เห็นมากับตา พี สะเดิด เผยบั้งไฟพญานาคริมโขง โผล่ต่อหน้าต่อตา บ่อน้ำเล็กก็มี


ให้คะแนน


แชร์

หายสงสัยเห็นมากับตาแล้ว พี สะเดิด เผยประสบการณ์อัศจรรย์ใจ บั้งไฟพญานาคริมโขง โผล่ต่อหน้าต่อตา บ่อน้ำเล็กก็มี ไม่เชื่อมีคนทำขึ้น

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

นักร้องลูกทุ่งเพื่อชีวิตชื่อดัง พี สะเดิด เปิดใจกับ ข่าวสดบันเทิงออนไลน์ ถึงความเชื่อเรื่องบั้งไฟพญานาคในวันออกพรรษา เห็นมากับตาตัวเองมีลูกไฟโผล่มาจากแม่น้ำโขงจริง เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์ใจ และยังเห็นโผล่ในบ่อน้ำเล็กๆ หลังเวทีคอนเสิร์ต

มุมมองความเชื่อเรื่องบั้งไฟพญานาค? “ขอพูดถึงในมุมมองของผมแล้วกันเพราะว่าเรื่องของความเชื่อมันก็แล้วแต่คน มันเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ส่วนตัวผมมองว่าทุกอย่างมันเป็นไปได้หมดถ้าพูดถึงเรื่องความเชื่อไม่ว่าจะเชื่อเรื่องพญานาคหรือเชื่อเรื่องอะไรก็แล้วแต่มันก็คือเรื่องของความเชื่อ เราก็จะไม่ก้าวก่ายความเชื่อของกันและกัน”

ประสบการณ์เคยไปดูบั้งไฟพญานาคริมแม่น้ำโขง เป็นอย่างไร? “จริงๆ ก็สงสัยนะ ผมก็ไปดู ไปมาเป็น 20 กว่าปีแล้ว ทั้งไปนั่งดูกับชาวบ้านวันออกพรรษามันเป็นเทศกาลที่ทุกคนได้ไปนั่งริมโขงและมันก็ตื่นตาตื่นใจกับผู้คน ผมก็เห็นลูกไฟขึ้นจากผิวน้ำนะครับ มันก็ขึ้นจริงของมัน มันเป็นลูกไฟที่มหัศจรรย์เป็นปรากฎการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจอยู่เหมือนกัน และส่วนประสบการณ์ของผมจริงๆ ที่ไม่เกี่ยวกับที่ไปนั่งดูริมโขงกับชาวบ้านเขาเลย ก็คือมีอยู่ครั้งสองครั้งที่ผมไปเล่นคอนเสิร์ตที่นั่น วันนั้นทีมงานนักดนตรีไม่มีเวลาไปดูเพราะรถมันติดมากทุกคนต้องเตรียมตัวขึ้นเวทีและห่างจากริมโขงประมาณกิโลสองกิโล ทุกคนก็ขอพรกันยกมือใส่หัว ทุกคนต้องไหว้ครูก่อนขึ้นเวที จะมีบุญไหม ขอให้ได้เห็นลูกไฟ เชื่อไหมว่าก่อนขึ้นเวที ลูกไฟขึ้นตรงป่าธูปเป็นบ่อน้ำเล็กๆ ตรงนั้นขึ้น 4 ลูก มันก็เป็นปรากฏการณ์ที่อัศจรรย์ที่เกิดขึ้นก็มีลูกไฟขึ้นสูงขึ้นหลังเวที และชาวบ้านที่อยู่หน้าเวทีซึ่งเราก็ไม่เห็นผู้คนเพราะมันมีอะไรกั้นเวทีกับผู้คน ทุกคนก็เฮกับลูกไฟ ซึ่งมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในแม่น้ำโขง ก็เห็นเกิดขึ้นหลังเวทีตรงป่าธูปตรงบ่อน้ำเล็กๆ ทุกคนก็เห็นกันหมด ผมก็เลยไม่สงสัย

และมีอีกครั้งหนึ่งมันจะมีออกพรรษาสองหนไม่รู้กี่ปีมันจะมาบรรจบ ออกพรรษาสองหนก็คือออกพรรษาฝั่งไทยและออกพรรษาฝั่งลาว ปีนั้นผมก็กลับไปที่นั่นไปดูริมแม่น้ำโขงกับประชาชนมันไม่ขึ้นเลย ขึ้นแต่เราไม่เห็น พอวันถัดมาก็เลยไปกินข้าวริมแม่น้ำโขงในรีสอร์ตเล็กๆ เป็นร้านอาหารเล็กๆ ริมน้ำร้านหนึ่ง ช่วงหัวค่ำเราก็พูดขอกันว่า แปดสองหนออกพรรษาฝั่งลาวแต่เราอยู่ฝั่งไทย พูดขอกันว่าจะมีโอกาสเห็นไหมปีนี้ ผ่านไป 10 นาที ลูกไฟก็ขึ้นจากตรงหน้านั้นประมาณ 3 เมตร ขึ้น 3 ลูกไฟขึ้นมา เราก็รู้สึกว่ามันมีอยู่จริง ตอนนั้นฟ้ายังสลัวๆ ยังไม่ได้มืดก็ขึ้นให้เห็นตรงนั้นเลย มันก็เป็นคำตอบในใจเราว่ามันคือลูกไฟที่เป็นปรากฏการณ์ซึ่งเราก็ไม่ได้มีวิดีโอถ่ายไว้ เราก็ไม่คิดว่ามันจะขึ้น แต่คนที่เห็นด้วยก็มีเพื่อนๆ พี่น้องที่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยกัน”

