปรายนิดๆ หน่อยๆ เอาอะไรกิน เราก็ไปขูดกระเป๋าในบุญเก่าของเรามากิน คือพี่เป็นคนแยกบัญชีตัวเองเอาไว้สำหรับฉุกเฉิน สำหรับบำนาญหลัง 60 ปีค่อยเบิกเงินก้อนนี้มาใช้ จะแบ่งเก็บ ค่าเล่าเรียนลูก ลูกจะรู้ นางจะมีสมุดบัญชีใช้คำว่าเป็นอัลบั้มแบ่งหมวดหมู่”

รู้ว่ามีเงินเก็บดูอะไรสำรองไว้ไหม?
ท็อป : “หมายถึงว่าถ้าเราไม่ได้อยู่ในอาชีพนี้หรอคะ พี่มีบ้านเช่า มีอะไรก๊อกๆ แก๊กๆ แล้วพี่ใช้วิธีกินน้อย อยู่น้อย ให้มันพอดี คือไม่สร้างกิเลสให้เกินรายได้ที่ได้มาก็อยู่ได้ เราไม่มีหนี้ก็สบายตัวไป แล้วเราก็ไม่ได้ไปสร้างหนี้เพิ่มก็อยู่สบายๆ ไม่เดือดร้อนอะไรมาก”

ที่บอกว่าเลี้ยงลูกแบบบุฟเฟ่ต์ คือให้ลูกไปหาของด้วยตัวเอง?
ท็อป : “พี่คิดว่าลูกกำลังโต ไม่ต้องไปยุ่งกับเขามาก เขามีวิธีคิดของเขา บางคนบอกว่าไปทำงานสังคมแล้วทิ้งลูกหรือเปล่า พี่จะบอกว่าจริงๆ แล้วถ้าลูกมันอิ่ม ไม่ได้อิ่มท้องนะ พี่เป็นแนวคิดตั้งแต่เด็กว่าพี่เป็นแม่ที่สามารถบอกได้ว่าลูกคนนี้เป็นยังไง พี่เลี้ยงลูกใกล้ชิด ถ้าเราบอกลูกได้ แล้วลูกกล้าเดินมา บอกเราทุกสิ่ง เราไม่กลัวหรอก เคยมีอยู่พักหนึ่งบ้าแบรนด์เนมตามเพื่อน อยู่โรงเรียนอินเตอร์ เราก็ดูอยู่ว่าใช้อะไรให้มันอยู่ในงบ แต่พอนั้นเขาก็คิดของเขาเองว่าไม่เอา ให้เขารู้สึกเคารพตัวเอง ถ้าเรามีเงินโดยหาเองจะใช้กี่แบรนด์ จะขับรถซุปเปอร์คาร์ก็ธุระเธอ ทำเองไม่เป็นไร แต่ถ้าอยากได้จากแม่ก็ต้องนั่งรอ”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_3869134
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_3869134