ปู แบล็คเฮด เล่านาทีสูญเสีย นุ๊กซี่ ยืนรอหน้าไอซียู 2 ชม. สุดบีบหัวใจ


ให้คะแนน


แชร์

เวลามารายการ เห็นภาพแบบนั้น แอบเห็นพี่ไม่มองเลย?

“ดูไม่ค่อยได้”

ถึงแม้น้องจากไป 50 วันแล้ว?

“โอเคมันอาจจะเสียใจน้อยลง แต่ว่ามันคิดถึงเหมือนเดิม”

ย้อนไปที่น้องเขาป่วย วิจัยแรกเลยคือน้องเขาเป็นมะเร็งเต้านม?

“ใช่ครับ จริงๆ ก่อนที่จะรู้ว่าเป็นมะเร็งเต้านม เขาก็ทำการรีเสิร์ชตัวเองอยู่ประมาณนึงนะ เพราะมันมีอาการแล้ว เจอก้อน มีน้ำเหลือง มีเลือดออกมา แต่ด้วยความที่กลัวมากๆ ก็จะไม่เข้าสู่ขั้นตอนการรักษา ก็จะคาดเดาว่าหรือจะเป็นอย่างอื่น หรืออาจจะไม่ใช่มั้ง ระยะเวลาเหล่านั้นก็เกือบครึ่งปีกว่าที่จะเข้ารับการรักษา หรือไปวินิฉัยว่าเป็นจริงๆ”

ตอนนั้นเขาปรึกษาพี่ไหม?

“คือมองหน้ากันตลอด คือมันมีอาการ มีเลือดออก มีอะไร แต่มันก็เหมือนหลอกตัวเองกันไปว่าอาจจะมีเอฟเฟกต์จากการที่ศัลยกรรม เราก็บอกให้ไปหาหมอเช็กดู เป็นก็รักษากันไป เขาก็กลัวมากว่ามันเป็น พอมันเป็น โลกมันจะเปลี่ยน วิธีการหลายๆ อย่าง ความรู้สึกที่เขาคาดเดามันก็จะกลายเป็นว่า เอ๊ะนี่มันเป็นเรื่องจริงเหรอ เขาก็เดาไปล่วงหน้าว่าถ้ามันเป็นขึ้นมาหนูจะทำตัวยังไง หนูจะอยู่ได้อีกนานไหม”

แล้วอะไรที่ทำให้เขาตัดสินใจไปหาหมอ?

“เพราะมันเป็นนานแล้ว มันเริ่มเจ็บ มันมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน มันเจ็บ มันอักเสบ มันมีอาการเลือดไหล น้ำเหลืองไหล ก็เลยไม่ได้แล้วแหละ ต้องไปหาหมอ”

พอไปหาหมอปั๊บ เขาเจอว่าเป็นมะเร็งเต้านม?

“คุณหมอศัลยกรรมบอกว่า อันนี้น่าจะไม่ใช่เรื่องของการอักเสบของการศัลยกรรมแล้ว ไปหาหมอที่เฉพาะทางเลยดีกว่า เท่านั้นแหละก็รู้แล้วว่า…”

ตอนที่ไปโรงพยาบาล ในใจลึกๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นมะเร็งเต้านม?

“ใช่ครับ ณ วันนั้น นุ๊กเขาไปกับคนรถเพื่อไปหาหมอศัลยกรรม พอไปถึงคลินิก หมอบอกไม่ได้ ต้องไปหาอีกที่ ระหว่างทางเขาโทรหาผม หมอแนะนำให้ไปอีกที่นึง ระหว่างการเดินทางเราก็คนก็คิดแล้วแหละว่ามันน่าจะ…”

พอไปถึงหมอ หมอเขาบอกเลยว่าเป็นมะเร็งเต้านม?

“ใช่ครับ แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นระยะไหน”

แล้วมารู้ตอนไหนว่าที่น้องเป็นระยะสุดท้ายที่กำลังจะลาม?

“ตอนแรกที่ไปเจอ หมอเขาบอกน่าจะอยู่ในระยะ 2-3 อันนั้นคือตอนที่ยังไม่ได้ผ่าตัดเอาออกนะ เขายังไม่ได้วินิจฉัยว่าลามไปตรงไหนบ้างหรือยัง เพียงแต่ว่าเขาตรวจเจอที่ตรงนี้ แล้วจำเป็นที่สุดที่จะต้องคว้านออก”

อาการมันหนักขึ้นหลังจากที่น้องไปฉีดวัคซีน?

