แช่ม แช่มรัมย์ ป่วยไทรอยด์เป็นพิษ ควงภรรยาเผยเส้นทางรักกว่า 19 ปี


ให้คะแนน


แชร์

เริ่มรู้ว่าเป็นไทรอยด์เมื่อไร?
แช่ม แช่มรัมย์ : นี่เข้าปีที่ 2 ที่ทราบว่าเป็นไทรอยด์ เพราะว่าผมเป็นคนที่ชอบเซลฟี่ และเวลามาดูรูป รูปมันเบลอแปลว่ามือเราสั่น แล้วตาจะมัว เราก็ไปตัดแว่นเพราะคิดว่าสายตาอาจเป็นปัญหา คือไทรอยด์ขึ้นตา มือเราก็จะสั่น แล้วก็จะมีอาการเหนื่อย คือพอเริ่มทัวร์คอนเสิร์ตแล้วเราต้องอัดรายการหลังปีใหม่ เดินขั้น 2 ไม่ไหว ต้องมีคนคอยประคอง

มีอาการช่วงโควิดพอดี เป็นอย่างไรบ้าง?
แช่ม แช่มรัมย์ : ก็ได้พักรักษาตัว พอเราไปพบหมอเพื่อรักษาอาการป่วย การรักษาคือเราต้องทานยาระยะยาว และเราต้องมาเช็กร่างกายทุกเดือนที่โรงพยาบาล ดูว่าร่างกายเรารับกับยาไหม มีการปรับฮอร์โมนไหม คือมาเช็กว่าสารที่มันหลั่งเข้ามาเกิน และเป็นพิษกับร่างกาย เรารับแค่ไหน

ช่วงที่คุณแช่มป่วย คุณนานา สังเกตเห็นอะไรบ้าง?
นานา โฮไซนา : ก็สังเกตเห็นว่าเขาจะเหนื่อยง่าย และผอมลงเร็วมาก บวกกับมีอาการหงุดหงิดขึ้นมา คือเราก็เริ่มเอะใจว่าทำไมเขาเหนื่อยง่าย และมีการถอนหายใจ ซึ่งแต่ก่อนไม่เคยถอนหายใจ ก็ปรึกษากัน แต่สุดท้ายพี่แช่มก็ไปตรวจที่โรงพยาบาลเอง โดยไม่บอกเรา
แช่ม แช่มรัมย์ : คือเราก็ไม่อยากให้เขาเป็นห่วง เพราะตัวเราเองเป็นคนที่ไม่ค่อยเจ็บป่วย ถ้าไม่ไหวจริงๆ ถึงจะไปโรงพยาบาล

พอไปถึงโรงพยาบาล หมอว่าอย่างไรบ้าง?
แช่ม แช่มรัมย์ : คือหมอแค่ดูมือและเล็บ คือเล็บจะไม่เหมือนคนปกติ คือเล็บจะโค้งงอ ปูดเหมือนหลังเต่า และผิวของเล็บจะไม่เรียบ หมอบอกว่าเล็บฟ้องอาการผิดปกติข้างใน สรุปคือเราเป็นมานานแล้ว แต่เพิ่งตรวจเจอ คือโรคนี้เป็นกรรมพันธุ์ อย่างเล็บก็จะไม่มีทางหาย

อาการไทรอยด์เป็นพิษมีหลายแบบ อาการของคุณแช่มอยู่ในกรุ๊ปไหน?
แช่ม แช่มรัมย์ : ผมเป็นพิษแบบไฮเปอร์ คือเวลาคุยเราจะลน และพฤติกรรมจะเปลี่ยน จะเป็นคนฉุนเฉียว กินเร็ว ห่วงกินกลัวไม่อิ่ม เพราะการเผาผลาญในร่างกายเราเยอะ หัวใจเคยเต้นเร็วทั้งวันทั้งคืน คือปกติหัวใจคนเราจะเต้นประมาณ 80 แต่ของผมเต้น 140 เหมือนคนวิ่งอยู่ลู่วิ่งตลอด และถ้าเราวิ่งเร็วๆ ผลข้างเคียงคืออาจจะทำให้เราช็อกได้ สาเหตุหลักๆ มาจากกรรมพันธุ์ รองลงมาคือร่างกายที่เราใช้มากเกินไป คือนอนน้อย และรับงานมากเกินไป

