‘มิน’ชีวิตจริงอย่างแซ่บ ฉีกลุกส์สาวใช้-สวยแบบตัวเอง


ให้คะแนน


แชร์

‘มิน’ชีวิตจริงอย่างแซ่บ ฉีกลุกส์สาวใช้-สวยแบบตัวเอง – แจ้งเกิดจากบทคนใช้ ‘ไข่ตุ้ม’ หรือ ‘ละม่อม’ ในละคร “ทองเนื้อเก้า” ปี 2556 และผูกขาดบทคนใช้จนกลายเป็นภาพจำของแฟนๆ แต่ชีวิตจริงของนักแสดงสาววัย 33 ปี ‘มิน’ รตวรรณ ออมไธสง สุดแสนจะแซ่บซี้ด

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

โดยวันนี้สาวมินได้เปิดใจถึงที่มาของความแซ่บ รวมถึงแง่คิดในการสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง พร้อมแจงสถานะหัวใจ

ย้อนเล่าบทบาท ‘ไข่ตุ้ม’ ที่แจ้งเกิด?

มิน – “มินได้เล่นละคร ทองเนื้อเก้า เพราะรุ่นพี่ที่มหา’ลัยให้ไปแคสต์ จริงๆ เขาจะเล่นเอง แต่เขาดัดฟัน พอไปแคสต์ก็ได้เล่น ตอนนั้นอยากเล่นมากเพราะ พี่นุ่น วรนุช ย้ายมาช่อง 3 ครั้งแรก แล้วก็ดูลำยองมาตั้งแต่เด็ก ประจวบเหมาะกับละครออนแอร์แล้วดัง อยู่ดีๆ บทนี้คนก็ติดตามว่าใครจะมาช่วยน้องวันเฉลิม มินเลยเหมือนได้อานิสงส์ คนเลยรู้จักเรียกชื่อติดหูว่า ‘ไข่ตุ้ม ไข่ตุ้ม’ ตอนนั้นไม่มีใครรู้เลยว่ามินชื่อมิน ทุกคนจะเรียกไข่ตุ้ม”

วงการคนใช้เข้าแล้วออกยาก?

มิน – “จริงๆ ทองเนื้อเก้าเป็นละครเรื่องที่ 10 ของมิน มินเล่นละครมาตั้งแต่อายุ 20 มินเรียนคณะศิลปกรรม เอกการแสดงและกำกับการแสดงที่ มศว เลยมีรุ่นพี่ที่อยู่ในวงการชวนไปแคสต์โน่นนี่ ซึ่งทั้ง 9 เรื่องที่ผ่านมาก็เล่นเป็นคนใช้มาตลอด”

“คำว่าวงการคนใช้เข้าแล้วออกยาก ก็จริงนะ แต่ถ้าอยากออกก็ออกได้ แต่ไม่รู้จะออกไปทำไม (หัวเราะ) มิน รู้สึกว่าบทนี้พอใครคิดถึงคนใช้ก็ต้องคิดถึงมินอ่ะ เป็นงานอย่างหนึ่งที่ทำแล้วแฮปปี้ เลยรู้สึกไม่มีความจำเป็นต้องออก บางคนอาจจะรู้สึกว่าเล่นเป็นคนใช้ดูไม่สวย อยากเล่นบทอื่นที่พัฒนาขึ้น แต่สำหรับมินไม่ได้คิดว่าคนใช้เป็นบทที่แย่ เพราะแต่ละเรื่องก็ไม่เหมือนกัน บางเรื่องบางทีเด่นกว่านางเอกก็มี”

ในจอเป็นคนใช้บ้านๆ แต่นอกจออย่างแซ่บ?

มิน – “ตอนแรกๆ ก็เป็นเด็กบ้านนอกทั่วไปนี่แหละ แต่มันค่อยๆ ปรับ พอมาอยู่กรุงเทพฯ เข้ามาอยู่ในคณะที่ส่วนใหญ่มีแต่ดารา เห็นรุ่นพี่แต่งตัว เราก็มีการดูแลตัวเองมากขึ้น แต่ตอนนั้น มินยังไม่ได้เป็นคนมีความมั่นใจแบบนี้นะคะ มันค่อยๆ พัฒนามาเรื่อยๆ”

“แต่ก่อนมินก็อยู่ในสังคมที่เขาพูดว่าเป็นคนขาวสิคนผอมสิถึงจะเรียกว่าเป็นคนสวย ต้องหน้าเล็กๆ หน้ารูปไข่ถึงจะสวย แต่เราไม่เคยมีความคิดอยากเป็นแบบนั้น ไม่เคยอยากทำศัลยกรรม บวกกับคนรอบข้างไม่เคยมีใครมาบูลลี่ เพราะทุกคนยอมรับในความสามารถของเรามากกว่า”

จุดเปลี่ยนสำคัญ?