“เราไม่อยากคาดเดาว่ามันใช่ เพียงแต่ว่าวันนั้นผมเองจะไปฉีดเข็มสาม นุ๊กก็บอกว่าไหนๆ หนูมาแล้วก็อยากฉีดด้วย เวลาป่วยก็จะได้ป่วยพร้อมๆ กัน เวลามีเอฟเฟกต์อะไรก็จะได้ไปพร้อมๆ กัน ทีนี้เขาก็ปรึกษาหมอ ณ ตรงนั้นว่าหนูจะฉีดเป็นไปได้ไหม ในขณะที่ตอนนี้ก็รักษาตรงนี้อยู่ หมอบอกไม่เกี่ยวกันฉีดได้

พอกลับไปถึงบ้านรู้สึกว่ามีไข้นิดหน่อย ของนุ๊กก็มีไข้เหมือนกัน แต่ปวดหัวด้วย แล้วอ้วกตลอดเวลา ไม่ไหวแล้ว กินยาแก้ปวดบรรเทากันไป กินไป 2-3 วันไม่หาย พอไม่หายแล้วคิดว่าเป็นอะไรอย่างอื่นก็เลยพากันไปโรงพยาบาล เขาก็สันนิษฐานกันไปต่างๆ นานา แต่ว่าหมอที่ดูแลนุ๊กอยู่แล้วเขาไม่ได้ตรวจสแกนสมอง เขาก็ยังไม่เจอ เขาไปมุ่งเน้นกับต่อมน้ำเหลือง อันที่แพ้กระจายปอด ที่เต้านมถ้าหากมันยังหลงเหลืออยู่ก็เลยไม่ได้ไปตรวจตรงสมองเลย คือตอนที่น้องป่วย เริ่มจากเต้านมก่อน แล้วลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง แล้วไปที่ปอด”

แล้วเรามาทราบตอนไหนว่ามะเร็งลามไปที่สมอง?

“พอเขาปวดหัวหลังจากฉีดวัคซีน ก็เลยคาดเดาว่าหรือวัคซีนมันจะไปกระตุ้นหลายๆ อย่างทำให้มันแสดงผลเร็วขึ้น หมอก็เลยตรวจ MRI สมอง หมอบอกเล็กมาก เพราะมันอยู่ลึก มันมีแหละ แต่มันลึกมาก มันไม่น่าแสดงผลขนาดนั้น ทีนี้เขาก็เลยตรวจเชิงลึกกว่านั้น ก็เจออีกตรงเยื่อบุสมอง ซึ่งมันคนละขั้นตอน เยื่อบุสมองต้องใช้อีกวิธีในการรักษาสมอง ต้องใช้อีกวิธีในการรักษา ฉะนั้นก็เลยต้องเลือกว่าต้องรักษาอันไหนก่อน”

ตอนนั้นกำลังใจของน้องเป็นยังไง?

“ก็ค่อนข้างแย่นะครับ เวลาเขารู้ว่าเจอตรงไหน เขาก็ยังยิ้มได้ และยังใช้ชีวิตคล้ายๆ เดิม ยังสนุกสนาน คุยพูดจากับเพื่อนได้ เพียงแต่ว่าอาการของมัน มันแสดงผลเยอะ ปวดหัวหนักจนทำอะไรไม่ได้ เหนื่อย หอบ ใช้ชีวิตประจำวันไม่ได้”

เห็นว่าไอออกมาเป็นเลือดเลย?

“เขาไอตลอดเวลา ไม่สามารถนอนได้เลย พอไอตลอด เส้นเลือดในคอแตก เวลาไอออกมาจัดๆ มันก็เป็นเหมือนมูกเลือก เป็นคราบ แล้วเดินไม่ไหว เหมือนกล้ามเนื้อมันหายไป แค่อาทิตย์สองอาทิตย์มันไม่มีกล้ามเนื้อเลย อาทิตย์เดียวขาก็ลีบไปหมดเลย ขึ้นบันได ขึ้นห้องนอนก็ยังไม่ได้”

พี่ดูแลอย่างดี 24 ชม.เลย ดูแลนานไหม?

“ปีเต็มๆ ครับ ถ้าสมมติว่าเข้าออกโรงพยาบาลใหม่ๆ ตอนที่ผ่าตัดใหม่ๆ มันก็มีพัฒนาการของมันมาเรื่อยๆ ซึ่งมันจะส่งผลกับร่างกายโดยชัดเจน”

มันมีจังหวะที่น่าจะหายกลับมาเป็นปกติด้วย?

