พชร์ อานนท์ ตัวพ่อผกก.หนังหลวงพี่ และมุมมองต่อ 2 พส. พระนักเทศน์ (คลิป)


ให้คะแนน


แชร์

บันเทิงไทยรัฐ จึงได้ย้อนดูคนบันเทิงที่เคยสวมบทบาท เป็นพระสงฆ์ในหนังที่หลังจากเล่นก็ทำให้แต่ละคนมีชื่เสียงมากขึ้นอย่าง เท่ง เถิดเทิง ที่รับบทพระในหนังเรื่องหลวงพี่เท่ง หรือ แจ๊ส ชวนชื่น ที่รับบทพระในหนังเรื่องหลวงพี่แจ๊ส 4 G และ แน็ค ชาลี ที่รับบทพระในหนังเรื่องอาปัติ แต่หนังเหล่านี้ก็มีเสียงวิจารณ์เป็นวงกว้าง แต่ก็กลับมีรายได้สูงไม่น้อย 

และในส่วนของผู้กำกับภาพยนตร์และพิธีกรชื่อดังอย่าง พชร์ อานนท์ ในฐานะผู้กำกับที่เคยหยิบเรื่องราวของพระสงฆ์มาถ่ายทอดเป็นหนังพระ และนำเสนอออกมาในแนวหนังตลก แต่ก็สอนแทรกคำสอน ซึ่ง พชร์ อานนท์ ได้เปิดใจกับ บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ ถึงกรณีที่กำลังเป็นกระแสวิจารณ์อยู่ในตอนนี้ว่า 

“ในฐานะคนทำหนังเกี่ยวกับพระ และเคยโดนวิจารณ์มาก่อน จริงๆ ตอนที่ทำ หลวงพี่แจ๊ส 4 G, หลวงพี่แจ๊ส 5 G และ หลวงตามหาเฮง เจตนาที่ต้องการนำเสนอคือสอนให้คนทำดี ต้องการสอนให้คนรู้จักคิด ต้องการให้คนมีสติ ก็จะพยายามสอนให้คนที่ไปดูหนังได้ทั้งความสนุกและความรู้เกี่ยวกับธรรมะ 

และหนังที่ทำเกี่ยวกับพระ เราก็ส่งกองเซนเซอร์ให้เขาตัดสิน กระทรวงวัฒนธรรมเขาจะเป็นคนตัดสิน และหนังพระทั้ง 3 เรื่อง ไม่โดนให้ตัดทิ้งเลยสักฉาก ได้ฉายเต็มทั้งหมด เพราะมีกรมการศาสนามาดูหนังด้วย มีตัวแทนหลายๆ อาชีพมาดู หนังก็ผ่านหมด

เพราะเขาดูจนจบและรู้ว่าหนังที่เราทำขึ้นนั้นต้องการนำเสนออะไร แต่คนที่ไม่ได้ดูจะมองว่าหนังของเราทำออกมาเพื่อล้อเลียนล้อเล่น อย่าลืมว่าบ้านเรามีกองเซนเซอร์

เอาจริงๆ สิ่งสำคัญอยากให้ดูที่เจตนาของหนังว่าต้องการสื่ออะไร อยากให้คนรู้เกี่ยวกับธรรมะ หลักธรรมคำสอน เพราะบางคนไม่ไปวัด แต่ไปดูหนังก็จะได้ความรู้ ได้ทั้งความบันเทิงและความรู้สอดแทรกจากหนังไปด้วย 

และน่าภูมิใจหนังที่เราทำก็รายได้ดี หลวงพี่แจ๊ส 4 G ก็ทำรายได้สูงสุด ไม่ได้พังพินาศเหมือนที่พระบางรูปออกมาพูดเลย และในหนังก็มีพระมหาสมปองมาเล่นบทรับเชิญ เป็นพระที่สอนพระใหม่เกี่ยวกับธรรมะด้วย”

จากนั้น พชร์ อานนท์ ก็เล่าให้เราฟังต่อว่าก่อนที่จะทำหนังพระสักเรื่องนั้น ก็ได้ทำการบ้านและศึกษาข้อมูลมาเป็นอย่างดี

“ก่อนที่จะทำหนังเราก็เข้าไปคุยไปศึกษาข้อมูล และเราก็เป็นชาวพุทธคนหนึ่ง เราก็พอจะรู้ว่าสอนอย่างไรให้คนได้จำ ทุกฉากที่นำเสนอเราต้องการจะสอนคนอยู่แล้ว เรามีเจตนาที่ดีทั้งนั้น”