เชื่อว่าบั้งไฟพญานาคเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มีอยู่จริง? “ผมมองว่ามันมีอยู่จริง แต่ลูกไฟนั้นจะเป็นลูกไฟอะไรเราไม่รู้หรอก แต่ทำไมมันต้องเกิดขึ้นเฉพาะวันออกพรรษา”

จากที่มีคนร้องเรียนว่าเป็นการยิงปืนขึ้นฟ้าจากอีกฝั่ง หรือมีคนมองว่ามีคนทำลูกไฟขึ้นมา เพื่อเป็นจุดขายการท่องเที่ยวช่วงออกพรรษา? “ถ้าในมุมมองส่วนตัวผมไม่เคยเห็นคนยิงปืน แต่คนที่บอกว่าเห็นคนยิงปืนเขาอาจจะไปเห็นมาก็ได้ผมก็ไม่รู้ แต่ในความเชื่้อของผม ผมเห็นกับตาอธิบายได้ว่ามันขึ้นจากผิวน้ำยังไง มันก็ไม่มีเรือ น้ำก็อยู่ต่อหน้าเราแล้วมันก็ผุดขึ้นมาตรงนั้น ใครจะมายิงปืนตรงนั้นใช่ไหมครับ มันก็พูดไม่ได้ ส่วนคนที่จะยืงปืนขึ้นมาก็อาจจะมีจริงก็ได้แต่ปืนก็คือปืน ส่วนลูกไฟก็คือลูกไฟ มันก็คนละอย่างกันอยู่แล้ว ลูกไฟมันไม่มีเสียง มันแค่ผลุบขึ้นมาเป็นสีแดงสีชมพูเหมือนสีเหลือบผุดขึ้นมาเฉยๆ มันเป็นลูกไฟกลมๆ ขึ้นมา แต่ถ้าเป็นบั้งไฟหรือเป็นไฟที่สร้างขึ้นมาหรือเป็นปืนมันก็จะมีหางไฟ แต่ที่ผมเห็นมันไม่มีหาง ไม่มีประกายไฟ มันเป็นแค่ดวงไฟที่ผุดขึ้นมาต่อหน้าต่อตาไม่น่าจะเกิน 3-10 เมตร มันใกล้มันริมโขงที่มองลงไปก็ขึ้นมาเลยครับ”

มองว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนอยู่ใต้น้ำแล้วทำดวงไฟขึ้นมาได้เอง? “ไม่ได้ ถ้าเอาที่ผมได้เห็นมาคงไม่มีใครกล้าลงไป เพราะน้ำโขงมันลึกนะ ส่วนใครจะพิสูจน์ถ้ามองเป็นแบบนั้นผมก็ไม่เคยเห็นก็ไม่รู้ว่าจะอ้างอิงตรงไหน แต่เท่าที่ประสบการณ์ที่เห็น เป็นดวงไฟขึ้นมาจากผิวน้ำ”

ความเชื่อเรื่องบั้งไฟพญานาคของชาวพุทธจากที่ศึกษาและปฏิบัติมา? “บั้งไฟพญานาคก็เคยได้ยินมา 20 กว่าปี คนแก่แถวนั้นเท่าที่ผมเคยได้คุย เขามีความเชื่ออยู่แล้วว่าเป็นไฟอะไรบางอย่างที่ผุดขึ้นมาจากแม่น้ำโขง ถ้าตามพระไตรปิฎกจริงๆ ผมเชื่อพระพุทธเจ้า ในพระพุทธเจ้าก็มีพญามุจลินท์ที่มาแผ่พังพานไม่ให้พระพุทธเจ้าโดนเหลือบริ้นไรไม่ให้มีอะไรมาต้องพระวรกายท่าน 7 วัน 7 คืนที่ท่านภาวนา มันก็มีอยู่จริงในพระไตรปิฎก แล้วมันก็มีเรื่องราวอยู่จริงที่พญานาคไม่สามารถบวชได้ เขาก็ปวารณาตนว่าเขาจะปกปักรักษาพระพุทธศาสนาจนเขาได้มีโอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์ เพราะคนที่บวชได้คือภพภูมิของมนุษย์ที่บวชได้ ทุกคนอยากเกิดมาเป็นมนุษย์เพื่อที่จะบวช ถ้าเราเชื่อเรื่องพระพุทธเจ้า พญานาคก็ไม่ใช่สิ่งไกลตัวที่เราจะเชื่อได้ เพราะมันอยู่ในพระไตรปิฎก

ส่วนไฟพญานาค บั้งไฟพญานาคที่ว่าถ้าถามชาวบ้านแถวนั้นริมโขง ไม่ใช่แค่อำเภอโพนพิสัย ไม่ว่าจะเป็นรัตนวาปีหรือคนที่เขาอยู่บ้านลึกๆ ไม่ได้ติดริมโขง เขาก็เห็นดวงไฟนี้จากท้องไร่ท้องนาหรือจากบ่อเยอะแยะไปที่เขาเล่าๆ กันมา เขาก็เชื่อว่าในวันออกพรรษามันเป็นไฟที่พญานาคจุดขึ้นมาเพื่อบูชาพระพุทธเจ้า ซึ่งตามพระไตรปิฎกมันมีอยู่ครั้งหนึ่งที่พระพุทธเจ้าขึ้นไปบนสวรรค์เพื่อที่จะไปโปรดมารดาท่าน แล้วท่านก็ลงมา สามโลกก็เปิดเพื่อที่จะมาแซ่ซ้องมาต้อนรับท่านมันก็เป็นสิ่งเดียวกันว่า ออกพรรษากับสิ่งที่ชาวบ้านคนแก่คนเฒ่าเขาเล่ากันมาเขาเชื่อเรื่องนี้ว่า พญานาคจุดไฟเพื่อจะฉลองมาต้อนรับพระพุทธเจ้า”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6699834
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6699834