โบว์ เบญจศิริ ทูตช้างสากล ส่งเสียงแทนสัตว์ เมินโดนครหาสร้างภาพ


ให้คะแนน


แชร์

ดาราสาวเซ็กซี่ โบว์ เบญจศิริ ทูตช้างสากล ขอส่งเสียงแทนสัตว์ เมินโดนครหาสร้างภาพ ลั่นบั้นปลายอยากไปใช้ชีวิตอยู่ในปาง

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

สวยเก่งใจบุญครบเครื่อง สำหรับดาราสาวเซ็กซี่ โบว์ เบญจศิริ วัฒนา เจ้าของตำแหน่งทูตช้างสากลขอมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม จ.เชียงใหม่ เปิดใจกับทาง “ข่าวสดบันเทิงออนไลน์” ถึงจุดเริ่มต้นและบั้นปลายชีวิตที่อยากอุทิศเพื่อดูแลผองสัตว์

จุดเริ่มต้นของการเข้าไปทำงานที่มูลนิธิอนุรักษ์ช้างฯ? “จริงๆ โบว์เป็นคนชอบดูรายการ Animal Planet แล้วก็มีโอกาสได้ตามงานของคุณหมอคนหนึ่งซึ่งคุณหมอคนนี้จะเดินทางไปทั่วโลกเลย แล้วเขาก็จะไปรักษาสัตว์ตามประเทศที่เข้าถึงได้ยากและดูกันดาร แล้ววันหนึ่งหมอคนนี้ซึ่งเป็นคนออสเตรเลีย เขาเอายามาให้กับช้างที่บ้านเราที่ จ.เชียงใหม่ โบว์ก็เลยแบบตื่นเต้นมากวันนั้นดู”

“ตอนสุดท้ายเขาจะเขียนชื่อของผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาทำเรื่องการอนุรักษ์ช้าง แล้วดูน่าสงสาร ผู้หญิงตัวเล็กๆ กับช้าง แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาซื้ออาหารให้กับช้างกิน พอเสิร์ชแล้วก็ทราบถึงมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อมเชียงใหม่ของพี่เล็ก-แสงเดือน ชัยเลิศ คนนี้”

“พอตอนนั้นเรารู้แล้วว่าอ๋อ! ปางช้างตรงนี้ เดี๋ยวจะไปแคสติ้งงานงานหนึ่งเป็นงานโฆษณา เลยบอกกับพระเหมือนสาบานว่า ถ้าเกิดว่าได้งานนี้จะเอาเงินส่วนหนึ่งไปบริจาคเพื่อเป็นค่าหารให้กับช้าง แล้วท้ายที่สุดโบว์ได้งาน เลยเอาเงินส่วนหนึ่งไม่ได้เยอะมากบินขึ้นไปเพื่อเจอกับพี่เล็กคนนี้ในตัวเมืองที่เชียงใหม่”

“ตอนนั้นโบว์ยังไม่ได้เข้าไปในปางช้างเพราะว่าโบว์มีเวลาน้อย คือเอาเงินมาบริจาคเป็นค่าอาหารช้างเฉยเฉย ซึ่งได้เจอกับพี่เล็กเลย คุยกันสักพักนึงพี่เล็กก็บอกว่าเขาอยากได้คนที่มาเป็นเสียงให้กับสัตว์ให้กับช้างไทย ซึ่งตอนนั้นโบว์ไม่ได้รู้เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับช้างเกี่ยวกับสัตว์เลย”

“โบว์กลับไปหาพี่เล็กแล้วก็มีโอกาสเข้าไปที่ศูนย์ ช้างเชือกแรกในชีวิตที่โบว์เจอก็คือ แม่โจเกีย ตาบอดสองข้างเลยค่ะ พี่เล็กก็เอาอาหารมาให้โบว์ให้แม่โจเกีย ขนลุกมาก โบว์ไม่คิดว่าจะมาเห็นช้างในสภาพที่พิการหลายตัว ทุกชีวิตที่พี่เล็กช่วยเหลือมาคือช้างที่ผ่านเรื่องราวในชีวิตมากมาย ผ่านการทารุณกรรมสารพัดรูปแบบ ที่นี่เสมือนเป็นบ้านหลังสุดท้ายให้กับเขา แล้วเราก็ดูแลทั้งบาดแผลทางร่างกายและบาดแผลทางจิตใจ”

“เราไม่ได้รู้จักเขามาก่อนตอนแรก โบว์ก็เลยเอาตัวเองไปใช้เวลากับเขา ซึ่งที่ผ่านมารู้จักกันมาตอนนี้ 12 ปีแล้ว พี่เล็กสอนโบว์เยอะมาก แล้วโบว์เดินทางไปต่างประเทศกับพี่เล็กเยอะ เข้าป่าเข้าอะไรที่เขาไปฝึกช้าง คือทุกอย่างที่เกิดขึ้นเราเห็นด้วยตาเราถึงออกมาพูดให้กับสัตว์ได้”