มิน – “มินได้มาเจอสังคมที่เรียกว่าสายฝอ สายฝอส่วนใหญ่ที่คนไทยใช้กันเหมือนเกี่ยวกับเรื่องแฟนอย่างเดียวใช่ไหมคะ แต่จริงๆ ไม่เชิงซะทีเดียว มินมีโอกาสบินไปหาเพื่อนและไปเที่ยว ไปเจอสังคมที่เป็นทางนั้น แล้วเขาไม่เคยพูดถึงเราในแง่ไม่ดี บวกกับมินเจอแฟนด้วย ทำให้เราเห็นว่าฝรั่งเขาใส่ชุดว่ายน้ำเล่นน้ำ เขาเลยเรียกว่าชุดว่ายน้ำไง มินก็เลยใส่ชุดว่ายน้ำเล่นน้ำบ้าง”

“ตอนแรกก็ไม่มั่นใจที่จะใส่เพราะรู้สึกมันโป๊ ไม่เกี่ยวกับรูปร่าง นะคะ แต่ไม่มั่นใจเพราะมันโป๊ ทีนี้แฟนเก่ามินก็เลยพูดว่าจริงๆ มันไม่ได้โป๊ ถ้าเราใส่แล้วรู้สึกสวยและมั่นใจก็ใส่ อีกอย่างพ่อแม่ต้องภูมิใจนะที่ลูกสวย คือเขาก็มีวิธีการพูดให้รู้สึกว่าไม่โป๊ เราใส่ถูกกาลเทศะ คือทัศนคติทุกอย่างมันค่อยๆ เปลี่ยน แล้วมันถึงเกิดความมั่นใจขึ้นมาทีหลัง”

ฟีดแบ็ก?

มิน – “มินไม่เคยถูกบูลลี่ในวงการเลย ยิ่งมาใส่ชุดว่ายน้ำก็นึกว่าตัวเองจะถูกบูลลี่ แต่เปล่าเลย พอมีข่าวออกมามินกลับเป็นแรงบันดาลใจให้หลายๆ คนด้วยซ้ำ”

เซ็กซี่ขึ้นเรื่อยๆ?

มิน – “จากที่ใส่ตอนแรกอาจจะไม่เซ็กซี่มาก เป็นชุดว่ายน้ำแบบชุดว่ายน้ำ แต่พอสักพักเริ่มมั่นใจก็จะใส่ชุดว่ายน้ำแบบเซ็กซี่ แน่นอนมีคนมองอยู่แล้ว สมมติเราใส่เดินที่ทะเลก็จะมีสายตาคนที่มองว่า…ก็ไม่ได้หุ่นดีนะหนู ทำไมกล้า แต่เราก็ช่างเขา พอหลังๆ มินดูแลตัวเองมากขึ้น ออกกำลังกาย ทานอาหารที่ดี ก็กลายเป็นหุ่นที่สุขภาพดีไป คือเราไม่ได้คิดอยากผอม แค่รู้สึกอยากใส่ชุดว่ายน้ำแล้วดูสวยขึ้น ไม่ปลิ้นหรือเผละ แต่ ไม่ได้คิดจากคนรอบข้างนะคะ มินคิดจาก ตัวเอง”

เคารพร่างกายตัวเอง?

มิน – “มินโชคดีที่คนรอบข้างไม่เคยพูดอะไรไม่ดี ทำให้เรารู้สึกว่าไม่ได้มีปมด้อย อยากบอกว่าคนรอบข้างก็สำคัญที่จะสร้างความมั่นใจ เราไม่จำเป็นจะต้องสร้างบรรทัดฐานที่บอกว่าการไม่สวยคืออะไรให้กับคนอื่น เพราะทุกคนมีความสวยเป็นของตัวเอง เราต้องเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเรื่องที่แปลก เช่นมีรอยแตกที่ข้างขา หรือรักแร้ดำ มินเคยโดนบูลลี่เรื่องรักแร้ดำ แต่มินก็บอกว่าตัวมินดำขนาดนี้รักแร้จะขาวได้ยังไง คิดจากหลักความเป็นจริงเลย ถ้ารักแร้ขาวนั่นแหละแปลก (หัวเราะ)”

อัพเดตหัวใจ?

มิน – “มีเพื่อนคุยค่ะ อันนี้ไม่ได้ตอบแบบสวยนะ เพราะมันยัง ไม่ได้คบ ก็เปิดโอกาสคุยไปค่ะ สรุปยังไม่มีแฟน แต่ก็มีเพื่อน (หัวเราะ) ส่วนสเป๊กที่ชอบ ถ้าคุยในเชิงพัฒนามินชอบคนต่างชาติ เพิ่งมาชอบคนต่างชาติเมื่อ 5 ปีที่แล้วเอง ก่อนหน้านั้นชอบคนไทย มาตลอดแต่พอเจอคนต่างชาติได้เห็นทัศนคติอะไรต่างๆ รู้สึกมันคลิกกับตัวเรามากกว่าค่ะ”

จิรณัฏฐ์ จงประสพมงคล

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6694959
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6694959