โอ๋ ภัคจีรา เปิดใจชีวิตคู่เตียงหัก ปั้นหน้ายิ้มให้ลูก ร้องไห้กับตัวเอง


ให้คะแนน


แชร์

เมื่อนางร้ายสุดฮอตในตำนาน โอ๋ ภัคจีรา มาเป็นแขกรับเชิญพิเศษในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 เปิดเรื่องราวในชีวิต พร้อมเปิดเผยเรื่องความรักแบบทุกซอกทุกมุมของหัวใจในทุกช่วงเวลาของชีวิต เผยตอนวัยรุ่นก็ซ่าใช่เล่น เผยถึงเรื่องความรักแบบหมดเปลือก

คิดว่า โอ๋ เป็นคนเจ้าชู้ไหม?

โอ๋ ภัคจีรา : มันก็มีช่วงเวลาที่ ที่ซ่าอย่างนี้มันก็มีเหมือนกัน

แล้วเคยคบซ้อนไหมในทางกลับกัน?

โอ๋ ภัคจีรา : ก็มีค่ะ อายเลย (ยิ้ม) จะพูดเรื่องราวอย่างนั้นก็มีก็คบซ้อนด้วยความซ่าอะไรอย่างนี้ ฉันยังไม่แต่งงาน ฉันก็มีสิทธิ์เลือก โดนแฟนจับได้ก็ไปเลิกกับทางนั้นแล้วก็เลือกแฟน แต่ส่วนตัวเองเราก็เป็นคนขี้หึงนะ พูดจริงๆ ก็หึงค่ะ โอ๋ จะเป็นคนที่แบบเหมือนมีกฎ โอ๋ จะไม่ชอบสมมติรู้จักพี่อ้อย โอ๋ จะไม่มีทางยุ่งกับแฟนพี่อ้อย แม้กระทั่งเลิกแล้วนะ เราก็จะมีกฎของเราว่าไม่ชอบ

คนที่เป็นแฟนเก่า โอ๋ จะพูดว่า โอ๋ เป็นไม้หนึ่ง (หัวเราะ) โอ๋ จะรู้สึกว่าความสัมพันธ์อย่างนี้ มันมองหน้ากันไม่ติดเพื่อนก็คือเพื่อนเลย ถามว่าเคยเจอคนที่หึงไหม ก็มีค่ะ เพราะว่ามันก็ต้องหึงแหละ!! ด้วยความสวยของเราอะไรอย่างนี้ บางทีก็มีหึงแบบไม่อยากให้เราทำนี่ทำนั่น อย่างถ่ายวัยน่ารักใช่ไหมคะ เราก็ต้องใส่ชุดข้างในเป็น Body Glove แบบเอวลอยเหมือนอีกี้ สมัยนี้ แต่งตัวเปรี้ยวๆ ข้างใน แต่เราก็ต้องเปลี่ยนชุดไปแอบอยู่

เมื่อก่อนถ่ายแดนเนรมิต ถ่ายสวนอัมพร ก็จะมีแค่อะไรบังๆ เราก็จะไปอยู่ที่รูแล้วก็เปลี่ยนชุดก็จะมีผู้ชายมาสะกิดว่า บอกแล้วไงว่าไม่ให้ถ่ายแบบนี้ ซึ่งเขาไม่ได้มาเฝ้าเรานะคะ เขามาเป็นผี คนขี้หึงจะมาเป็นผีอย่างนี้ เขาแอบมาเช่นแบบ.. นอนแล้วนะ แต่สักพักมาเคาะประตู ซึ่งพ่อแบบ พ่อเปิดไปพ่อก็จะตกใจนิดหนึ่ง

แล้วที่ขนาดแรงถึงขนาดที่มีใครปารองเท้าเข้าไปในตอนที่เราถ่ายแบบอยู่?