“ของพี่เล็กเป็นศูนย์ที่ช่วยเหลือช้างที่บอบช้ำมาจนแทบจะไม่มีชีวิตรอด เอามารักษา ที่นี่ไม่มีขี่ไม่มีโชว์ คนส่วนใหญ่ที่มา 99% เป็นอาสาสมัครชาวต่างชาติ อาสาสมัครที่เข้ามาจะต้องจ่ายสตางค์มาเพื่อมาดูแลช้างบ้านเรา แต่คนไทยสามารถเข้าไปได้ฟรีเลย อันนี้ก็คือสิ่งที่โบว์รู้สึกว่าเราเป็นคนไทย อาชีพเราเป็นนักแสดงมันจะช่วยเป็นกระบอกเสียงให้กับสัตว์เหล่านี้บ้างได้มั้ย เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่เข้ามาทำงานในเรื่องของการอนุรักษ์ช้าง”

ตำแหน่งที่ได้รับ?โบว์เป็นทูตช้างสากลขอมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อมเชียงใหม่ แล้วเราก็ทำงานกับทั้งองค์กรที่อยู่ในประเทศไทย และทำงานกับองค์กรต่างประเทศด้วย แต่ว่าการเป็นทูตช้างสำหรับโบว์มันไม่ได้มองว่าฉันเป็นทูตช้างมีตำแหน่งหรืออะไร โบว์เป็นอาสาคนหนึ่งที่ทำงานเรื่องสัตว์เท่านั้นเอง”

ทำอะไรบ้าง? “ช่วงแรกๆ เสาร์-อาทิตย์ก็จะได้ไปเจอกับเด็กโรงเรียนนั้นเด็กโรงเรียนนี้ เราก็จะไปทำกิจกรรมด้วยกันเหมือนเรียนรู้ไปด้วยกัน แล้วก็จะมีไกด์ที่เป็นคนที่มีความรู้พาไปดูช้างเชือกนี้เขาอายุเท่าไหร่ ชื่ออะไร ชีวิตผ่านอะไรมาบ้าง”

“พอเราเริ่มรู้อะไรมากขึ้น เหมือนเราเริ่มพูดได้ในสิ่งที่เราเห็น ในสิ่งที่เราได้เดินทางไปกับพี่เล็กที่ประเทศโน้นประเทศนี้ เราก็เริ่มทำงานร่วมกับกรมอุทยาน แล้วก็ในเรื่องของช้างป่า ในเรื่องของงานอนุรักษ์ช้าง อะไรที่เกี่ยวกับช้างทั่วประเทศ เวลามีงานเราก็สามารถไปพูดเป็นเสียงแทนสัตว์ได้ คือโบว์ก็พยายามจะใช้ทุกอย่างในอาชีพเราในการบอกต่อได้”

“โบว์มีโอกาสให้นมลูกช้าง บางตัวแม่ไม่แข็งแรงหรือคลอดมาแล้วแม่ไม่เอาลูกเพราะมีภาวะความเครียดเยอะ พี่เล็กก็ต้องไปหานมมา ขึ้นไปช่วยกันป้อนช่วยพยุงเขา จำได้ว่ามีเชือกหนึ่งเป็นลูกช้าง เราพยายามป้อนนม พี่เล็กดูแลประคบประหงมอย่างเต็มที่ แต่เขาก็ท้องเสีย ภูมิเขาไม่ดี ท้ายที่สุดก็ต้องเสียเขาไป อันนี้ก็คือหน้าที่ที่เราพอจะทำได้ เราก็ไม่ใช่สัตวแพทย์ ถ้าเราไปทำอะไรที่มันมากเกินไปจะดูแบบ…เธอเป็นใคร ไม่ใช่หมอมาทำอะไรแบบนี้”

อุทิศชีวิตให้กับการดูแลช้าง? “เรียกว่าอุทิศชีวิตให้ได้ในส่วนหนึ่งตอนนี้ เพราะว่าโบว์มีแพลนในการใช้ชีวิต โบว์ชอบบอกคนอื่นว่าฉันไม่อยากแต่งงาน เพราะฉันไม่อยากมีลูก เพราะรู้ว่าชีวิตเราจะไปอยู่ตรงไหน นี่ไงเหมือนเราหาตัวเองเจอว่าโบว์อยากอยู่กับสัตว์ อยู่กับสัตว์แล้วโบว์มีความสุข โบว์สบายใจ เรารู้สึกว่าเราทำตรงนี้ได้เต็มกำลังเต็มที่”

“แต่ตอนนี้ส่วนหนึ่งในชีวิตของโบว์ยังต้องถ่ายละคร ยังต้องมีงานที่เราจะต้องดำเนินชีวิตต่อไป แต่ถ้าเกิดวันหนึ่งที่โบว์ใช้ชีวิตจากวงการเต็มที่แล้ว คือแน่นอนว่าโบว์ตัดสินใจที่จะไปช่วยพี่เล็กดูแลช้างดูแลสัตว์ที่เชียงใหม่”

