“โดนัท มนัสนันท์” ตั้งใจลดความ “บ้างาน” เพิ่มเวลาสวีต “ไฮโซตาม”


ให้คะแนน


แชร์

แรงบันดาลใจที่ทำเรื่องนี้

“พอเราต้องทำละครเรื่องที่ 2 ก็คิดว่านิยาย บทประพันธ์ ไม่ถนัด เลยปรึกษากับหุ้นส่วน ว่าพล็อตใหม่ และจะเล่าเรื่องอะไรที่สนุก เพราะตอนนั้น เราเข้าออก รพ.ตลอด เห็นคนใน รพ. เห็นอาชีพที่หลากหลาย เห็นคนเกิด แก่เจ็บตาย คนมีความหวัง เสียใจ กำลังใจ อะไรคือความหมายของชีวิตคนจริงๆ อะไรที่ทำให้คนมีความสุข ก็คือความรัก เลยเลือกที่จะทำโรแมนติก คอมเมดี้ เพราะเหมาะกับเรา เพราะบู๊ แอ็กชันก็ไม่ไหว แต่วันไหนมีแอ็กชัน ก็ใช้ผู้กำกับ คิวบู๊ผู้ชายมาช่วย คือว่าเราเหมาะกับโรแมนติก คอมเมดี้ที่สุดแล้ว

ประกอบกับข่าวช่วงนั้น สังคมผู้สูงวัยมีเยอะเลยได้เรื่องนี้มา พูดถึงแยม-มทิรา รับบท อรอุสา หรือซิสอร คบกับดนัย (ชาคริต) คบมา 30 ปี ไม่ได้แต่งงาน พอดนัยมาบอกไม่รักซิสอรแล้ว เพราะเธอแก่ ซิสอรเลยตัดสินใจไปทำศัลยกรรมเป็นสาว เลยไปเจอพระเอกรุ่นน้อง คือตั้ม (ริว-วชิรวิชญ์) แต่ความสาวไม่คงทน ความรักต่างหากที่คงทน เค้าเลยได้เรียนรู้จากเด็กหนุ่มคนนี้ ทุกอย่างก็จะกลับไปที่เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา ที่โรงพยาบาลไม่ได้มีความรู้สึกเดียว มันเต็มไปหมด ทุกอาชีพมีเรื่องราว คนที่เข้าออกก็เจอเรื่องราวเยอะเต็มไปหมด”

เป็นมุมมองของรักต่างวัย

“เราเอาเรื่องรักต่างวัยมาเป็นความสนุก เพราะกลัวเรื่องหมอจะตลกมากไม่ได้ กลัวจะซีเรียสไป เพราะสังคมผู้สูงวัยสูงขึ้น มันต้องมีคนที่รู้สึกว่าไม่มีคุณค่า ก็เลยต้องให้ละครเล่าเรื่องตรงนี้”

การเลือกนักแสดงล่ะ

“คนแรกที่วางคือบอมบ์-ธนิน ก็ดูบทให้เค้าเล่น เพราะเคยทำงานด้วยกัน เลยให้เป็นหมอต๊ะ น้องริวมาคนสุดท้ายเลย จากนั้นตัวอื่นๆ บทซิสอรคือบทนำ ที่ต้องผูกกับทุกคน แล้วช่อง 3 ก็ส่งแยมมา ซึ่งไม่เคยทำงานกับน้องเลย พอน้องมาแคสก็แต่งหน้า ทำผม แต่งเอฟเฟกต์ เป็นคนอายุ 52 ซึ่งแยมมีบุคลิกที่เหมาะจะเล่นคอมเมดี้ เค้าอายุไม่เยอะ แต่มีบุคลิกบางอย่างที่น่าสนใจ เค้าเป็นเด็กอินเตอร์ เค้าจะดูแลตัวเอง เค้ารู้ว่าผู้ใหญ่ต้องทำยังไง ไม่ใช่เด็กง้องแง้ง เค้าเลยเหมาะกับบทนี้ บทนี้เอาคนที่แก่มาเล่นไม่ได้ เพราะมีภาพต้องกลับมาเป็นสาว แล้วเราอยากได้ความน่ารัก คนที่อายุมากขึ้นวัยจะกลับ ซึ่งแยมผสมตรงนี้ออกมาได้ดีมาก เรื่องนี้ถ้าไม่ใช่แยมยากเหมือนกัน เค้าพร้อมและทุ่มเทมาก ให้ทำอะไรทำหมด พยายามทุกอย่างที่เราวางไว้”

เรื่องนี้อุปสรรคเยอะ

“เรื่องเดียวคือโควิดที่อยู่กับเราทุกระลอกเราก็ใช้วิธีอ่านบทออนไลน์ เวิร์กช็อปทางซูม ให้ทุกคนเตรียมพร้อมก่อนถ่ายจริง เรียนแอ็กติ้ง ทำความรู้จักกันก่อน แต่พอกองเปิดก็โดนอีก แต่เราก็รักษามาตรการทุกอย่างที่ปลอดภัยที่สุดตามสถานการณ์ เป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้ เป็นโรค ระบาด ก็พยายาม อยู่กับมันให้ได้ เรื่องแรกหนักหน่วง เรื่องนี้เลยสบาย”

