คิดถึงกันไหม? บอลลูน พินทุ์สุดา เน็ตไอดอลยุคบุกเบิก เผยเหตุผลที่หายจากวงการ


ให้คะแนน


แชร์

คิดถึงกันไหม? บอลลูน พินทุ์สุดา เน็ตไอดอลยุคบุกเบิก เผยเหตุผลที่หายจากวงการ พร้อมเปิดใจสิ่งที่อยากกลับไปแก้ไขในอดีต

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

ถ้าพูดถึง “ตำนานเน็ตไอดอล” หรือ “เน็ตไอดอลยุคบุกเบิก” แน่นอนต้องมีชื่อของดาราสาว บอลลูน พินทุ์สุดา ตันไพเราะห์ ผุดขึ้นมาในความทรงจำของใครหลายคน ภาพของสาวน้อยตาโตมาพร้อมกับลุกส์แบ๊วใสแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเซ็กซี่ ส่งผลให้กระแสความฮอตพุ่งปรี๊ดจนขึ้นปกนิตยสารวัยรุ่นในยุคนั้นหลายฉบับ

รวมไปถึงงานภาพยนตร์ มิวสิควิดีโอ และโฆษณา ที่มีเข้ามาไม่ขาดสาย แต่จู่ๆ ชื่อและผลงานของ สาวบอลลูน ก็ค่อยๆ หายไปจากวงการบันเทิง วันนี้ “ข่าวสดบันเทิงออนไลน์” มีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าตัวอีกครั้ง ถึงสาเหตุที่หายหน้าหายตาไปนาน รวมถึงสิ่งที่อยากกลับไปแก้ไขในอดีต และสถานะหัวใจว่ามีใครจับจองหรือยัง

ตำนานเน็ตไอดอล? “ดีใจนะคะที่ยังมีคนนึกถึงเราบ้าง เพราะว่าคำนี้มันก็ทำให้ยังมีคนพูดถึง ช่วงนั้นถ้าย้อนกลับไปก็คือปี 1999 ตอนนี้ปี 2021 แล้วเนอะ น่าจะ 20 กว่าปีค่ะ ถามถึงความดังในตอนนั้น จริงๆ มันไม่ได้ขนาดนั้น เหมือนกับประมาณว่าเวลาเราไปไหนก็จะมีคนจำได้และมาทักบ้าง”

สาวฮอตแห่งยุค? “ด้วยวัยตอนนั้นอายุประมาณ 15 อาจจะโตเร็วกว่าคนอื่น เลยมีคนโฟกัสไปบางจุดค่ะ แล้วมันน่าจะเป็นเหมือนวัยรุ่นมากกว่า ช่วงนั้นเหมือนจะมีนิตยสารวัยรุ่นหรือเว็บไซต์ ซึ่งน่าจะเป็นเฉพาะกลุ่ม อาจจะไม่ได้กว้างขนาดนั้น”

ข่าวแรงที่สุดที่เจอ? “มีพี่นักข่าวโทรมาหาเราว่า มีคนบอกว่าเราเสียชีวิตประสบอุบัติเหตุรถชนที่ จ.ลพบุรี ตอนนั้นก็ตกใจว่าคืออะไรอ่ะ พี่ที่โทรมาเขาก็ตกใจว่าทำไมเรารับโทรศัพท์ แล้วก็บอกว่าเนี่ยมันมีข่าววงในว่าเราเสียชีวิตแล้วที่ลพบุรีด้วยอุบัติเหตุรถชน เราก็บอกว่าไม่ใช่ เราไม่ได้ไปลพบุรี และไม่ได้มีอุบัติเหตุอะไร อันนี้คือแรงและตกใจที่อยู่ดีๆ มีคนคิดว่าเราตาย”

