“อั๋น ภูวนาท” ฟาดอีกแล้วหนึ่ง! กับเรื่องค่าส่งอาหารที่แพงมาก


ให้คะแนน


แชร์

“อั๋น ภูวนาท” ฟาดอีกแล้วหนึ่ง! กับเรื่องค่าส่งอาหารที่แพงมาก

วันที่ 02 ก.ย. 2564 เวลา 17:53 น.

“อั๋น ภูวนาท” ตั้งสเตตัสฟาสแรงๆ เปรียบเทียบฟู้ดดิลิเวอรี่ของไทยและต่างประเทศ

มีเรื่องให้ต้องออกมาพูดอีกแล้ว สำหรับดีเจและพิธีกรชื่อดัง “อั๋น ภูวนาท” ที่ได้ถามแทนใจคนทั้งโซเชียล เมื่อเจ้าตัวได้เจอค่าส่งอาหารฟู้ดเดลิเวอรีไป 200 กว่าบาท จนอดไม่ได้ที่จะฝากคำถามไปยังคนใส่เสื้อสูทผูกไทด์ให้ช่วยคนไทยมากกว่านี้

โดยเจ้าตัวนั้นได้ฟาดแรงผ่านสเตตัสบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ชวนให้สังคมตั้งคำถามว่า “ภูวนาท จ๋าอยากกินสเต๊กร้านนี้มากเลย แต่ค่าส่งตั้ง 200กว่าบาท เห็นราคาแล้วโกรธเลย มันเวอร์ไป ไม่กินละ!” เสียงของภรรยาที่เคารพนี้ ลอยผ่านหูผมไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่ยังติดค้างอยู่ในใจผมจนตอนนี้ ผมนั่งมองดูโลกวันนี้กับวิถีชีวิตใหม่ที่อาจจะอยู่กับเราไปตลอดกาล วันที่ “บ้าน” นอกจากกลายเป็น “ที่ทำงาน” ยังแปลงร่างเป็น “ร้านอาหาร” จำเป็นไปแล้วด้วยนั้น ถูกขับเคลื่อนด้วยฟู้ดเดลิเวอร์รี่สารพัดสี และไรเดอร์จำนวนมหาศาลเฉียดครึ่งล้านทีเดียว เกือบจะไม่มีวันไหนเลยที่เราไม่ได้ใช้บริการ App ส่งอาหารเหล่านี้ แต่แปลกไหม ทั้งที่เราควรจะรู้สึกใกล้ชิดสนิทใจกับพวกเค้าทั้งหลายมากมาย แต่ลึกๆ กลับกลายเป็นว่าบ่อยครั้งเรารู้สึกกำลังถูกเอาเปรียบกับค่าส่งที่ถูกชาร์จแพงอย่างที่คุณภรรยาที่เคารพของผมรู้สึก ซึ่งจะว่าไปไม่ใช่แค่คนสั่งหรอกนะที่รู้สึกแบบนี้ คนขี่มอเตอร์ไซด์ส่งเองก็มีไม่น้อยที่คิดเหมือนกัน ในขณะที่ฝั่งร้านอาหารเองก็รู้สึกเหมือนโดนขูดเลือดขูดเนื้อจากค่า GP ที่ถูกเรียกเก็บร่วม 30% บริษัทฟู้ดดิลิเวอร์รี่พวกนี้เสือนอนกินชัดๆ โคตรเอาเปรียบเลย รวยอยู่คนเดียวน่ะสิ!!!