คุณแช่มเคยแย่งอะไรเราทานบ้างไหม?
นานา โฮไซนา : มีค่ะ คือเวลาพี่แช่มทานปลา แล้วแก้มปลาจะเป็นอะไรที่อร่อยที่สุด แต่ก่อนพี่เขาก็จะให้นานหรือไม่ก็ลูก แต่ตั้งแต่เริ่มเป็นไทรอยด์แก้มปลา ลูกกับภรรยาก็ไม่ได้กินอีกเลย พี่แช่มกินหมด (หัวเราะ) คือปกติพี่แช่มเป็นคนที่ทานอาหารช้ามาก และจะทานคำเล็กๆ แต่หลังๆ ทานข้าวเร็วมาก และเยอะมาก จนเราต้องบอกว่า พี่แช่ม ทานช้าๆ นะ นี่คือสาเหตุที่เราคิดว่าต้องมีอะไรที่เขาผิดปกติ

ขั้นตอนการรักษาเป็นอย่างไร?
แช่ม แช่มรัมย์ : คุณหมอบอกว่าผมโชคดีมากที่รู้ตัวเร็ว เพราะไทรอยด์ เป็นโรคที่แปลกมากๆ ตือคนไข้ต้องเป็นมากๆ แล้ว อย่างตาปูด คอพอก ถึงจะมาหาหมอ แต่ของผมถามว่าหนักไหม ก็หนัก เพราะหัวใจเต้นเร็ว แล้วเราก็มีอาการเหนี่อย แต่อาการอื่นไม่ค่อยออก อาการรวมๆ ของผมคือเหนื่อยเพราะพักผ่อนน้อย คุณหมอก็ให้ทานยา ซึ่งเราก็ทานยาตามที่คุณหมอสั่ง จะมีแค่ช่วงปีแรกๆ เท่านั้น ที่จะหงุดหงิดง่าย

จนต้องแอบขอยาระงับอารมณ์กับคุณหมอ?
นานา โฮไซนา : ถามว่าอาการแปรปรวนขนาดไหน เขาจะถอนหายใจบ่อย คือแต่ก่อนถ้าเราไม่เข้าใจอะไร เขาก็จะค่อยๆ อธิบายให้เราและลูกแต่ระยะหลังๆ ไม่ค่อยอธิบาย และเหมือนเขาหงุดหงิด เราก็พยายามเตือนกัน เราก็พยายามให้เขาพักงาน ซึ่งโชคดีที่เป็นช่วงโควิดพอดี เราก็จะให้เขานอนพักเยอะๆ แต่พยายามให้เขาเข้านอนเร็ว และจะช่วยกันกับลูกๆ คอยเทคแคร์ปะป๊า

ขั้นตอนการรักษาถึงไหนแล้ว?
แช่ม แช่มรัมย์ : โรคไทรอยด์จะแปลกอย่างหนึ่ง พอดีมีแฟนคลับที่มีความรู้ เขาก็เขียนอธิบายถึงโรคนี้ให้เรารับทราบ คือกล้ามเนื้อจะอักเสบง่าย เวลาเจ็บก็จะเจ็บนาน เราก็เริ่มต้องเริ่มออกกำลังกายจากท่าเบาๆ ก่อน ซึ่งผมเข้าใจว่าการกระโดดตบมันเบาสุดแล้ว เพราะแต่ก่อนเราไม่เป็นไร แต่ด้วยความที่น้ำหนักของเราลดลง 12 กิโล พอเรากินตอนนี้น้ำหนักพุ่งพรวดไป 73 กิโลด้วยความรวดเร็ว พอร่างกายเราอ้วนขึ้น เราก็โดดตบ ขาเราก็รับน้ำหนักไม่ได้ ขาก็เริ่มเจ็บ พอกระโดดปุ๊บก็ปวดขาทันที ตนนี้ผมก็พยายามเดินหรือวิ่งวันละ 4-5 กิโล ถามว่ามีสิทธิ์หายไหม คุณหมอบอกว่าหายได้ ตอนนี้ผมเริ่มห่างยาแล้ว เริ่มควบคุมอารมณ์ของตัวเอง และในวันหนึ่งนอนอย่างน้อยให้ได้วันละ 5 ชั่วโมง คือด้วยหน้าที่การงานของเรา

ทั้งคู่เจอกันได้อย่างไร?
นานา โฮไซนา : นานาไปดูคอนเสิร์ตพี่แช่มกับพี่สาวและคุณพ่อคุณแม่ ที่เดนมาร์ก คือพี่สาวนานาชอบพี่แช่ม เป็นแฟนคลับ ส่วนนานาไม่ได้เป็นแฟนคลับ และไม่เคยฟังเพลงพี่แช่มเลย คือพี่เขาชอบพี่แช่มมากๆ ชอบจนเรารู้สึกไม่ชอบ
แช่ม แช่มรัมย์ : คือที่บ้านนานาเขามีร้านอาหารไทยอยู่ที่สวีเดน ส่วนผมได้ไปเล่นคอนเสิร์ตที่เดนมาร์ก แล้วตอนนั้นเพลงของเราดังมาก บ้านเขาก็เลยปิดร้านไปดูคอนเสิร์ตของเรา

