ปุ้มปุ้ย เล่าปมเคยเลิก กวินท์ เผยเรือนหอ 18 ล้าน หวัง 3 ปีผ่อนหมด


ให้คะแนน


แชร์

ก็เลยไม่ได้โดนบูลลี่เรื่องการคบกัน แต่เป็นเรื่องความอดทนในความรักของเราสองคนเอง ก็ค่อนข้างยาก

เพราะว่ากวินท์เค้าก็โตมาในสิ่งแวดล้อมอีกแบบหนึ่ง ส่วนใหญ่อะไรที่เค้าได้มาตอนเด็กๆ มันจะเป็นอะไรที่ไม่ต้องสู้รบสักเท่าไร เค้าก็จะชิลๆ สบายๆ ไม่ได้คิดอะไรเลย แต่เราก็จะเป็นแบบชอบวางแผน”

มีความค่อนข้างต่างกันในเรื่องมุมมองในการใช้ชีวิต?
“ใช่ค่ะ ต่างเลย กวินท์จะไปเที่ยวนู่นนี่ แต่ปุ้ยโตกว่ากวินท์ไงคะ เหมือนเราอิ่มตัวเร็วกับการเที่ยว การติดเพื่อน เหมือนความคิดเราโตกว่ากวินท์ไปมาก ทะเลาะกันก็เยอะ”

เคยมีเหตุการณ์จะเลิกกันมั้ย?
“เคยเลิกกันค่ะ เลิกไปเลย (เลิกเพราะทัศนคติ การใช้ชีวิตที่ต่างกัน?) เค้าขอเลิก เค้าทิ้งปุ้ย เค้าแบบอึดอัด เค้าไม่ไหวแล้ว ทำไมเค้าจะต้องมาอยู่ในกรอบอะไรขนาดนี้ เราก็ปล่อยเค้าไป สุดท้ายเค้าก็กลับของเค้ามาเอง (หัวเราะ)”

เราก็ไม่ได้ขอให้เขากลับมา เราก็อยู่เฉยๆ ของเรา แต่เขากลับมาเอง?
“ใช่ค่ะ ปุ้ยไม่ใช่คนที่จะตามอยู่แล้ว เพราะว่าเวลาเราคบใครเราเต็มที่ เราคิดว่าสิ่งที่เราทำให้มันเพื่อตัวเค้ากับเพื่ออนาคตของเค้า หมายถึงว่าลุกขึ้นมาทำงาน ตื่นเช้าหน่อยก็อยากให้ทำนู่นทำนี่

คือไม่อยากให้เล่นเกม พอเมาแล้วก็หลับไป อะไรแบบนี้ วันๆ นึง แต่เค้ารู้สึกว่าเค้าเหมือนมีแม่มาคอยบังคับเค้า งั้นฉันก็ไม่ได้อยากมีลูกตอนนี้เหมือนกัน ก็แยกย้าย

พอเค้าเลิกกับเราไป เค้าลองไปใช้ชีวิตแบบที่เค้าอยากใช้ตอนที่ไม่มีเรา คือไปเที่ยวเมา ตื่นมาเที่ยว

เค้าทำอย่างงี้อยู่ประมาณเดือนกว่าๆ ค่ะ แล้วเค้าก็รู้สึกว่าทำไมชีวิตเค้าเป็นแบบนี้ ก็คือไปเที่ยวจนหนำใจแล้ว แล้วเค้าก็กลับมา (หัวเราะ)

ถามว่าเราก็รอเค้ารึเปล่า ไม่ได้รอค่ะ ตอนนั้นเฮิร์ตหนักมาก เราก็รู้สึกว่าเราต้องหาคนมาดามใจเรา เราก็มีคนคุยใหม่ไปแล้ว”

ปุ้มปุ้ย-กวินท์ ขอบคุณภาพจากไอจี @pantipa.a

เพราะอะไรที่ทำให้เรากลับมาคบกับคนเดิม?
“จริงๆ เราไม่ได้เลิกรักเค้าเลยตอนนั้น แต่เรารู้สึกว่าการมีคนอื่นช่วยให้เราไปจากตรงนี้ มูฟออนได้ เราก็เลยมี

แต่พอเค้ากลับมาเราก็ดูความตั้งใจของเค้า คือไม่ได้คืนดีกันเลยนะคะ เหมือนให้เค้าพิสูจน์ตัวเองว่าแบบเค้าชอบเราจริงๆ ใช่มั้ย เพราะว่าฉันเป็นแบบนี้นะ เค้าก็อยู่ เราก็เลยกลับมาคบกันเหมือนเดิม ประมาณ 10 ปลายๆ ค่ะ