โอ๋ ภัคจีรา : ใช่ค่ะ (หัวเราะเบาๆ) ก็นี่แหละค่ะ เพราะว่าเขาจะมาเป็นผี เพราะฉะนั้น ตอนนั้นเราก็ไม่รู้หรอก เพราะว่าพี่ผู้ชายคนหนึ่งที่เราสนิทอย่างนี้ เขาเดินออกมาจากห้องน้ำ เราก็เดินออกมาจากห้องน้ำ แล้ว โอ๋ ก็จะแบบอย่างนี้ จับหน้าพี่เขาแล้วบอกว่าอะไรติดหน้า รองเท้ามันลอยมาเลยพี่ รองเท้า!! อ้าว… แฟนเรานี่ เราก็ยังอย่างนี้ แต่ตอนนั้นเรายังเป็นเด็ก เราอายมากเลย เพราะว่าทีมงานประมาณอย่างนี้ แล้วเราก็หน้าชาว่าแบบ โอ้โห!! แฟนเราเขาปารองเท้ามาเลย ตัดเสื้อสายเดี่ยวไม่เคยได้ใส่ เพราะเขาตัดเสื้อสายเดี่ยวของเราหมด คือทำลายก่อนที่เราจะได้ใส่

เคยแบบรถไฟชนกันไหม?

โอ๋ ภัคจีรา : ไม่มีแบบจะๆ นะคะ มีแต่ในโทรศัพท์แบบขอ อีกฝ่ายหนึ่งขอว่าให้ โอ๋ มาเป็นแฟนเขาอย่างนี้มี สวยเนอะดูดิ อายจังเลย

แล้วมีบางคนถึงขั้นดีลเป็นงานพิเศษ?

โอ๋ ภัคจีรา : อันนั้น!! ในช่วงที่เราพีกๆ อย่างนี้ก็จะมีคนโทรมาเป็นผู้หญิงแล้วก็แบบขอติดต่องานคุณโอ๋หน่อยค่ะ พอดีเจ้านายชื่นชอบคุณโอ๋ เราก็นึกน่าจะเรียกไปเป็นพิธีกร อ๋อค่ะ ขอบคุณนะคะ แล้วเขาก็บอกเราว่างานนี้อะค่ะ คือเขาอยากจะให้ คุณโอ๋ ไปต่างประเทศแล้วก็จะเรียกเท่าไรก็ได้ แต่ว่าต้องไปต่างประเทศเท่านั้น โอ๋ก็ถามว่าแล้วไปทำอะไร ก็คือไปกับคุณเขาก็ไปค้างด้วย

มาถามถึงเรื่องความรักบ้าง เห็นว่าถึงขั้นมันก็ไม่มีแรง?

โอ๋ ภัคจีรา : ใช่ค่ะ พอมันเศร้าแล้วมันก็ไม่มีแรงมันเหมือนแบบ ฉันจะมันต้องยิ้มกับลูก ลูกจะกินอะไร โอ๋ คือ ช่วงเวลาที่ โอ๋ เลี้ยงลูกเอง คือ 1-6 ปีค่ะ ทุกวันคือ ลูกมันก็เลยเหมือนแบบทุกอย่างมันช็อก พอเวลาที่เราตื่นมาอยู่กับลูกมันค่าไม่มีแรง เวลาเรารู้อะไรมันช็อกไปเลยถูกไหม แล้วเราไม่สามารถบอกกับลูกได้ มันเหมือนแค่เราช็อกเอง ก็…ดูจากคนอื่นด้วยนะคะ เรายังมาเปรียบเทียบว่าฉันไม่มีทางเป็นแบบนี้ได้คนเรารักกัน มันต้องอยู่ด้วยกันสิ รักกันมันต้องเป็นแพตเทิร์นเดิม มันต้องเป็น พ่อ แม่ ลูกถ้าเปลี่ยนแล้วเราจะมองหน้ากันอย่างไร