ตอนที่เจอพี่แช่มครั้งแรกรู้สึกอย่างไร?
นานา โฮไซนา : ยังจำได้ว่าวันนั้นพี่แช่มใส่กางเกงใหญ่ๆ แล้วก็ใส่ถุงมือที่ตัดนิ้ว เรารู้สึกตลกว่าไอดอลพี่สาวแต่งตัวตลกดีเนอะ แต่พี่สาวปลื้มมาก ตอนนั้นเราไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลย

แช่ม แช่มรัมย์ : ตอนแรกที่เจอเขาผมก็ไม่ได้ปิ๊งเขาเลย คือตอนที่เราไปเล่นคอนเสิร์ตที่โน่นมันต้องเล่นสองเบรก เขามาดูเราในเบรกแรก เราก็มาขอบคุณแขก แม่เขาก็มาแนะนำว่านี่ลูกสาวคนโต เขาชอบเรา ส่วนคนนี้น้องสาว คือตอนนั้นผมจำได้แค่นั้นจริงๆ เพราะหลังจากเล่นคอนเสิร์ตเสร็จวันรุ่งขึ้นผมก็เดินทางกลับไทยเลย

หลังจากนั้น 4-5 เดือน พี่สาวของภรรยาก็หาข้อมูลทราบว่าผมเกิดวันที่ 14 ก.พ. เขาก็เลยโทรมาอวยพรวันเกิดผมวันที่ 13 ก.พ. ซึ่งตอนนั้นผมกำลังจะขึ้นคอนเสิร์ต ก็รับสายแล้วพูดไม่ดี ประมาณว่ากำลังจะขึ้นคอนเสิร์ตแล้วก็วางสายไป พอหลังจากนั้นผมก็รู้สึกไม่ดี วันรุ่งขึ้นผมก็เลยโทรกลับตั้งใจจะไปขอโทษ ซึ่งพี่สาวภรรยาผมเขาก็ดีใจมาก พูดอะไรไม่ถูกเขาก็เลยส่งสายให้นานาคุยแทน หลังจากนั้นก็เลยโทรนัดกันว่า วันที่ 13 จะเป็นวันแฟนคลับ ซึ่งเราจะโทรหากันทุกวันที่ 13 ของเดือน

นานา โฮไซนา : คือเราได้คุยกับเขา เราไม่ได้รู้สึกอะไร คือมีความสุขมากกว่าที่เห็นพี่สาวมีความสุข เราก็ดีใจกับพี่ เพราะเขาชอบของเขามาก หลังๆ เริ่มคุยกับพี่แช่มถี่ เพราะทุกวันที่ 13 เราจะต้องเป็นคนรับสายให้พี่สาวก่อน เพราะพี่สาวจะเป็นลม แต่เริ่มผิดสังเกตตอนที่พี่แช่มโทรมามากกว่าวันที่ 13 แล้วโทรมาเป็นเวลาตี 3 เมืองไทย ซึ่งเป็นเวลาปิดร้านของเราพอดี คือที่สวีเดนเวลาตอนนั้นก็จะประมาณ 3 ทุ่ม แต่ที่เมืองไทยคือตี 3 เราก็งง ก็บอกเขาว่าพี่สาวไม่อยู่ เขาก็บอกว่าครับ ผมทราบครับ เราก็คุยๆ กัน ก็รู้สึกว่าเขาตลกดี

คือโทรไปเวลานั้นคือเริ่มจีบแล้วใช่ไหม?
แช่ม แช่มรัมย์ : คือผมบอกกับนานาเลยว่า เรามีแฟนคลับ เรามีแฟนเพลง เรามีผู้หญิงเยอะแยะมากมายที่อยู่ใกล้ตัวเรา ชอบเราและสนใจเรา แต่ผมรู้สึกเฉยๆ ไม่รู้สึกอยากเล่าอะไรให้ใครฟัง แต่กับผู้หญิงคนนี้ผมรู้สึกว่าอยากเล่า ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่มีเทคโนโลยีอะไร ไม่มีเฟซไทม์ ช่วงนั้นเราก็ซื้อการ์ดโทรศัพท์เพื่อโทรหาเขา ซื้อทีละพัน ซึ่งโทรได้ 10 นาทีก็หมดแล้ว พอหมดก็ซื้อใหม่ ซึ่งแต่ละครั้งที่โทรก็โทรคุยกันนานมาก เสียค่าโทรบางที 3-4 หมื่น ซึ่งทางบ้านเขาก็ทราบ ก็บอกว่าโทรหากันได้ไม่เป็นไร