“ตลกไหมถ้าผมจะบอกว่า เกือบจะทุกบริษัทกำลังขาดทุนอย่างหนักเช่นกัน แต่มันคือเรื่องจริง! ในภาวะโควิดธุรกิจอัมพาตนี้ ร้านอาหารเกือบจะเป็นลมหายใจสุดท้ายที่ยังขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ เพราะคนส่วนใหญ่ยังยอมใช้จ่ายกับเรื่องนี้กันอยู่ แต่กลับไม่มีคนรู้ว่าระบบนิเวศน์นี้กำลังแข่งขันกันอย่างหนัก จากการฟาดฟัน แย่งกันลดแลกแจกแถม ส่งฟรีตัดราคาห้ำหั่นกันหน้ามืดเคยสงสัยกันไหมว่า อ้าวก็ถ้าส่งฟรีแล้วพี่ Grab พี่แพนด้า พี่ลาล่า หรือแม้แต่ Lineman เค้าจะหาเงินจากไหนมาเป็นรายได้กันละ แอพไฮเทคสะดวกสบายแค่ปลายนิ้ว พนักงานมากมายที่อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังอีกมหาศาล สิ่งเหล่านี้ล้วนต้องลงทุน แล้วไรเดอร์ที่ไหนเค้าจะยอมวิ่งส่งให้คุณฟรีๆ สะสมแต้มเป็นบุญบารมีไว้อิ่มท้องในชาติหน้ากันงั้นหรือไม่มีของฟรีในโลก ทุกอย่างมีต้นทุนครับ”

“คำตอบก็อยู่ที่ค่าGP ที่ร้านอาหารต้องยอมจ่ายหลายสิบเปอร์เซ็นต์นั่นไง ที่ทางแอพใช้เอาไปจ่ายเป็นค่าส่งให้ไรเดอร์แทนลูกค้า ซึ่งลองคิดดูดีๆบางทีซื้อน้ำแก้วสองแก้ว ค่า GP ยังได้น้อยกว่าค่าส่งที่ต้องให้ไรเดอร์ซะอีก และนั่นคือคำอธิบายแบบเห็นภาพได้ง่ายๆเลยว่าทำไมแอพทั้งหลายเหล่านี้ถึงได้ขาดทุนจะว่าไป GP ก็ไม่ต่างอะไรกับที่ร้านทั้งหลายต้องยอมจ่ายค่าเช่าให้ห้าง ต่างกันตรงที่ค่าเช่านั้นเราคุ้นชินกับมันมากกว่า เลยคิดว่าคุ้มค่า เข้าใจได้ จ่ายได้ แต่พอโดน App เหล่านี้หักหัวคิวบ้าง กลับเผลอใจไปรู้สึกว่าถูกขูดรีดซะงั้น ทั้งที่มันเกือบจะเป็นรายได้เดียวของบริษัทเหล่านี้ที่ใช้พัฒนาแอพเพื่อมาให้บริการทั้งพวกเรา ไรเดอร์ รวมถึงร้านอาหารต่างๆอยู่นี่แหละ รวมถึงสวัสดิการต่างๆ ที่แต่ละบริษัทกำลังพยายามแข่งขันเพื่อเพิ่มการดูแลให้กับคนในอีโคซิสเท็มนี้ด้วย”

“อ่านเจอข่าวว่ากรมการค้าภายในเค้าเข้าอกเข้าใจว่าร้านอาหารไม่น้อยที่เดือดร้อนจากค่าGP เลยมีการขอความร่วมมือให้Food Deliveryทั้งหลายช่วยกันลด % ส่วนนี้ลงอย่างไม่มีทางเลือกสักเท่าไรให้เลือก