โดนัทรับบทบาทเป็นทั้งผู้กำกับ ผู้จัด จะหนักไปมั้ย

“หนักค่ะ แต่โชคดีที่ก่อนเปิดกล้องเรามีเวลาทำงาน เราบอกกับทีมในสิ่งที่เราอยากได้ อยากเห็น ทีมช่วยเยอะมาก มีวันที่โดนัทต้องถ่ายละครเรื่องอื่น และต้องมากำกับด้วย ก็มาไม่ไหว ก็ใช้วิธีคุยออนไลน์ หน้าเซตรันไป เราก็บอกช็อตออนไลน์ วันไหนไปถ่ายเรื่องอื่น ก็มีผู้กำกับมาช่วย เรื่องนี้ทีมแข็งแรงมาก เราเลยสนุกกับการไปกอง ยิ่งเป็นพล็อตเรื่องที่มาจากเราเอง เราอยากเห็นภาพ”

กับ โรคที่เราเป็น ระหว่างทางมีปัญหามั้ย

“โรค SLE หลักๆเราต้องนอนให้พอ ไม่เครียด ไม่ตากแดด เรื่องไม่ตากแดดพยายามมาก เพราะ ตากแดดจะกระตุ้นโรค เราจะอ่อนแอไปหลายวัน ซึ่งเราจัดการได้ จากที่หมออยากให้นอน 8 ชั่วโมง แต่นอนได้ 6 ส่วนวันไหนที่มีปัญหาเรื่องนอนก็กินยานอนหลับเลย แต่เราเองก็ดูแลตัวเองมากๆ ไม่กระทบอะไร เพราะไปหาหมอตลอด ตอนนี้เป็นช่วงที่โรคสงบ ดีขึ้น ช่วงไหนที่ร่างกายเตือน คือ ผมร่วง มีผื่น SLE ขึ้น ก็รู้ตัวเองว่าต้องเบา ขอนอนวันนึง รู้สึกว่าตั้งแต่ป่วยจัดการชีวิตตัวเองได้ดีขึ้น แต่ก่อนคือฮาร์ดคอร์มาก แต่ก็มีแอบคิดเหมือนกันว่าจะเกษียณ อาจจะทั้งคู่ ทั้งแสดง เบื้องหลัง มีแอบคิด เรื่องจะออกคิดมาตลอด แต่สุดท้ายเรารักในงานนี้มาก ทุกวันนี้ยังมีความสนุก มีความสุข บางวันเหนื่อยเพราะงานเยอะ แต่ได้แสดง ได้ใช้พลังงานในอีกรูปแบบหนึ่ง เวลาเรากำกับมีความรับผิดชอบที่สูงมาก การเป็นนักแสดงเหมือนไปรีแลกซ์ ได้เจอเพื่อน ไปเล่น”

ละครเรื่องนี้ต่างประเทศสนใจซื้อไปออนแอร์ด้วย

“อินโดนีเซียและมาเลเซียออนแอร์ทาง ViU (วิว) พร้อมกับที่ไทย ส่วนกัมพูชาออกอากาศย้อนหลังทาง PNN ค่ะ ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี โดนัทยังเป็นผู้จัดใหม่ ดีใจที่คนสนใจ อยากให้คนได้ดู เพราะเราเหนื่อยกันมากจริงๆ เราก็ทำทุกอย่าง คุมตัดต่อเอง พอเราผ่านเรื่องแรกมาแล้ว เรื่องนี้ง่ายขึ้นเยอะ ในแง่การทำงาน ต้องขอบคุณทีมที่ซัพพอร์ตมาก แต่ก็มีบางอันที่ปล่อยได้แล้ว ไม่เครียดเกินไป”

ครั้งแรกที่ต่างประเทศสนใจรู้สึกยังไง? “ดีใจค่ะ เหมือนตอนนี้ไฟลนก้นจนอาจจะยังไม่ทันได้ไปแฮปปี้กับตรงนั้นมาก เพราะงานกำลังเร่งมาก เพิ่งปิดกล้องไปได้ไม่นาน วันที่ปิดกล้อง ทุกคนร่วมใจกันมาก พอได้คิวออนแอร์เลย ทุกอย่างมันเร็วไปหมด ดีใจที่งานจะได้ออกไปให้คนต่างประเทศดู ก็หวังว่าจะได้แฟนละครที่หลากหลายขึ้น ด้วยความที่ละครเราจะช่วยคลายเครียด เป็นกำลังใจในตอนนี้ที่สถานการณ์กำลังเครียดไปหมด แค่คนดูแล้วยิ้ม มีความสุข เราโอเคแล้ว”

ชีวิตคู่มีเวลาสวีตกันบ้างมั้ย

“โดนัทจะพยายามไม่ทำงานเสาร์ อาทิตย์ก็จะจัดการให้มีวันหยุด ได้ทำอะไรด้วยกัน เลี้ยงหมา ไปซื้ออาหาร ทำกับข้าวด้วยกัน ทุกวันนี้ 2 ทุ่มต้องกลับบ้าน แต่ก่อนกลับตี 2”

