ขุนพลผู้บุกเบิกเพลงเพื่อชีวิต “ปู-พงษ์สิทธิ์ คำภีร์” เล่าต้องปรับเปลี่ยนตามยุค


ให้คะแนน


แชร์

เริ่มจาก…กการทำงานร่วมกับฟองเบียร์เป็นยังไงบ้าง “เชื่อมืออยู่แล้วครับ ตั้งแต่เห็นแล้วว่าใครแต่งเพลงนี้ แล้วก็ส่งมาให้เราทำดนตรีและร้อง เชื่อมืออยู่แล้วครับ ฟองเบียร์เขาประสบการณ์สูง แล้วก็ทำอะไรสำเร็จมาเยอะ ผมก็เลยมั่นใจว่าเพลงที่เขาแต่งมามันต้องดี”

ตอนที่ได้เนื้อร้องมา พี่ปูตีความเพลงนี้ว่าเป็นของใคร?

“มันกว้างมากเลยครับ อย่าง ณ นาทีนี้ เราก็จะมองแต่เรื่องโควิด ให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งก็ถูกแล้วครับ แต่ว่าในเพลงนี้ที่ฟองเบียร์แต่งมามันครอบคลุมทุกอย่างเลยครับ ทั้งครอบครัว คู่รัก เพื่อนร่วมงาน เพื่อน มันไปหมด”

คิดยังไงกับคำพูดที่ว่า ‘ไม่ว่าโลกนี้จะเปลี่ยนไปยังไง เพลง เพื่อชีวิตก็ยังเป็นอมตะ’?

“มันเป็นคำพูดที่ทำให้พวกเรามีกำลังใจ มันจะอมตะไหม อนาคตมันยาว มันอาจจะสั้นๆ ก็ได้ หรือมันอาจจะยาวไปอีกหลายชั่วคน เกิดขึ้นได้ทั้งสองอย่างครับ แต่คำพูดนี้ดีมากเลย มีกำลังใจ”

คนยกให้เราเป็นแรงบันดาลใจ ทั้งในด้านงานเพลงและการใช้ชีวิต?

“เรื่องงานเพลงนี่ผมรับนะ เห็นได้ชัด ไม่ได้ถ่อมตัวหรอก น้องๆในแวดวงต่างๆหลายคนก็ยึดถือประพฤติในงานตามที่เราประพฤติ แต่ว่าชีวิตส่วนตัวนี่ไม่แน่ใจ (หัวเราะ) พูดตรงๆ ผมก็ไม่ได้อยากโกหก เพราะชีวิตส่วนตัวผมก็ไม่ได้ขาวสะอาดอะไรขนาดนั้น เหมือนคนทั่วไป มีผิดพลาดบ้าง มีดีบ้าง มีเลวบ้าง ก็สลับกันไป แต่ว่าเรื่องงานผมมั่นใจว่าผมทำทุกอย่างตามมาตรฐาน เอาคุณภาพเป็นที่ตั้งครับ”

เป็นไอดอลของหลายๆคนเลย

“ปลื้มครับ (ยิ้ม) ปลื้มใจ มีความสุข บอกตรงๆว่าเหมือนมันต่อชีวิตเลยนะ ผมไม่ได้อยู่ในวัยหนุ่มฉกรรจ์แล้ว พูดจริงๆ ก็อยู่ในช่วงปลายอาชีพแล้ว ถ้ามีน้องๆมาชื่นชมชื่นชอบ มันก็ปลื้มเหมือนได้ต่อชีวิตเรา เห็นเขาร้องเพลงเรา เห็นเขาพูดถึงเรามันก็ปลื้ม”

คิดว่าเสน่ห์ของเพลงเพื่อชีวิตคืออะไร?

“ผมว่ามันเป็นเพลงที่เล่าเรื่องของยุคสมัย มันไม่ตกสมัย เพราะมันเล่าเรื่องของคนยุคนั้นๆ ผมเล่ามา 30 จะ 35 ปีแล้ว ทุกๆ 15 ปีมันจะมีเรื่องเล่าใหม่ๆ คนฟังก็เจเนอเรชันใหม่ ตอนนี้อาจจะเป็นรุ่นหลานเราแล้ว เขาก็ได้ฟังเรื่องเล่าใหม่ๆ ในยุคสมัยก่อนเขาก็เห็นอยู่ว่าเป็นแบบนี้ แต่เขาก็จะได้ย้อนกลับไปว่า เมื่อ 15 ปีที่แล้วมันมีเรื่องอะไร มันรับฟังได้ไม่เบื่อ หนังสือก็เหมือนกัน ที่บอกเล่าเรื่องตามยุคสมัย ไม่แพ้เพลง”

รูปแบบการฟังเพลงที่เปลี่ยนไปสู่โลกดิจิทัล ทำให้เราต้องปรับเปลี่ยนแปลงไหม หรือมีผลกระทบต่อการ ทำงานหรือการเขียนเพลงไหม?

“มีผลทุกอย่าง เพราะถ้าไม่ปรับตัวเราคงตกสมัย นึกถึงตอนที่มันเกิดขึ้นใหม่ๆ มันก็น่าตกใจ อยู่ๆเทปคาสเซตขายไม่ได้ ต้องเปลี่ยนมาเป็นซีดี ดำเนินมาหลายปีอยู่ๆซีดีตาย มันถูกเปลี่ยนแปลงมาเรื่อยๆ เราก็ต้องปรับตัวด้วยการรับฟัง และหาความรู้จากคนใหม่ๆที่เขาเกิดมาในยุคสมัยของเขา เช่นตอนนี้เราก็ต้องถามคนที่เขาเชี่ยวชาญเรื่องการเผยแพร่เพลงทางโซเชียลต่างๆ เราจะไปอวดนั่งคิดเองก็คงไม่ได้”

ในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า วงการเพลงเพื่อชีวิตจะเป็นอย่างไร?

“ระยะแค่ 10 ปีก็น่าจะยังเจ๋งอยู่ เพราะว่าผมยังมีชีวิตอยู่ (ยิ้ม) ยังแข็งแกร่งอยู่ หลังจากนั้นไม่รู้ (หัวเราะ)”

คิดว่าจะมีศิลปินเพื่อชีวิตรุ่น 4, 5, 6…ต่อๆไปไหม?

“อายุขนาดนี้ผมก็ยังเป็นน้องของพี่ๆเขานะ ขอพูดแทนพี่ๆด้วย เราหวังว่าวงการเพลงเพื่อชีวิตจะได้เจอกับคนใหม่ๆ ใหม่ในที่นี้คือใหม่กว่าผม แต่เรายังไม่เห็น แต่เราก็หวังว่าจะต้องเจอ เดี๋ยวเขาก็มา ทุกคนมีความหวัง ไม่มีใครอยากให้สิ่งที่พวกเราสร้างมาล้มหายตายจาก เราก็ยังมีความหวังว่าเราจะเจอกับคนใหม่ๆครับ”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2217615
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2217615