แต่หลังจากกลับมาก็เปลี่ยนเป็นคนละคนเลยนะ กวินท์ก็ขยันทำงาน ไม่เที่ยวเลย เหมือนเรื่องเที่ยวไม่ใช่เรื่องหลักในชีวิตเค้า ตื่นเช้า

คือก่อนเลิกกันจะตื่นบ่าย ตกเย็นไม่มีอะไรทำ ช่วงนั้นเค้าไม่มีงานเค้าก็จะไปเที่ยวแล้วก็กลับดึก กลับมาก็ตื่นบ่ายอีก ในขณะที่ปุ้ยทำงานทุกวัน พอเรากลับมาแล้วแฟนเรายังไม่ตื่นเลย”

พอกลับมาเขาสัญญาอะไรมั้ย?
“ไม่มีค่ะ ไม่มีคำสัญญาอะไรทั้งนั้น ถ้าสัญญาก็ไม่เคยทำได้อยู่แล้ว เราไม่เคยหวังอะไรกับคำสัญญาของกวินท์อยู่แล้ว (หัวเราะ) ไม่เคยหวังกับใครเลยเรื่องคำสัญญาค่ะ

คือมีแฟนมากี่คนเราก็ตรัสรู้แล้วว่า คำสัญญาไม่ต้องไปสนใจ (หัวเราะ) ที่กลับมาคบกับกวินท์ไม่ใช่เค้าจะต้องมาสัญญาอะไร แต่เพราะว่าเรารักเค้าอยู่แล้ว เราก็เลยกลับ”

พอเขากลับมาก็เปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น รู้สึกยังไง เพราะส่วนหนึ่งเขาน่าจะทำเพื่อเราด้วย?
“ตอนแรกเค้าน่าจะไม่เห็นค่าปุ้ยสักเท่าไร แต่เค้าลองตื่นเช้า ลองหาเป้าหมายในชีวิต อย่างไปประกวดเพาะกาย คือตอนนั้นเค้าไม่มีงาน

แต่การที่เค้าลุกขึ้นมาเล่นฟิตเนส ไปประกวดเพาะกาย ปุ้ยก็คิดว่ามันเป็นอะไรที่ดูมีอะไรทำ ดีกว่าเมาแล้วก็เล่นเกม คืออย่างน้อยไปเพาะกายก็ยังได้สุขภาพ

เราบอกเค้าว่าการทำอะไรบางอย่างที่เป็นประโยชน์ไม่จำเป็นต้องได้เงินก็ได้ มันจะต้องได้ประโยชน์จริงๆ ไม่ใช่อยู่ไปวันๆ เค้าก็เลยไปแข่งเพาะกาย

คือคนที่แข่งเพาะกาย เรารู้สึกว่าจะต้องเป็นคนที่มีระเบียบมากๆ อย่างปุ้ยเองไม่ออกกำลังกายเลย คนที่ออกกำลังกายและเล่นฟิตเนสถึงขั้นไปแข่ง จะต้องมีระเบียบวินัยสุดๆ เลย และเค้าก็ทำค่ะ”

ปุ้มปุ้ย-กวินท์ ขอบคุณภาพจากไอจี @pantipa.a

ดีใจมั้ยที่เขาเปลี่ยนไป หันมาออกกำลังกาย?
“ใช่ ก็รู้สึกว่าเค้าเก่ง เค้ามีวินัย เค้าก็ทำได้ แล้วมีช่วงหนึ่งที่เค้าไปขับแท็กซี่ ก็ประทับใจ เป็นดารามาแล้วอยู่ดีๆ ไปขับแท็กซี่อย่างงี้

ก็รู้สึกว่าเค้าเป็นคนที่จมได้ ไม่ใช่คนที่จมไม่ลง ก็รู้สึกว่าวันหนึ่งถ้าเราไม่มีงานตรงนี้ เราทำอะไรก็ได้บนโลกใบนี้ (หัวเราะ) ทำทุกอย่างที่ได้ตังค์แบบสุจริต”

ทุกวันนี้เรามีแอบกลัวมั้ย ว่าเขาจะกลับไปเป็นแบบเดิม หรือเรามั่นใจแล้วว่าตอนนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว?
“ไม่ได้มานั่งกลัวว่าจะต้องกลับไปเป็นแบบเดิมมั้ย เพราะเรารู้สึกว่าเค้าทำอะไรมันก็ได้ที่ตัวเค้าเอง อย่างเราแต่งงานกัน เรื่องชีวิตคู่มันไม่แน่นอนค่ะ

