“ริว วชิรวิชญ์” แอบเขินตำแหน่ง “พระเอกค้ำคอ” ยอมรับสถานะหัวใจไม่ว่าง


ให้คะแนน


แชร์

บทบาทในเรื่องเป็นยังไงบ้าง

“ครับ ผมรับบทเป็นตั้ม จะเป็นคนอยากทำให้คนรอบตัวมีความสุข สู้ชีวิต เป็นคนที่จิตใจดี รู้สึกตัวเองเป็นพลังบวกให้คนรอบข้าง เรื่องเครียดก็จะเก็บไว้ จัดการกับความรู้สึกได้ ซึ่งละครเรื่องนี้ก็จะมีทั้งดราม่าผสมคอมเมดี้ เป็นเรื่องราวที่สะท้อนสังคม สังคมคนสูงวัย ความอบอุ่น ความใส่ใจให้กับคนในครอบครัว รวมถึงรักต่างวัยด้วย”

เท่าที่เล่นยากมั้ยล่ะ “ตอนเปิดกล้องก็แอบรู้สึกว่ายาก เพราะเป็นครั้งแรกที่ต้องสวมบทตัวละครตั้ม ซึ่งตอนเวิร์กช็อปพี่โด (โดนัท-มนัสนันท์) ก็พยายามหาคาแรกเตอร์ให้ ปัญหาของผมคือเป็นคนพูดเร็วแบบแร็ปเปอร์ ก็ต้องสะกดตัวเองบ่อยๆให้พูดช้าลง ชัด ฟังง่าย ผมก็จะโดนพี่โดเคี่ยวหนักที่สุดแล้ว ซึ่งผมขอบคุณพี่โด พี่นักแสดงทุกคน ทีมงานทุกคนที่ทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้น ได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก มองเห็นจุดที่ต้องพัฒนาตัวเองครับ”

ทำการบ้านเรื่องบทหนักขนาดไหน

“พี่โดส่งเวิร์กช็อปก่อนเปิดกล้อง ก็ทำการบ้านของตัวเองมาประมาณนึง แล้วก็มาปรึกษาพี่โดบ่อยๆ ปรึกษาพี่ชาคริต เพราะผมเป็นแฟนคลับพี่เค้า ดูการแสดง เทคนิคของพี่ๆนักแสดงคนอื่นว่าเค้าตีความ คิดยังไง แล้วก็หาจุดที่เป็นของตัวเอง ซึ่งตอนนั้นผมถ่ายละครพี่โด และมีหนังอีกเรื่อง คาแรกเตอร์ผมมันสวิงไปหมด ก็ต้องสมาธิดี”

ตัวละครตั้ม ต่างกับริวยังไง

“ตั้มจะแคร์คนรอบข้างมากเกินขีดจำกัดของตัวเองเกินไป รอยยิ้มของตั้มจะโลกสวย ส่วนผม ตัวจริงก็ใจดี ก็ยิ้มง่ายนะ แต่ผมว่าทุกคนก็จะมีมุมของตัวเอง เฮฮาบ้าง หรือบางทีเราก็อยากอยู่กับตัวเองบ้าง เวลาคิดจะคุยกับตัวเอง คิดในมุมของเรา ออกแนวคิดเยอะครับ แต่ไม่ได้เครียดไปกับทุกอย่างในชีวิตนะ”

เคยมีคนสะท้อนว่าเป็นคนคิดเยอะมั้ย “ริวจะคิดมากกับเรื่องของการทำงาน เพราะเรื่องนี้เป็นละครเรื่องแรก ผมคิดไปถึงข้างหน้า จะพัฒนาตัวเองยังไง เราทำดีแล้วรึยัง หลายคนอาจจะมองว่า อย่ากังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง แต่ผมว่าเตรียมพร้อมไว้ก็ดีนะ แต่ไม่ได้ถึงขนาดต้องซีเรียสกับมันจนชีวิตตึงไปหมด”

ขึ้นแท่นพระเอกเรื่องแรกกดดันมั้ย

“ไม่ชินกับคำนี้เลย ริวคิดว่าตัวเองเป็นนักแสดงนำในเรื่อง ทุกตัวละครจะมีความเป็นตัวนำหมดอยู่แล้วในการนำพาละครให้ไปถึงเป้าหมาย แต่ผมจะกดดัน เพราะอยากทำงานให้ออกมาดี เป็นเรื่องแรก ผมก็พยายาม ตั้งใจมาก ซึ่งกระแสละครก็ออกมาดี คนชอบความฟีลกู๊ด แสง สี ภาพสวย ซาวน์น่ารัก เค้าชอบความรัก ความอบอุ่นของผมกับยายนวล ก็คือแม่ตุ๊ก-ญาณี กับพี่แยม-มฑิรา คนก็บอกว่าเคมีดี พี่แยมเล่นคอมเมดี้ได้น่ารัก”