ตอนแรกก็คิดภาพไม่ออก แต่พอมันถูกจัดการ และคุยมาถึงตอนนี้นะคะ โอ๋ ว่ามันโอเค มันอยู่ได้ถ้าตั้งมั่นสิ่งนี้เราทำเพื่อลูกเรา มันก็จะลงตัวในแบบของมันถึงวันนี้เราก็ยังอยู่บ้านเดียวกัน เราคุยกันแบบชัดเจนเลย แต่ตอนแรกถึงบอกว่าเรามันมองภาพไม่ชัด แต่พอตอนนี้มันโอเคมากๆ โอ๋ ก็เพิ่งกลับมาจากออสเตรเลียด้วยกัน

ซึ่งลูกเขาก็รักพ่อแล้ว โอ๋ เลิกกับ พี่เฟี๊ยต มันเป็นเรื่องของคนสองคนจริงๆ ไม่ได้มีใคร มีคนอื่นนอกใจใดๆ หรือไม่ได้มีใครแย่ อันนี้ในพาร์ตนะคะ สถานะภาพของเราอาจจะเปลี่ยนไป แต่ความเป็นพ่อแม่มันไม่เปลี่ยนนี่ เขาไม่เคยขาดตกบกพร่องกับลูกของ โอ๋ เลยเขาเป็นคนดี เป็นพ่อที่ดีที่ โอ๋ ยังเคารพเขาเลยว่าเขาดีเสมอ เพราะฉะนั้นถ้าเรารักลูกเราก็อยากเห็นลูก อันนี้คือ โอ๋ ปรึกษาหมอเลยนะคะ หมอบอกว่าถ้าเรายังทำแบบนี้ได้ลูกเราก็จะมีผลกระทบน้อยที่สุด

เราจะได้ยินคำหนึ่งบ่อยมากเลยว่า อดทนเพื่อลูก?

โอ๋ ภัคจีรา : เคยคิดนะคะ แต่ว่าพอได้ใช้ชีวิตคู่หรือว่า เอาตัว โอ๋ คนเดียวนะ โอ๋ รู้สึกว่า โอ๋ ทำไม่ได้หรอกถ้าอดทนมากๆ เพื่อลูก ขนาด พี่เฟี๊ยต เป็นคนดีนะคะ แต่เราก็ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมีภาพนี้ออกมา แต่พอเรารู้สึกว่ามันทำได้นี่ ไม่เหนือบ่ากว่าแรง โอ๋ มามองเลยว่าความรักมันอาจจะเปลี่ยนไปเลยก็ได้จริงๆ นะ แต่ลูกเราจะทำอย่างไร ถ้าเราเอาลูกไปลูกอยู่กับพ่อ 3 วัน อยู่กับแม่ 3 วัน สู้เรานำตัวเราออกมาดีกว่า ให้ชัดเจนแล้วก็เราจะไปไหน หรือทำอะไรก็เรื่องของเรา แต่ว่าความสัมพันธ์พ่อลูกเขาดี เราก็จัดการในรูปแบบนี้ดีกว่าไปนะ

โอ๋พูดว่าภูมิใจในความอดทนของตัวเอง จากวันนั้นจนถึงวันนี้?

โอ๋ ภัคจีรา : พรุ่งนี้จะไปทำงาน วันนี้เศร้า พรุ่งนี้จะต้องมีชีวิตใหม่ เรารู้สึกว่าสิ่งที่เราอดทนมาวันนี้มันคงเห็นผลบ้างแหละ!! โอ๋ ก็รู้สึกว่า ณ วันนี้เราอดทนทุกอย่างแล้วมันประสบความสำเร็จ มันก็ดีใจกับตัวเองเหมือนกันนะคะ ว่ามันได้สิ่งดีๆ กลับมาเสมอ

ทุกครั้งที่มาสัมภาษณ์แบบนี้ มองย้อนหลับไป โอ๋มาไกลมาก?