ทะเลาะ งอน มีมั้ย? “เป็นเรื่องปกติ ยังอยู่ในช่วงปรับตัวทั้งคู่ มีปัญหาก็คุยกัน เรียนรู้กันไป ถึงจะเข้าปีที่ 2 แต่ก็ต้องถอย ต้องปรับ”

เรื่องลูก? “ตอนนี้มีหมาแล้ว (หัวเราะ) ไม่แน่ใจว่าจะมีมั้ย”

โรคประจำตัวมีผลมั้ย? “ตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้ว ก็มีปรับยาบางตัวเผื่อมีลูก บางวันก็คิดอยากมีแต่ พอมีหลานเยอะก็โอเคแล้ว รู้สึกว่าเราเต็ม ไม่ได้ขาดอะไร เพราะโลกมันก็เจออะไรที่เครียดๆ โลกใบนี้มันอยู่ยากในตอนนี้ คนเป็นแม่แค่หมาไม่สบาย โดนัทร้องไห้อาการหนัก ถ้าเป็นลูกคงทรมานไม่ไหว”

พ่อแม่กดดันเรื่องหลานกับเรามั้ย

“กดดันบ้าง แต่เราก็จะคอยบอกว่าโลกใบนี้มันอยู่ยาก แค่เราเห็นหลานเรียนออนไลน์ เจอเพื่อนไม่ได้ ต้องใส่หน้ากากออกนอกบ้าน เลี้ยงหมาดีกว่า แต่ตอนนี้ก็ติดหมามาก โดยเฉพาะสามี โดนัทเลี้ยงเหมือนคน มีชุดนอน มีวันไปอาบน้ำ ไปวิ่งสนาม แล้วเหมือนเรามารอลูกเลิกเรียน เป็นหมาตัวแรกในชีวิต ที่บ้านโดนัทเลี้ยงหมา แต่โดนัทไม่เคยมีหมาเป็นของตัวเอง เพราะสามีอยากเลี้ยง พอมีหมาเป็นของตัวเอง มันอินมาก เก็บอึตอนตี 1 เช็ดก้น เป็นห่วงจะนอนได้มั้ย จะหนาวมั้ย เวลาเหนื่อย แค่เค้ามาเล่นด้วย มันเต็มอิ่มแล้ว ถ้าจะไปไหนต้องแพลนทุกอย่างว่าถ้าไปเมืองนอกหมาจะอยู่ยังไง จะไปทำงานต่างจังหวัดต้องขับรถไปไกลแค่ไหน ต้องเอาลูกไปด้วยแต่ดีที่ได้มีอะไรได้ดูแลด้วยกัน”

เห็นโดนัทอยู่วงการมานานมาก ถามจริงๆ เข้าวงการมากี่ปีแล้ว

“21 ปีแล้วค่ะ เข้ามาตอนอายุ 17 เล่นละครเรื่องแรก ตอนนี้ชินไปหมดทุกอย่างแล้ว”

มองย้อนกลับไป ประสบความสำเร็จ เรียนรู้อะไร? “โดนัท โชคดีหลายเรื่องในอาชีพการทำงาน เคยคิดจะทิ้งบ่อยมาก แต่สุดท้ายคือสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด เราไม่ได้รู้สึกว่าเราเป็นดารา คำว่าเป็นดาราไม่ใช่เรา การเป็นนักแสดงคือสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด เป็นชีวิตเราไปแล้ว เพราะเราเรียนมาด้านนี้ ถึงจะเจอเรื่องราวหลากหลาย สารพัดแต่ก็คืประสบการณ์ โดนัทเข้ามาในตอนที่คนน้อย โลกยังไม่เป็นแบบนี้ ทุกคนช่วยกัน แล้วพอมาเป็นโลกดิจิทัล เราก็ไม่ได้แก่ที่ไม่เข้าใจมัน เรายังเรียนรู้ โตไปกับมันได้

ตอนที่มีคนพูดว่า อย่าไปหลงระเริงกับชื่อเสียง เข้าใจเลย แต่ก่อนเราก็รู้สึกว่าที่คนมาสนใจเยอะ เราไม่ชอบเลย แต่เราก็เข้าใจได้ว่าเราต้องอยู่ในโลกนี้ เราไม่ชอบที่เราเป็นคนสาธารณะไม่ได้ เราเคยต้องรับมือกับหลายอย่างมาก ไม่รู้จะเอาอะไรมาวัดว่าประสบความสำเร็จ แค่รู้ว่าสนุกและรักที่ยังทำงานอยู่ตรงนี้ และดีใจที่คนมองข้ามว่า เดี๋ยวต้องไปเล่นบทแม่ คำนี้โดนัทจะไม่เจอแล้ว คือเราข้ามตรงจุดนี้ไปแล้ว คนยอมรับเราในการเป็นนักแสดงไปนานแล้ว”.

เรื่อง: วรรณี ห่อวโนทยาน

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2189968
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2189968