สำหรับปุ้ยรู้สึกว่าถ้าวันนี้เราแต่งงานกันแล้ว มันไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีอะไรเปลี่ยน ถ้าเค้ายังอยากมีเราในชีวิตแล้วเค้ากลับไปทำตัวแบบเดิม การแต่งงานก็ไม่มีความหมาย

คือปุ้ยรู้สึกว่าคนเปลี่ยนเวลาเปลี่ยน แต่งงานแล้วไม่ได้หมายความว่าจะไม่เลิกนะ ถ้ามันไม่โอเค”

เราก็ไม่ได้มานั่งกังวล คือใช้ชีวิตไปในแต่ละวัน?
“ใช่ค่ะๆ ก็ไม่ได้ต่างจากตอนเป็นแฟนเลยค่ะ ก็คือทำไปวันๆ ไปเรื่อยๆ ถ้าวันนี้ดี อนาคตมันก็ต้องดีค่ะ”

เรามองอนาคตหลังจากนี้ยังไงบ้างในเรื่องชีวิตคู่ หรือมีแพลนอยากทำอะไรเพิ่มเติมอีกมั้ย?
“ก็มีคิดบ้างค่ะ แต่ว่าตอนนี้เพิ่งซื้อบ้านด้วยกัน ก็เลยตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องปิดบัญชีบ้านให้ได้ภายใน 3 ปี”

บ้านหลังนี้กี่ล้าน?
“18 ล้าน”

ปุ้มปุ้ย-กวินท์ ขอบคุณภาพจากไอจี @gavind.ig

ภายในปีหนึ่งจะต้องหาให้ได้อย่างน้อย 6 ล้าน?
“ใช่ๆ จะต้องทำให้ได้ภายใน 3 ปี หรือไม่เกิน 5 ปี เพราะว่าด้วยอาชีพที่เราทำอยู่ตอนนี้กลัวว่ายิ่งผ่อนนาน การหาเงินยิ่งลำบาก เราก็ต้องรีบให้มันจบให้เร็วที่สุด

เรื่องมีลูกหลายๆ คนเชียร์มาก (หัวเราะ) แบบว่าอยากให้มีลูก อยากเห็นหน้าลูก ตรงนี้กวินท์ก็อยากมี แต่ว่าตัวปุ้ยเองปุ้ยรู้สึกว่าข่าวอะไรมันไม่ค่อยดี เหตุการณ์บ้านเมืองด้วย ไวรัสด้วย สถานการณ์โลกตอนนี้ด้วย

คือเราไม่รู้ว่าช่วงวัยที่ลูกเราเริ่มรับรู้อะไรได้ ตอนนั้นมันจะเป็นยังไง เรากลัวว่าลูกจะโตมาในยุคที่มันแย่แล้ว จะรับมือไหมมั้ย

คือถ้าปุ้ยมีลูกตอนนี้ ปุ้ย 30 ใช่มั้ยคะ กว่าลูกจะโต กว่าลูกจะดูแลตัวเองได้ เราก็แก่แล้ว เราก็ไม่รู้เราจะตายตอนไหน เรากลัวว่าลูกจะอยู่ลำบาก (ตอนนี้เป็นช่วงวางรากฐานชีวิตให้มั่นคงก่อน?) ใช่ค่ะ”

คิดว่าอีกกี่ปีถึงอยากจะมีลูก หรือว่ารอให้ผ่อนบ้านหมดก่อน?
“คิดว่าจะผ่อนบ้านให้หมดก่อนค่ะ เพราะว่ามีลูกค่าใช้จ่ายเยอะ อย่างปุ้ยเลี้ยงหมา ค่าใช้จ่ายของหมามันคงที่ตลอด

แต่ว่าค่าใช้จ่ายของการมีลูกมันมีแต่เพิ่มขึ้น ค่าเทอม ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งใช้เงินเยอะ ถ้าจะมีลูกก็ไม่คิดจะมีคนเดียวอยู่แล้ว จะมีหลายๆ คนให้เค้าเป็นเพื่อนกัน”

ตั้งเป้าไว้กี่คน?
“ปุ้ยว่าสัก 3 แต่ว่ากวินท์ก็คงกลัวเลี้ยงไม่ไหว (หัวเราะ) กวินท์เป็นลูกคนเดียวไงคะ คือปุ้ยเป็นคนมีพี่น้องไงคะ ช่วยๆ กันดีกว่า

แต่กวินท์บอกว่าคนเดียวก็พอ อยากมีลูกชาย แต่บ้านเรามีแต่ลูกสาว ก็เลยตัดปัญหาไปเลย ชาย 1 หญิง 1 กะเทย 1 ไปจบ ครบ (หัวเราะ)”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1830204
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1830204