ลดความกดดันตัวเองยังไง “ทุกวันนี้ก็ยังกดดันอยู่ ผมเคยอ่านเจอแล้วชอบมาก ถ้าเราทำตามความคาดหวังของใคร ก็คือคำชมของคนอื่น แต่ถ้าเราทำตามที่ใจเราชอบ ก็คือความสบายใจของเรา”

ร่วมงานกับแยม นางเอกรุ่นพี่ล่ะ

“พี่แยมน่ารักครับ คอยซัพพอร์ตน้อง ผมกับพี่แยมจะช่วยกันในฉากที่เข้าด้วยกันเพื่อไปให้รอด ผมว่าคู่แสดงสำคัญนะ ถ้ามีคนหนึ่งกดดันมันจะแย่ไปหมด แต่พี่แยมเค้าโอเคมาก แต่ผมจะโดนพี่บอมบ์แกล้งบ่อย เวลาผมพูดเค้าจะชอบขัด ชอบแหย่ กวนสนุกๆ”

เลิฟซีนกับแยมเขินหรือชิล “ช่วงแรกเขินมาก เพราะเป็นเรื่องแรกของผมด้วย กังวล เกรงใจพี่เค้าด้วย ผมก็แอบเกร็งๆ บอกไม่ถูก รู้สึกเหงื่อออกมือ (หัวเราะ)”

ทำลายความเขินยังไง “ตั้งใจ มีสมาธิ เล่นให้ผ่าน อาจจะเพราะช่วงแรกๆยังไม่ได้สนิทกันมากขนาดนั้น แต่พอหลังจากถ่ายไปได้แป๊บนึง ไปกินข้าวกับทีมงาน นักแสดงก็ปลดล็อกกันมากขึ้น เคมีในการแสดงก็ดีขึ้นเรื่อยๆ”

ริวเป็นแนวน้ำตาสั่งได้ด้วยมั้ย “ไม่ได้ขนาดนั้นครับ เป็นไปตามอารมณ์มากกว่า พี่โดบอกว่าอย่าไปร้องเยอะ เพราะผมร้องเยอะไป เหมือนมันคุมอารมณ์ไม่อยู่ พี่เค้าไม่ได้อยากให้ร้องขนาดนั้น”

จะเป็นคนเซนซิทีฟ อ่อนไหวง่าย “ผมไม่ได้อ่อนไหวขนาดนั้น แต่อารมณ์ที่เค้าส่งมามันขนลุก ไม่อยากให้น้ำตาไหลต่อหน้าผู้หญิง แต่มันออกมาเอง ผมว่าถ้าเราอินกับฉากนั้นๆ พอเราเป็นตั้มมันรู้สึกจริงๆ ตัวผมไม่ได้ร้องไห้ได้ง่ายๆ เป็นคนคูลๆ ไม่ให้คนเห็นน้ำตาเราง่ายๆ ต้องเก็บไว้ก่อน ไม่ให้เห็นความอ่อนแอ (หัวเราะ) แต่ถ้าอารมณ์ในตอนแสดงมันมา สุดท้ายก็เป็นไปตามธรรมชาติเลย”

เล่นเอง ร้องเพลงประกอบละครเองด้วย ความสามารถรอบด้านจริงๆ

“ผมไปถามพี่โดว่าใครร้องเพลงประกอบละคร ซึ่งผมก็ยกมืออยากร้อง แล้วฝันก็เป็นจริง ได้ร้องเพลงซัมเมอร์เรน เพราะเป็นงานละครชิ้นแรก แล้วผมก็อยากเป็นส่วนหนึ่งในการร้องเพลงประกอบละคร ตอนนี้ก็มีอีกเพลงคือหมื่นคำลา ต้นฉบับคือพี่ฝันดี-ฝันเด่น ความหมายเข้ากับละครมาก ในช่วงเวลาที่ตั้มกับซิสอรเจอกับปัญหา ก็ต้องรอติดตามครับ”