ย้อนกลับไปดูตัวเอง? “แต่ก่อนไม่รู้สึกว่าการเป็นที่สนใจจะทำให้เราโดดเด่นขึ้นมา ตอนนั้นก็แค่ว่าใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ถ้าย้อนกลับไปก็คงจะวางตัวหรือปฏิบัติอะไรที่ดีขึ้นกว่าที่แต่ก่อนเคยทำ ความที่ตอนนั้นเราอายุไม่เยอะ พอเข้ามาวงการทำให้เรายังไม่มีวุฒิภาวะพอที่จะรับผิดชอบอะไรหลายๆ อย่างที่ควรจะทำให้มันดีกว่าในตอนนั้นที่เราทำ ถ้าสมมติเราย้อนเวลาได้คงจะรู้สึกว่าการที่มีคนให้โอกาสเรามากกว่าที่คนอื่นได้รับ เราก็น่าจะทำให้เต็มที่หรือว่าดีกว่านี้ คือคิดแบบนี้มาตลอดจริงๆ”

ดังอยู่ดีๆ เงียบหายไปไหน? “ตอนนั้นก็จะมีถ่ายแบบและเล่นหนัง พอผ่านไปเรื่อยๆ ก็เริ่มซาลง แล้วก็หันกลับมาเรียนหนังสือให้จบ รวมถึงจัดการชีวิตตัวเองในทุกๆ เรื่อง แล้วก็เปิดบริษัทด้วย ช่วงนั้นก็เลยหายไปค่ะ ไม่เชิงหันหลังให้วงการบันเทิง ไม่ได้ขนาดนั้น เรียกว่าทำควบคู่กันไป”

“แต่ว่างานในวงการบันเทิงมันก็ไม่ได้เยอะเท่าเดิม เราก็เลยมาเปิดบริษัทเกี่ยวกับเบื้องหลังแทน ตอนนี้ที่เปิดก็เป็นบริษัทจัดทำอีเวนต์ ออร์แกไนเซอร์ ทำโปรดักชั่นเฮาส์ค่ะ ก็คือจะติดต่อพี่ๆ น้องๆ ในวงการบันเทิงตลอด ไม่ว่าจะพิธีกร แขกรับเชิญ หรือว่าทุกๆ อย่างในงานอีเวนต์ของเรา”

คิดถึงวงการบ้างไหม?คิดถึงมากๆ เลยนะคะเพราะรู้สึกว่าการทำเบื้องหลังยากกว่าเบื้องหน้ามากๆ อย่างแต่ก่อนที่เราอยู่เบื้องหน้า เราอาบน้ำสระผมจากบ้าน เดี๋ยวไปถึงหน้าเซ็ตก็มีคนมาแต่งหน้าให้ เสื้อผ้าบางทีเขาก็จัดให้ แต่ว่าการที่อยู่เบื้องหลังเราต้องคิดทุกอย่างเลย วุ่นวายกว่าเยอะมาก เลยทำให้เรารู้สึกว่า ณ ตอนนั้นที่เราอยู่เบื้องหน้าจริงๆ แล้วมันง่ายและสบายมากๆ แล้ว

ทุกวันนี้เริ่มกลับมารับงานเบื้องหน้าหรือยัง? “จริงๆ แล้วช่วงนี้อย่างมากก็แค่อัดรายการ แต่ยังไม่มีงานหนังหรือละคร หนังเรื่องล่าสุดที่เล่นไปก็คือเป็นอาอี๊แล้วอ่ะ(หัวเราะ) ถ้าเล่นอีกก็คงจะแบบจะเป็นอะไรเนี่ย เลยหยุดๆ เอาไว้บ้าง มันเหมือนกับว่าเราสุดๆ แล้วมั้งคะ พอถึงอายุหนึ่งที่เราทำงานในวงการบันเทิงแล้วมันแบบรู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว เราก็มาทำเบื้องหลัง”

“คือเหมือนกับบทที่เราได้รับแต่ก่อนเราเป็นนางเอกใช่ไหม ใสๆ แบ๊วๆ แต่พอหลังๆ มาก็คือเป็นอาอี๊ แล้วน้องๆ ที่มาเล่นเป็นพระเอกนางเอกอายุ 14-15 อะไรอย่างเนี้ย เราก็รู้สึกว่าโอ้โหๆ ห่างไกลกันมาก เลยคิดว่าถ้ามีบทที่ดีและเราสามารถที่จะเล่นได้ก็น่าสนใจ แต่ว่า ณ ก็ไม่ได้ไปอะไรกับเบื้องหน้ามาก เราก็ทำเบื้องหลังและบริษัทที่ทำอยู่ตอนนี้ให้ดีที่สุดก่อน”