วิกฤตโควิดแบบนี้มูลนิธิฯ ได้รับผลกระทบหนักขนาดไหน? “ต้องบอกว่าที่ปางช้างหนักมากจริงๆ อย่างที่บอกไปว่า 99% เป็นอาสาสมัครที่บินเข้ามา แล้วก็จ่ายสตางค์เพื่อมาอยู่ตรงนี้ ตอนนี้ประเทศเราติดปัญหาหรือสถานการณ์โควิด แต่รายจ่ายมันยังต้องจ่ายที่มากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ”

“สัตว์ยังต้องกินอาหารเหมือนเดิม มีสัตว์เจ็บป่วยที่ต้องรักษาแทบจะ 70% ของปางช้างเลย ทีนี้ต้องบอกว่าไม่ได้มีแค่ช้าง มีทั้งหมา แมว วัว ควาย ที่รอดชีวิตจากโรงฆ่าสัตว์ มีม้า ตอนนี้คืออยู่ที่มูลนิธิฯ เกือบๆ 5,000 ชีวิต เยอะมากจริงๆ”

“โบว์เลยอยากรู้มากว่ารายจ่ายพี่เล็กเดือนหนึ่งเท่าไหร่ เขาบอกว่าเดือนหนึ่ง 10กว่าล้าน ถามว่าเอาเงินมาจากไหน ตอนนี้พี่เล็กทำงานหนัก ต้องซูมประชุมกับคนต่างประเทศ แล้วก็ถักสร้อยขาย ทำเสื้อ ทำกาแฟขาย เพื่อที่จะให้ชาวต่างชาติและคนไทยช่วยกันสนับสนุน แล้วก็เงินตรงนี้แหละที่เอามาประคองทุกอย่างในสถานการณ์ตอนนี้”

เคยถูกมองสร้างภาพ? “เคยเจอค่ะ เคยเจอคำถามเยอะว่าแบบสร้างกระแสหรือเปล่า ไปแบบเอาภาพเฉยๆ หรือเปล่า แต่ว่าโบว์ก็ไม่ค่อยสนใจอะไรมาก แต่ตอนหลังพอโบว์เริ่มไปใช้เวลามากขึ้น โบว์ก็เริ่มมีคำตอบให้กับคำถามเหล่านี้ว่า ถ้าฉันจะไปสร้างกระแสฉันไม่ต้องไป 12 ปี ฉันไปแป๊บเดียวเดี๋ยวฉันได้กระแสเลย”

“แต่อันนี้ไป 12 ปีแล้วที่คลุกคลีกับวงการสัตว์มา แล้วจริงๆ ก็ไม่ได้เปิดตัวเองขนาดนั้น คนยังไม่รู้เลยว่าทุกวันนี้โบว์มีมูลนิธิรักษ์สัตว์ป่าที่เป็นมูลนิธิของตัวเองโดยที่ตัวเองเป็นประธานมูลนิธิ แต่โบว์ไม่ได้มาป่าวประกาศ โบว์ไม่ได้รับบริจาคตังค์ เนี่ยไม่มีคนรู้ ถ้าฉันจะเอากระแสฉันพูดปาวๆ ก็ได้ แต่คือเราก็ไม่ได้พูด”

แอนิมอลบำบัด? “ก่อนที่หนูจะขึ้นไปเชียงใหม่รอบนี้ สุขภาพจิตหนูเสียมาก จนต้องไปพบจิตแพทย์ที่โรงพยาบาลมารอบหนึ่ง ช่วงโควิดเราไม่ได้ทำงาน ตื่นมาไม่รู้จะทำอะไร ลงไปนั่งข้างล่างที่บ่อปลาที่คอนโดฯ นั่งมองท้องฟ้าตั้งแต่ 11 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น ร้องไห้ทั้งวันเลย”

“โบว์ก็แบบนี่ฉันทุกข์เรื่องอะไรมันคิดเรื่องทุกข์ไม่ถูกเลย มันฟุ้งซ่านไปหมด ท้ายที่สุดต้องไปพบแพทย์เพราะโบว์อยากกินยา เนื่องจากเรามีปัญหาเรื่องการนอน แล้วพอท้ายที่สุดโบว์ก็ไปหาหมอ กินยาไปเม็ดหนึ่ง ยาอันนั้นมันทำให้โบว์หลับไปเกือบสองวัน ทุกคนตกใจว่าโบว์หายไปไหน”

“คิดในใจว่าไม่เอาแล้วไม่กินยาดีกว่า ฉันต้องขึ้นเชียงใหม่แล้ว อยู่ที่นี่ไม่รู้จะทำประโยชน์อะไร แต่ถ้าอยู่เชียงใหม่เราไปช่วยเขาเลี้ยงช้างเลี้ยงลิงได้บ้างก็ยังดีกว่าที่จะอยู่ที่นี่ ตัดสินใจขึ้นไปเชียงใหม่ซึ่งก็ช่วยโบว์ได้เยอะ ไม่ต้องใช้ยาหมอเลย ต้องขอบคุณสัตว์ที่ทำให้โบว์ไม่ต้องกลับไปกินยา ทำให้สุขภาพจิตเราดีขึ้น แอนิมอลบำบัดแบบของจริงเลยนะ”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6594022
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6594022