ความแตกต่างของการร้องเป็นวงกับร้องเดี่ยว “เป็นวง คีย์ในการร้องเพลงเฉลี่ยโดยรวม สูง ต่ำ ต้องหาบาลานซ์ตรงกลาง ซึ่งตอนร้องเดี่ยว ผมเป็นคนเสียงใหญ่ เสียงต่ำ ทีมเพลงเค้าก็ปรับคีย์ให้เข้ากับเสียงเรา ฟังเองผมก็เขินเองครับ ได้มาวันแรกฟังวนไป 30 กว่ารอบ แล้วก็ส่งให้ป๊า ม้า ฟัง เค้าก็ซัพพอร์ต ชมว่าดี ให้กำลังใจกับการทำงานของเรา”

ช่วงโควิดการใช้ชีวิตที่ผ่านมาเป็นไงบ้าง

“อยู่บ้าน ดูหนัง อ่านหนังสือ อ่านบท ตอนนี้กองถ่ายก็เริ่มกลับมาทำงานแล้ว ก็ไปทำงาน เจอคนในกองก็มีสีสันในชีวิตเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ประมาทครับ ผมว่าทุกคนก็ระวังตัวเองกันอยู่แล้ว”

เรื่องความรักบ้าง ริวไม่ค่อยเปิดเท่าไหร่เลย

“ม้าบอกยังเด็กอยู่ให้ตั้งใจทำงานก่อน ก็มีคนคุยครับ (หัวเราะ) แต่ก็คอยซัพพอร์ตให้กำลังใจ คอยปรึกษากันมากกว่า ไม่ใช่ว่าไม่เปิด แต่แอบเขินเวลาพูดเรื่องนี้ ตอนนี้ก็ตั้งใจทำงาน แล้วก็ขอบคุณที่ได้ความรักที่ดีตอบกลับมาจากครอบครัว คนรอบข้าง แฟนคลับ เพราะผมไม่ได้มีผลงานมา 3 ปี แต่แฟนคลับเค้าก็ยังซัพพอร์ต อยู่กับผม ให้กำลังใจที่ดีกับผมมาก ขอบคุณทุกคนที่ไม่เคยทิ้งกัน”

กรณีรักต่างวัยเหมือนในละคร ถ้าชีวิตจริงล่ะเราจะโอเคมั้ย “ในความคิดผม อายุไม่ใช่ปัญหาในเรื่องของความรัก ถ้าเราชอบเค้าจริงๆอายุไม่สำคัญ ถึงจะศัลยกรรมมา ผมก็โอเค เป็นเรื่องความมั่นใจของคน เราก็สนับสนุน”

เรื่องนี้ทำให้เราเปิดใจ หรือมองคนที่โตกว่ามั้ย

“ไม่นะครับ ผมรู้สึกว่าเรื่องความรัก อายุไม่เกี่ยว ผมว่าที่บ้านผมเค้าก็ให้ผมคิด ตัดสินใจเอง แต่ตอนนี้เรื่องความรัก ผมไม่ได้โฟกัสเลย”

เป็นคนสาธารณะ โดนโฟกัสทุกเรื่อง “3 ปีที่ผ่านมาไม่ได้ออกผลงานเลย เราอยู่กับตัวเองมาก ไม่กดดันอะไรเลย ตอนเรียน เวลาที่คนมามองเรา ทำให้เราอยู่ในกรอบ ถ้ามองในมุมดี ตอนที่ทำงาน คือไม่ได้เที่ยวเลย พอเรามีหน้าที่ เราต้องรับผิดชอบต่อตัวเอง”

เสียความเป็นชีวิตส่วนตัวมั้ย “ผมตีปิงปองตั้งแต่ 9 ขวบ ไปเรียน ซ้อมปิงปอง กลับบ้าน อยู่แบบนี้มาตลอด ถ้าถามว่าโหยหาชีวิตเด็กวัยรุ่นมั้ย ก็มีนะครับ แต่เราก็มีบ้างที่ไปเพื่อเรียนรู้ว่าเป็นยังไง รู้แล้วก็พอ จบ โฟกัสกับสิ่งที่รับผิดชอบกับปัจจุบัน”

เป้าหมายในการทำงาน

“ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด พัฒนาตัวเองให้ได้ดีที่สุด เรื่องโกอินเตอร์ ถ้ามีโอกาสก็ยินดี ทุกอย่างเป็นเรื่องของโอกาสทั้งหมด ถ้ามีมาคือยินดีครับ”.

เรื่อง: วรรณี ห่อวโนทยาน

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2208609
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2208609