ยุคนี้เน็ตไอดอลเกิดขึ้นง่ายมาก คิดเห็นอย่างไรบ้าง? “รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้เปิดกว้างมากขึ้น ทุกคนมีสื่ออยู่ในมือ ไม่ว่าจะเป็นอินสตาแกรมหรือเฟซบุ๊กเราก็สามารถโพสต์หรือว่าพรีเซนต์ตัวเองลงไปในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กที่คนอื่นสามารถเข้ามาดูเราได้ คือมันก็ตามยุคตามสมัยอ่ะเนอะ”

“แต่ก่อนเราต้องไปถ่ายแบบ คนถึงเอารูปเรามาโพสต์ลงในเว็บไซต์อินเตอร์เน็ตต่างๆ แต่ว่าตอนนี้ก็ง่ายขึ้นในการพรีเซนต์ตัวเอง แล้วงานเดี๋ยวนี้แค่รีวิวสินค้าก็ได้เงินแล้ว ทุกอย่างมันง่ายขึ้นมาก เรียกว่ามันก็เป็นยุคสมัยที่เปลี่ยนไปก็ดีนะคะ”

“หรืออย่างแต่ก่อนการถ่ายบิกินีหรือว่าชุดว่ายน้ำเป็นอะไรที่แบบฮือฮามาก ตอนนั้นที่หนูถ่ายแบบปี 1999 การใส่สายเดี่ยวกับกางเกงขาสั้นเนี่ยคือเป็นอะไรที่สุดยอดแล้ว โอ้โห! ทำไมกล้าถ่ายแบบนี้ แล้วพอมาถ่ายเป็นชุดว่ายน้ำก็ยิ่งโอ้โห! แต่เดี๋ยวนี้คือทุกคนก็โพสต์ลงในไอจีตัวเอง คือเป็นเรื่องธรรมดาอ่ะค่ะ เหมือนสังคมเปิดกว้างมากขึ้น”

จินตนาการว่าถ้าตัวเองมาเป็นเน็ตไอดอลในยุคนี้ล่ะ? “สู้ไม่ได้เลยจริงๆ คือรู้สึกว่าแบบโห! แล้วเดี๋ยวนี้คือรีทัชกันได้ง่ายมากเลย การที่เราจะโพสต์รูปหนึ่งบางทีไม่ต้องแต่งหน้าไม่ต้องมีอะไรมากก็คือหน้าโล้นๆ ได้ แล้วเดี๋ยวเราก็รีทัชเอา เดี๋ยวนี้มันง่ายขึ้นเยอะเลยค่ะ แต่มันก็ตามยุคตามสมัยอ่ะเนอะ เขาจะว่าเราโบราณไหมเนี่ยพูดแบบนี้(หัวเราะ)”

เวลาผ่านมานานแค่ไหน แต่ความเซ็กซี่ยังยืนหนึ่ง?จริงเหรอ แต่หนูก็ถ่ายเท่าที่ไหว บางทีก็อยากถ่ายเยอะเหมือนที่คนอื่นถ่ายกัน เห็นแบบใส่ชุดเว้าสูงๆ ก็อยากลองบ้าง แต่ก็ยังไม่กล้าค่ะ ส่วนตัวดีใจที่คนชื่นชอบ รู้สึกว่าถึงแม้เดี๋ยวนี้จะมีคนโพสต์รูปใส่ชุดว่ายน้ำเยอะ แต่พอเราโพสต์บ้างก็มีคนพูดถึงบ้าง รู้สึกว่าโอเคเพราะอายุเราก็มากกว่าคนอื่น แสดงว่ายังพอไปได้”

เคล็ดลับดูแลรูปร่าง? “ไม่ค่อยได้ดูแลอะไรเลยนะคะ จริงๆ เป็นคนที่ไม่ชอบออกกำลังกาย แล้วก็บวกกับที่สุขภาพไม่ค่อยดีด้วยเลยยิ่งไม่ค่อยชอบออกกำลังกายเลย คือถ้าเริ่มรู้สึกว่าน้ำหนักขึ้นแล้วก็แค่ไม่ทานข้าวแค่นั้นเองค่ะ”