“มันจะมีช่วงที่มันคุมอยู่ครับ แต่ของนุ๊กเป็นมะเร็งชนิดที่ดุที่สุด ดุมากๆ พอมันเริ่มชินกับตัวยาตัวนี้ก็เริ่มเอาไม่อยู่ คุมเจ้านี่ไม่อยู่ ก็เลยต้องเปลี่ยนตัว พอเปลี่ยนตัวปั๊บตัวนี้ก็ดื้อ ตัวนี้ก็ดื้อ มันก็เลยต้องเปลี่ยนตัวไปเรื่อยๆ”

ณ วันนี้ผ่านมา 50 วันแล้ว มันยังฝังใจพี่อยู่มากๆ ตลอดเวลาพี่ดูแล 24 ชม. มีแค่วันเดียวที่จำเป็นต้องไปทำงาน แล้วมีสัญญาณอะไรที่น้องดรอปลง แล้วน้องก็เสียชีวิต?

“ใช่ ในช่วงที่เขาทำอะไรไม่ได้ เขาไม่สามารถทำงานได้ เขาก็จะคอยรับงานให้พี่ เขาก็จะชอบจัดแจง เดี๋ยวหนูรับงานนี้ให้ แล้วพอดีวันนั้นผมต้องไปทำงานที่นุ๊กรับเอาไว้ มันก็มีการพูดคุยกันปกติ พอไปถึงงานพี่ก็โทรหาคนนี้ๆ ก่อนที่ผมจะออกไปผมไม่มีสัญญาณใดๆ เหมือนหมอเขาแจ้งด้วยซ้ำว่าอีก 3-4 วันออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว

เพราะว่าไวรัสที่ปอดเริ่มเบาบางลง ตอนนั้นก็เริ่มดีใจ ก็นับวันรอ ขอเบิกเครื่องออกซิเจนกลับบ้านแล้ว เริ่มขนของทยอยกลับบ้าน พอเย็นของอีกวันนึงไปทานข้าวกับแม่ ทีนี้พยาบาลก็โทรมาบอกว่าพี่นุ๊กเขาหยุดหายใจไปแล้ว ตอนนี้กำลังปั๊มหัวใจอยู่

เขาก็ให้หมอพูดกับผม ผมก็ถามหมอทำไมเมื่อวานก็ยังพูดคุยกันปกติ ยังไม่มีอะไรบอกเหตุว่าวันนี้เขาจะเป็นอย่างนี้ ตอนนั้นมีคำถามได้แค่นี้ ทุกอย่างต้องรีบที่จะเข้าไปที่โรงพยาบาล เราก็ยังไม่เชื่อ เดี๋ยวก็คงปั๊มขึ้นมาได้ อีกแป๊บนึงก็คงรู้สึกตัว”

ไม่ว่าจะแย่ยังไงก็ตาม ไม่น่าเสียชีวิต?

“ใช่ ผมไปรออยู่หน้าห้อง ICU ประมาณ 2 ชั่วโมง ตอนแรกห้อง ICU ของโรงพยาบาลเต็ม เขาต้องขนของทั้งหมดมาที่บอร์ด ห้องพักที่เราอยู่ด้วยกัน พอห้อง ICU ว่างถึงจะเข็นน้องไป เพราะฉะนั้นรวมๆ กันก็น่าจะ 2 ชั่วโมงที่ผมอยู่ตรงทางเดิน แล้วก็รอ”

ความรู้สึกตอนนั้นทรมานที่สุดในชีวิตเลยไหม?

“ใช่ เอาเข้าจริงๆ ตั้งแต่ 3-4 ครั้งแรกที่หมอพยายามยื้อกลับมา ผมไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เพราะว่าผมเคยคุยกับน้องไว้ ถ้าหนูถึงเวลาที่หนูจะต้องไป พี่อย่าพยายาม”

วันนั้นหมอได้ถามพี่ไหมว่าเราจะยื้ออีกไหม?

“ถามครับ แต่คนที่จะตัดสินใจได้ต้องเป็นญาติเท่านั้น ผมก็บอกหมอแล้วว่าน้องบอกผมว่าอย่างนี้ แต่ทีนี้หมอต้องการคนที่เป็นญาติที่นามสกุลเดียวกัน ทีนี้ก็โทรคุยกับปาป๊า เขาก็บอกว่าเอาให้ถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็เลยต้องใช้เวลาอยู่อย่างนั้นนานประมาณ 10 ครั้งได้ เขาก็ดึงขึ้นมาหายใจได้ 1-2 นาที แล้วก็ไปอีก อยู่แบบนี้ประมาณ 10 ครั้งหมอบอกคงไม่ไหวแล้ว”

พี่ว่าไงพอหมอบอกว่าไม่ได้แล้ว?