เอาจริง ๆ มองเผินๆผมเองก็ชอบใจแหละเพราะมาตรการแบบนี้คนที่สั่งหนะดูหล่อจะตายไป แต่คิดดูดีๆสิว่าการแทรกแซงนี้มันใช่วิธีแก้ไขจริงๆเหรอ แล้วGPส่วนที่ลดหายไปนั้นใครได้ใครเสีย ต้นทุนส่วนที่หายไปนี้จะตกเป็นภาระของใครกันละ ไรเดอร์จะถูกลดค่าส่งไหม หรือจะกลายเป็นคนสั่งอย่างเราที่ต้องจ่ายแพงขึ้นแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว(วะ) เพราะอย่าลืมว่าตัวบริษัทแอพเหล่านี้เองเพิ่งบาดเจ็บจากการถูกขอความร่วมมือแกมบังคับให้ตัดแขนตัดขาหั่นรายได้ตัวเองแบบที่แถวบ้านพี่เรียกว่าสั่งทั้งที่ต่างก็ขาดทุนกันอยู่แล้วนะก่อนจะหาว่าภูวนาทเอาแต่ฟาด ถ้าเก่งนักก็เสนอมาสิว่าแล้วจะให้ทำยังไง บังเอิญไปอ่านเจอข่าวการแก้ปัญหาแบบเดียวกันนี้ในหลายประเทศที่คล้ายคลึง แต่วิธีคิดมันต่างกันอย่างน่าทึ่งจนทนไม่ไหวต้องขอตั้งใจเอามาเล่าให้ฟังแบบย่อๆ เผื่อจะได้ยินไปไกลถึงหูใครหลายคนบนนู้นนนนบ้าง”

รัฐบาลสิงคโปร์ เมื่อประกาศล็อกดาวน์ ร้านอาหารไม่สามารถขายหน้าร้านได้ ทางรัฐบาลจึงขอให้แพลตฟอร์มต่างๆ ช่วยลดค่า GP ลงมา โดยที่รัฐบาลสิงคโปร์ให้เงินอุดหนุนกับทางแพลตฟอร์ม ในส่วนต่างที่หายไปจากค่า GP เกือบ50% ซึ่งเป็นวิธีที่เวิร์กมาก เพราะวินๆ ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ลูกค้า ไรเดอร์ หรือแพลตฟอร์ม สหรัฐอเมริกา รัฐริชมอนด์ เวอร์จิเนีย ไม่ได้ขอให้บริษัทฟู๊ดดิลิเวอร์ลด GP แต่พี่ท่านจ่ายค่า GP ให้เลยเกินครึ่งเพื่อช่วยเหลือ หรือแม้แต่ไต้หวันตั้งกองทุนอุดหนุนลดค่า GP ให้เกือบ 6 ล้านเหรียญเพื่อต่อลมหายให้ทั้งบริษัทดิลิเวอร์รี่ ไรเดอร์ และร้านอาหารไปต่อได้ไม่ขาดใจตายจนต้องลอยแพให้คนต้องตกงานอีกมหาศาล ผมก็เหมือนทุกคนแหละที่อยากได้ของดีราคาถูกกันทั้งนั้น”

แต่หากแม้ว่าการสั่งอาหารดิลิเวอร์รี่จะกลายเป็นวิถีชีวิตใหม่ สั่งอาหารครั้งต่อไป หากมันจะแพงในความรู้สึกของคุณหรือใคร อย่าลืมลองบอกกับตัวเองกันอีกที ว่าทุก1ครั้งที่เราสั่งอาหารกันผ่านApp Food Delivery นี้ มีอีกหลายแสนคนได้มีงาน มีอาชีพ มีอีกหนึ่งมื้อที่อิ่มไปกับเราด้วยเช่นกัน ยิ่งศึกษา ยิ่งคิด ยิ่งเข้าใจก็ยิ่งสงสัยว่า หรือบางทีจริงๆแล้วเสือนอนกินใจดำตัวจริง อาจไม่ใช่ใครที่ใส่เสื้อกั๊ก แต่เป็นคนใส่เสื้อสูทผูกไทด์ที่ไม่ค่อยทำอะไรที่ควรจะทำเพื่อช่วยคนไทยมากกว่า…รึเปล่า อุ๊บส์! ไปก่อนดีกว่า…ไรเดอร์มากดออดหน้าบ้านได้เวลาพอดี”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.posttoday.com/ent/news/662202
ขอขอบคุณ : https://www.posttoday.com/ent/news/662202