อัพเดตชีวิตช่วงนี้ทำอะไรอยู่? “ช่วงนี้โอเคขึ้นนะคะกับงานที่ทำอยู่ บริษัทที่เปิดก็ทำพวกออร์แกไนซ์ ตอนนี้ก็มีออนไลน์ที่แบบจัดได้บ้าง แล้วก็มีพวกงานโปรดักชั่นเฮาส์เริ่มเข้ามา เดี๋ยวนี้คือเขาต้องทำเป็นออนไลน์มากกว่าก็เริ่มปรับเปลี่ยนชีวิตตัวเอง รวมถึงน้องๆ ที่บริษัทก็เริ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานใหม่”

ได้รับผลกระทบจากโควิดเยอะไหม? “เยอะมากค่ะ คือบริษัทหนูโดนเจ้าแรกๆ เลย โดนตั้งแต่ก.พ.ปี63 คนอื่นที่เขากระทบหนักๆ ประมาณเดือนเม.ย. พ.ค. แต่ของหนูช่วงเดือนก.พ.และมี.ค. งานที่เข้ามาช่วงก่อนน่าจะมีโควิดคือเยอะมาก แต่กลายเป็นเริ่มแบบขอดูสถานการณ์ก่อน แล้วยิ่งเป็นงานของธนาคารหรือว่าองค์กรใหญ่ๆ ที่เขาต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เลยทำให้งานลดลงไปเรื่อยๆ ค่ะ”

“บางงานคือไปถึงแล้วที่ต่างจังหวัดด้วย จัดทุกอย่างเรียบร้อย แต่ต้องแคนเซิลก็มีนะคะ คือแบบหนักเหมือนกัน ไหนจะน้องๆ ที่ออฟฟิศที่เราจะต้องดูแลเขาอีกกับการที่จะต้องจ่ายเงินเดือนเขา แต่ว่างานไม่มี มันก็หนักค่ะ รอดมาได้นี่คือดีมาก”

สถานะหัวใจเป็นยังไงบ้าง?โสดมากเลยค่ะ นิ่งอ่ะ มันถึงวัยที่ไม่ต้องคาดหวังแล้ว คือไม่รู้จะไปรู้จักใครยังไงอ่ะ ออกไปไหนก็ไม่ได้ หนูก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนอื่นเขารู้จักกันยังไง ออกไปไหนไม่ได้ เจอผู้คนไม่ได้ แล้วจะไปรู้จักเขาในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กที่เขาอินบ็อกซ์มาแล้วเราไปตอบเขาแล้วก็แบบมาคุยกันอย่างนี้เหรอ มันก็แปลกใช่ไหม เลยไม่ได้รู้จักใครใหม่ๆ เลย จากโสดอยู่แล้วก็ยิ่งสนิทกว่าเดิม

สเป๊กหนุ่ม? “คือจริงๆ ไม่มีสเป๊กแล้วนะคะ แต่ก่อนก็คือยังจะมีสเป๊กว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วพอเรามีสเป๊กตั้งไว้มันก็ยิ่งหายาก ตอนนี้ไม่มีเลยค่ะ เอาแค่ว่าเข้ากันได้ ยอมรับในข้อดีข้อเสียของกันและกันได้ แล้วก็อยู่ด้วยกันได้แค่นั้นเลย”

มีความคิดอยากแต่งงานไหม? “คือมันจะมีช่วงหนึ่งของชีวิตที่แบบเฮ้ย! เพื่อนๆ ไปกันหมดแล้วนะ น้องชายนี่คือมีลูกแล้ว ตอนนี้หลานอายุสามสี่ขวบแล้ว เราก็เริ่มดูตัวเองว่าจะยังไงดี แต่ก็เฉยๆ ไม่ได้คาดหวังอะไร อยู่แบบนี้ได้ แล้วก็รู้สึกว่าเราก็ดูแลตัวเองได้ไม่ได้จะต้องหาใครเพื่อมาดูแลเรา เลยไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องนี้ค่ะ”

ฝากถึงแฟนๆ? “ขอบคุณทุกคนมากๆ เลยที่ยังนึกถึงเราบ้าง ขอให้นึกถึงกันไปเรื่อยๆ ค่ะ แล้วก็แก่ไปด้วยกันนะคะ”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6690303
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6690303