จนหลังๆ ผมก็เริ่มหาข้อมูลว่าจะมีศิลปินนักร้องคนไหนจะไปสวีเดนบ้าง จนกระทั่งทราบว่าพี่อี๊ดและพี่เสก โลโซ จะไปสวีเดน ผมก็เลยเสนอตัว ไม่เอาตังค์ก็ได้ ขอไปสวีเดนด้วย แล้วผมก็บอกพี่อี๊ดว่าผมมีแฟนอยู่ที่นั่น ซึ่งพี่อี๊ดเขาก็ให้เราไป แต่พอไปแล้วปรากฏว่าเจ้าภาพเขาจำกัดที่ ไม่ให้เราเดินทางไปไหนมาไหนเอง เพราะเขากลัวเราหลงทาง พอไปถึงสวีเดน ปรากฏว่าผมต้องไปลงที่เมืองหลวงซึ่ง อยู่ห่างจากบ้านเขาประมาณ 800 กิโล ซึ่งทางบ้านเขาก็ไม่อนุญาตให้เขามาเจอผม ส่วนผมก็ไปหาเขาไม่ได้ เพราะเจ้าภาพไม่อนุญาตเหมือนกัน

นานา โฮไซนา : คือเราก็บอกพี่แช่มว่าคงไม่เจอกัน เพราะที่บ้านไม่ให้ไปแน่ๆ มันไกลมาก คือเราก็เห็นถึงความพยายามนะ แต่สุดท้ายปะป๊าก็ยอมให้ไปเพราะเขาเห็นเรา ปะป๊าก็สงสาร แต่บอกว่าให้ไปวันเดียวกลับ เราก็มองหน้ากับพี่สาวคือมันไกลไง พี่สาวก็บอกว่าไป เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อน วันนั้นก็ได้เจอกัน แต่พี่แช่มเขิน เขาก็เลยไปคุยกับพี่สาว ส่วนพี่สาวก็ตื่นเต้นมากจนจะเป็นลม เราก็เลยต้องดูแลพี่สาวอีกที คือตอนนั้นเราไม่ได้ชอบพี่แช่มที่หน้าตา แต่เราชอบเขาตรงที่ เราไม่เคยเจอใครที่กล้าเล่ามุมไม่ดีของตัวเอง ในมุมที่ตัวเองลำบาก ที่ผ่านมาเราก็จะเจอแต่คนพูดแต่สิ่งดีๆ ของตัวเอง ไม่เคยเจอแบบเขา

ครอบครัวภรรยานับถือศาสนาอิสลาม เจออุปสรรคอะไรบ้าง?
แช่ม แช่มรัมย์ : ปะป๊าบอกว่าทางบ้านนับถือมุสลิมนะ ถ้าจะรักกัน จะแต่งงาน ผมต้องไปศึกษาศาสนาให้ดี และถ้าเราตกลงจะเปลี่ยนศาสนา ท่านก็จะมารับเราเข้าศาสนา และต้องขริบก่อน ซึ่งปะป๊าก็บอกเราว่าเรื่องนี้ไม่ต้องกลัว เพราะปะป๊ามีคลินิกที่เชื่อถือได้ เขามียาชา เขาทันสมัย ทำ 2 อาทิตย์แผลก็หาย ผมก็โอเค

แต่ตอนไปทำถามว่าเจ็บไหม ผมไม่ได้รู้สึกเจ็บนะ แต่ตอนนั้นเราลุ้นไงว่าเขาทำอย่างไร ส่วนที่ปะป๊าบอกว่า 2 อาทิตย์หาย ปรากฏว่าใช้เวลา 2 เดือน ช่วงที่รอแผลหาย ที่บ้านนานาเขาก็เป็นห่วง ก็ให้เรามานอนที่คอนโดเขาได้ เพราะแต่ก่อนผมนอนที่บ้านพี่ไท ยังไม่มีบ้านของตัวเองเป็นหลักแหล่ง พอมานอนที่คอนโดเขา ทุกเช้าผมต้องตื่นขึ้นมานั่งทำแผลเองจนหายดี

สุดท้ายได้แต่งงาน ตอนนี้มีลูกด้วยกันกี่คน?
นานา โฮไซนา : มีลูก 2 คน คนโตเป็นผู้หญิง คนเล็กเป็นผู้ชาย

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2211711
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2211711