อดีตนางงามสาวประเภทสองชื่อดัง แจ๊ส สรวีย์ มิสทิฟฟานี่ Miss Tiffany 2009 ที่โกนหัวบวชเป็นพระในนาม พระสรวีย์ รวีรัฐฐากรณ์ บวชได้นานถึง 9 ปีแล้ว และยังคงมุ่งมั่นตั้งใจ จะเรียนรู้ศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้าต่อไปอยู่ ได้ให้สัมภาษณ์กับบันเทิงไทยรัฐออนไลน์

กรณีของพระมหาไพรวัลย์, พระมหาสมปอง ที่ไลฟ์ Live ได้อย่างสนุกสนานไม่เบื่อ เต็มไปด้วยมุกอารมณ์ขัน และมีธรรมะแทรกไปด้วย คิดเห็นอย่างไร? “ก็…ไม่กล้าคอมเมนต์ เพราะท่านบวชมานานกว่าหลวงพี่ด้วย ท่านรู้ว่าอะไรควร ไม่ควร อะไรถูกหรือผิด ท่านรู้อยู่แล้ว ทางโลกทางธรรมท่านย่อมรู้ดีกว่าเราอยู่แล้ว เป็นยุคที่เปลี่ยนไป กระแสของโซเชียล ที่ทุกคนมีสื่อของตัวเองได้

“ส่วนตัวหลวงพี่เข้าใจท่าน เป็นการสื่อสารภาษาธรรมผสมกับภาษาทางโลก เพื่อให้คนฟังเข้าใจ ไม่มีกำแพงเรื่องภาษา ไม่มีช่องว่างระหว่างพระกับโยม แต่เราก็ต้องรักษาลุคด้วยนะ ว่าเรายังอยู่ในจารีตประเพณีหรือไม่ เรื่องคำสอนของพุทธศาสนา ถ้าไม่ได้หลุดนอกกรอบ ก็พูดได้อยู่แล้ว”

ปกติหลวงพี่แจ๊ส ไลฟ์บ้างหรือไม่? “มีบ้างไลฟ์สวดมนต์ แต่ไม่ค่อยไลฟ์แสดงความคิดเห็น หลวงพี่กลัวหลุดนอกกรอบ ของพุทธศาสนาออกไป กลัวที่จะเข้าไปในพื้นที่สื่อ เพราะยังมีนักวิชาการที่มีความรู้เยอะกว่าเรา หลวงพี่ยังความรู้น้อยอยู่ครับ”

มีบางคน จ้องจะเล่นงานพระทั้งสอง? “หลวงพี่รู้สึกไม่ค่อยโอเคสักเท่าไร เวลามีประเด็นอะไรขึ้นมา ไม่ใช่แค่กรณีของพระทั้งสองท่านที่จะถูกผลักไส เอาการเมืองมาเกี่ยวข้องยึดโยง คนไม่คิดเหมือนเราจะเป็นฝ่ายตรงข้าม การเมืองมันแรง แบ่งเป็นฝ่าย ทำให้กลายเป็นเครื่องมือของการเมือง แทนที่เราจะช่วยพัฒนาไปทางที่ดี มากกว่าจะล้มดับให้แพ้กันไป”

พระมหาไพรวัลย์ และพระมหาสมปอง ไลฟ์แล้วมีคนหลายแสน “หลวงพี่ก็ฟัง มีคนมากกว่า 2 แสนคน ในช่วงเวลาที่ท่านไลฟ์ ไม่ใช่แค่หนึ่งสองนาทีที่คนฟัง แต่ฟังๆ กันเกือบสองชั่วโมง ถือว่าโอเค แต่ถ้าพระทั้งสองรูป เผยแพร่ธรรมะแบบจ๋า เป็นทางการไปเลย คนก็จะเริ่มหาย คือท่านก็มีจุดยืนที่ชัดเจน เพื่อรักษาการเข้าถึงของคนฟัง”

หลายคนชอบเปรียบเทียบ บทบาทของพระพม่ากับพระไทย อย่างมีม็อบหรือเรื่องเดือดร้อนอะไร พระพม่าก็ออกมาร่วมม็อบด้วย แต่พระไทยส่วนใหญ่จะนิ่ง? “บริบทของประเทศมันต่างกัน ลองไปศึกษาเพิ่มเติม จะได้รู้ว่า ทำไมพระพม่าถึงได้เข้าไปในจุดนั้น คือพระธรรมวินัยมีการระบุ ว่าพระควรพูดหรือไม่พูดอะไรไว้อยู่”.