และนอกจากนี้ พชร์ อานนท์ ยังได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกระแสวิจารณ์ทั้งแง่บวกและแง่ลบของ 2 พระนักเทศน์ชื่อดัง อย่าง พระมหาไพรวัลย์ และ พระมหาสมปอง ว่า

“ส่วนกระแสวิจารณ์ที่หลายคนกำลังพูดถึงกันอยู่ในตอนนี้เกี่ยวกับ พระมหาไพรวัลย์ และ พระมหาสมปอง นั้นอยากให้ดูนี่ยุคไหนแล้ว ไม่ใช่เมื่อ 20-30 ปี มันก็ต้องพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ และสมัยนี้คนเข้าวัดน้อยลง โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่คนไปอยู่ในโซเชียลกันเยอะ พระก็ต้องออกมาเทศน์ มาสอนธรรมะในโซเชียล 

เราเป็นชาวพุทธที่นับถือศาสนา รักษาศีลก็ไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ท่านทำคือการทำลายศาสนาเหมือนที่หลายคนมอง ที่ท่านออกมาก็เพราะว่าคนอยู่ในโซเชียลเยอะกว่าคนไปวัด คนรุ่นใหม่ไม่มีใครไปนั่งฟังเทศน์กันแล้ว

และประเทศเราไม่ได้อยู่ได้ด้วยคนรุ่นเก่า แต่อยู่ได้ด้วยคนหลายรุ่น เพราะฉะนั้น การที่ท่านมาพูดถึงธรรมะในโซเชียล มันก็เป็นเรื่องที่ดีนะ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ ได้รู้และเข้าถึงธรรมะได้ 

และวิธีการพูดก็ต้องมีตลกขบขัน จะให้มานั่งเทศน์เหมือนที่วัดมันก็ไม่ใช่ เพราะมันจะไม่มีคนฟัง มันไม่สนุก มันน่าเบื่อ ฟังแล้วเซ็ง คนก็ไม่อยากฟัง แต่พอพระทั้ง 2 ท่านออกมาพูดแบบนี้ มันสนุก คุยหลากหลาย และสอนไปในตัว คนก็มาดู 

และการคุยกับคนรุ่นใหม่ก็ต้องใช้คำศัพท์เขา มันก็ทำให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ อย่าลืม คนรุ่นใหม่ไม่เข้าวัด นานๆ จะเข้าวัดที และยิ่งมีโควิด คนก็ไม่ไปวัดกันด้วย

และท่านมาเทศน์ในช่วงนี้ที่มันเครียดๆ มันก็ดีนะ ได้คลายเครียดกันด้วย เพราะคนเราเครียดมาหลายเดือนแล้ว พอมาเจอพระเทศน์สนุกสนาน เราก็ขำ ก็คลายเครียดไปได้ อย่าคิดเยอะ พระท่านไม่ได้ทำผิดศีลธรรมอยู่แล้ว”

จากนั้น พชร์ อานนท์ ได้ย้ำชัดว่า สิ่งที่พระนักเทศน์ชื่อดังได้ทำนั้น เป็นเจตนาที่ดี เป็นการเผยแผ่ศาสนาตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป

“เอาจริงๆ มันเป็นการเผยแผ่ศาสนาตามยุคสมัย อย่าไปคิดเยอะ แค่นี้ก็เครียดมากพออยู่แล้ว คนก็อยากหาความสุขกัน มันไม่ได้รุนแรงถึงขั้นทำให้ศาสนาพินาศล่มจมไปหรอก เอาจริงๆ คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยมีศาสนาก็เยอะ ท่านออกมาทำแบบนี้ คนรุ่นใหม่จะได้เข้าถึงและได้ศึกษาธรรมะไปด้วย 

อยากให้ดูที่เจตนานะ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องดูที่เจตนา ท่านสอน ท่านไม่ได้ยุให้คนมาแตกแยก ท่านพูดเรื่องปัจจุบัน ตอนนี้ยุคอะไร พ.ศ.อะไรแล้ว ต้องคิดและตามให้ทัน อย่าเอาตัวเองเป็นใหญ่และทุกคนต้องตาม ทุกคนมีความคิดเห็นแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นก็ต้องฟังความเห็นของคนอื่นด้วย 

คนที่ชอบก็คือคนรุ่นใหม่ แต่คนที่ไม่ชอบ วิจารณ์ในแง่ลบก็เป็นคนรุ่นเก่า เราต้องตามสังคมให้ทัน เขาไปถึงไหนกันแล้ว จะให้มานั่งพับเพียบตลอดเวลามันก็เป็นไปไม่ได้ คนฟังเขารู้จักกาลเทศะอยู่แล้ว ให้คนเขามีความสุขกันบ้าง อย่าไปจี้นั่นจี้นี้เขาเลย”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2188365
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2188365