โอ๋ ภัคจีรา : ใช่ค่ะ มันมาไกลเหมือนเด็กคนนั้นไม่รู้อะไรเลย ไม่มีพ่อแม่สอนเราทั้งนั้นที่จะต้องดูแลเขาอะไรอย่างนี้ หรือว่าน้องอีก หนังสือเราก็เรียนน้อย ต้องส่งน้องเรียนอยากให้น้องเก่งภาษาอังกฤษ เพราะเรารู้สึกว่าโอกาสของเรามันน้อย แทนที่พิธีกรจะได้พิธีกรภาษาอังกฤษบ้าง เราเรียนน้อย เราก็รู้สึกว่าเราอยากให้คนอื่นในอาณัติของเรา มีโอกาสเราทำดีที่สุดแล้ว โอ๋ คือไม่เสียใจอะไรเลยที่ผ่านมา

ไหนๆ พูดถึงเรื่องของการมองตัวเองของโอ๋ กับความภูมิใจจากวันนู้น!! ที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝนกับร่มคันเดียวที่ป้ายรถเมล์มาจนถึงวันนี้ เธอเดินมาได้ไกลขนาดนี้ น่าภูมิใจขนาดไหน ลองมาฟังมุมของความน่าภูมิใจในสายตาของน้องของโอ๋บ้าง?

สัมภาษณ์น้องสาว (โอ๋ ภัคจีรา) : พี่โอ๋ เป็นคนเสียสละนะคะ เขาคิดถึงครอบครัวก่อนเสมอ แล้วก็พยายามทำให้ทุกคนมีความสุข แล้วก็ความสุขของเขาก็จะมาทีหลัง ขอบคุณแทนทั้งครอบครัวของเราด้วยนะคะ เพราะว่าพี่โอ๋ก็เป็นหัวหน้าครอบครัว แล้วก็ดูแลพวกเราในทุกๆ เรื่อง ให้ทุกคนได้รับความสุขมากที่สุด (โอ๋ ซับน้ำตา) เราแค่อยากขอให้ พี่โอ๋ มีความสุขๆ ขึ้นไปอีก มีความสุขกับตัวเอง ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แล้วก็พักผ่อนเยอะๆ ดูแลสุขภาพค่ะ

โอ๋ ภัคจีรา : เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก

มาถึงวันนี้แล้วเชื่อว่าหลายๆ คนที่ดูคลับฟรายเดย์โชว์อยู่ จะรู้จัก โอ๋ ภัคจีรา ในอีกรูปแบบหนึ่ง ไม่ใช่นางร้ายที่แว้ดๆ อย่างเดียว โอ๋ ยังเคยบอกเลยว่าบางทีบทร้ายของเราเหมือนกับดูไม่ค่อยมีเหตุผล แต่จริงๆ เบื้องหลังทุกครั้งบางทีการแสดงตรงนั้นเนี่ย อาจจะต้องผ่านการเอาชนะโจทย์หลายๆ โจทย์ที่มาจากบ้าน คือแก้ปัญหาที่บ้านไป แสดงไปยากขนาดไหนในวันนั้น?

โอ๋ ภัคจีรา : เฮ้อ!! ก็ยากนะคะ มันเหมือนอาชีพเรามันใช้อารมณ์ แล้วคนที่มองเราบางทีเขาอาจจะเขาไม่รู้ว่าเราผ่านอะไรมา หรือเกิดอะไรขึ้น บางคนก็ตัดสินเราไป หมายถึงว่าเธอคงเป็นลูกคุณหนู หรือว่าดังแล้ว หรือมีแฟนคนนั้นคนนี้ เขาตัดสินเราไปแล้ว เพราะฉะนั้นถึงวันนี้ ในวัยนี้ โอ๋ เลยบอกว่าแบบ โอ๋ จะไม่ตัดสินใครแล้ว โอ๋ ดีใจที่ โอ๋ เป็นคนแบบนี้.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2695899
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2695899