“ผมอยากจะปล่อยตั้งแต่ 3-4 ครั้งแรกแล้ว เพราะผมเห็น ผมเดินไปหน้าห้องแล้วเห็นสงสาร”

สุดท้ายน้องก็ไป แต่มันก็มีเรื่องติดค้างใจที่พี่ยังไม่ได้ทำให้น้อง รู้สึกว่าคิดขึ้นมาทีไรน้ำตามันก็ไหลออกมาทุกที เพราะว่าสิ่งนี้เราน่าจะทำไปแล้ว มันคืออะไร?

“ช่วงก่อนที่เขาจะเข้าโรงพยาบาลครั้งล่าสุด เขาบอกพี่ว่าไม่ต้องแต่งก็ได้ จดทะเบียนอย่างเดียวก็แล้วกัน คืออยู่ในช่วงโควิดมันทำอะไรยากไปหมดเลย เขาก็บอกแค่จดทะเบียน เราไปจดทะเบียนกันนะ ผมก็คิดว่าถ้าเขาดีขึ้นนิดนึงการจดทะเบียนในโรงพยาบาลจะเป็นไปได้ไหม ผมคิดไว้ 3-4 วันก่อนหน้านั้น แต่ก็ยังไม่ได้ทำ

ผมคิดว่ารอให้เขาดีกว่านี้อีกนิดนึงก่อน ถ้าวันนั้นเขาออกจากโรงพยาบาล ถึงไม่มีงานแต่ง ผมก็พาเขาไปจดทะเบียน นั่งวีลแชร์ไป เพราะผมคิดว่าการออกจากโรงพยาบาลครั้งนี้การดูแลมันต้องยิ่งใหญ่มาก เพราะดูจากสภาพแล้ว เขาเดินไม่ได้แล้ว จะไปไหนก็ต้องวีลแชร์แน่ๆ ตัวเองก็คิดไว้เหมือนกัน หรือว่ามันเป็นเวลาสุดท้ายแล้ว แต่ยังไม่ทันได้บอกอะไรเขา”

ถ้าน้องดูอยู่ พี่อยากบอกอะไรน้อง?

“น้องคงรับรู้ในหลายๆ เรื่อง ตั้งแต่วันที่เขาไป ไม่มีสักวันที่ผมไม่คิดถึง หลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ได้พูด มันเหมือนเป็นไดอารี่ของผม ผมได้จดไดอารี่เหล่านั้นไว้ในเฟซบุ๊กบ้าง ในไอจีบ้าง เพราะผมเคยคิดว่าในตอนที่เราอยู่ด้วยกันบางทีเขาถ่ายรูปคู่ เราก็แบบ…ถ่ายไปทำไม บันทึกนู่น บันทึกนี่ บันทึกไว้ทำไม

แต่วันนี้ผมนั่งไล่ดูไอจีของเขา เฟซบุ๊กของเขาที่มีรูปผมอยู่ ผมเองผมไม่ค่อยมีรูปเขาเลย มันน่าเสียใจมากๆ ในช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน เราไม่ได้ทำอะไรที่มันบันทึกความทรงจำดีๆ เอาไว้ ในทุกๆ ความทรงจำที่หนูบันทึกไว้ในโทรศัพท์ หรือบันทึกไว้ในทุกๆ ขั้นตอน

ตอนนี้มันอยู่ในนี้หมดแล้ว มันอยู่ในตัวพี่หมดแล้ว มันคงจะยากที่จะลืมเลือน แล้วอาจจะไม่มีวันนั้นเลยก็อาจจะเป็นได้ ณ วันนี้หนูอยู่ตรงที่ไหนก็แล้วแต่ อยากบอกว่าพี่ยังรักและคิดถึง หลายๆ คนแม้กระทั่งเพื่อนฝูง ครอบครัวของเราก็คิดถึงหนูตลอดเวลาเช่นกัน”

เพลงเหลียวหลัง เพลงนี้น้องนุ๊กซี่ช่วยแต่งใช่ไหม?

“ต้องบอกว่ากำลังจะทำเพลงใหม่ของแบล็คเฮด ก็มานั่งฟังว่าเพลงช้าของแบล็คเฮดมีเนื้อหาแบบไหนกันบ้าง ความรักที่แฮปปี้ก็มีแล้ว ความรักที่ขาดเธอไม่ได้ก็มีแล้ว ก็เลยมานั่งคุยกันว่ายังเหลือความรักแบบไหนอีก ก็เลยเป็นเพลงนี้ถ้าจะไปก็ไปเลย ไม่ต้องมามีเยื่อใย นุ๊กก็เลยคิดคอนเซปต์เพลงนี้ออกมา เสร็จแล้วมานั่งเขียนด้วยกันในท่อนฮุกครับ แล้วส่งต่อไปให้น้องอีกคนช่วยขยายความอีกนิดนึง”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2395515
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2395515