เต๋อ ฉันทวิชช์ เคยฝันอยากเป็นหมอ หนังพลิกชีวิต นักเขียนบทสู่พระเอกร้อยล้าน


ให้คะแนน


แชร์

แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อเขาได้เข้าโรงภาพยนตร์ชมหนังเรื่อง Braveheart (1995) เขาพูดเลยว่ามันคือภาพยนตร์ที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล

“หนังเรื่อง Braveheart (วีรบุรุษหัวใจมหากาฬ) มันปลุกไฟในตัวผมมาก รู้สึกว่ามันเป็นหนังแอ็กชัน แต่เหมือนเขาเอามาหลอกเรา จริงๆ แล้วมันคือหนังดราม่าและให้ Inspiration มากๆ

และผมทึ่งยิ่งกว่าตรงที่ พระเอกเรื่องนี้ Mel Gibson เป็นคนกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้เองด้วย ผมเลยเกิดความรู้สึกแบบนี้ ผมอยากสร้างหนัง ผมอยากจะทำแบบนี้ เอามาฉายในโรงภาพยนตร์แล้วทำให้คนรู้สึกแบบนี้ มันมีไฟมากเลย จนทำให้ผมจากที่เรียนสายวิทย์มาตลอด ผมเปลี่ยนเลย ไปเรียนภาพยนตร์แทน ผมเลยไปเอ็นทรานซ์เข้าคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จุดเริ่มต้นมาจากหนังเรื่องนี้เลย”

พอเรียนจบเต๋อก็ได้ร่วมเขียนบทกับเพื่อนๆ จนกลายเป็นอีกจุดเริ่มต้นชีวิตในวงการบันเทิงของเขาตั้งแต่ตอนนั้นมา แต่ใช่ว่าการเป็นนักแสดงจะเริ่มต้นที่บทพระเอก เขาเองก็เคยเป็นตัวประกอบ ปรากฏตัวแค่ไม่กี่วินาที 

“เรื่องแรกที่ผมไปเป็นตัวเอ็กซ์ตร้าแล้วคนจำได้คือเรื่อง สายลับจับบ้านเล็ก ตอนนั้นผมเป็นคนส่งพิซซ่า คนก็เริ่มเห็นว่าผมแสดงได้นะ ผมมาถึงเรื่อง ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น พี่ย้งเขาหาตัวละครที่ชื่อ เหิน ก็หาคนอยู่นานแต่ไม่ได้สักที ในวันที่ผมไปออฟฟิศเอาบทไปซีร็อกซ์แล้วไปเจอพี่ย้ง เขาเลยให้ผมไปลองแคสต์ตัวละครนี้ดู ปรากฏว่าได้เล่น เลยเป็นเส้นทางที่เป็นนักแสดงควบคู่กับการเขียนบท นับแต่นั้นมา”

นักเขียนบท

พลิกผันเป็นนักแสดง

เต๋อเองก็ยอมรับว่าการเขียนบท เครียดกับบทที่ต้องทำออกมาให้ดีที่สุด จะใช้เวลาหรือไปพักสมองหาข้อมูลเพื่อสร้างสรรค์ผลงานออกมา แต่การเป็นนักแสดง ต้องถ่ายทอดอารมณ์การเป็นตัวละครให้ออกมาเป็นธรรมชาติ ทั้งที่มีกล้องถ่ายหน้าอยู่ มีทีมงานรอคอยการทำงานของเราอยู่อีก 20 ชีวิต 

“แรกๆ ผมมีปัญหากับการแสดงอยู่ ยกตัวอย่างเรื่อง ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น ฉากนั้นผมต้องโบกมืออำลาแฟนผมในเรื่อง แล้วรถไฟจะวิ่งผ่าน ตัวละครในเรื่องก็คาดหวังในแฟนสาวลงจากรถไฟมา แต่สุดท้ายเขาไม่ลง เป็นเหมือนฉากจบของหนังเรื่องนี้ด้วย

ในการถ่ายทำจริงคือ รถไฟมันวิ่งจริงไม่ได้ ต้องใช้ทีมงานทุกคนยกเว้นผู้กำกับกับตากล้อง ไปลากรถไฟให้ผ่านหน้าผม แล้วพอคัทก็ต้องดึงรถไฟกลับมาที่เดิม ทำซ้ำไปซ้ำมาเป็นสิบรอบ แล้วผมก็ไม่สามารถตัดความรู้สึกที่ว่า

เชี่ย เราเล่นไม่ได้อะ เขาเลยต้องเหนื่อยกันขนาดนั้น แต่ละคนเหงื่อแตก เพราะรถไฟสองโบกี้มันหนัก ต้องไปลากไปมา ยิ่งพอพะวง กดดันก็ยิ่งเล่นไม่ได้ หนังก็เล่นไม่ได้ก็สบถ หงุดหงิดตัวเอง แล้วสุดท้ายเรายิ่งห่างไกลจากตัวละครตัวนั้นไปเรื่อยๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว”

เต๋อเล่นบทเดิม

พระเอกตลกตลอดกาล

คำครหาถึงบทบาทของเต๋อ ฉันทวิชช์ ที่เห็นหน้าในจอแก้วหรือจอภาพยนตร์คือต้องพาเสียงหัวเราะมาให้ผู้ชมอยู่เสมอ จนกลายเป็นภาพจำแกะไม่ออก ไม่ยอมเล่นบทที่ต่าง

“ก่อนหน้านี้ผมมักจะได้ยินคนพูดว่า ผมคือพระเอกอารมณ์ดีที่เล่นหนังบทเดิมๆ มาตลอด เป็นกวนๆ ฮาๆ ในหนังตลก แต่ผมว่าบทในเรื่อง แฟนเดย์ มันไม่ใช่นะครับ มันคือหนังรักโรแมนติกที่เน้นคาแรกเตอร์ตัวละครเป็นหลัก สำหรับผมเพื่อเล่นเรื่องนี้ ผมต้องเปลี่ยนอะไรเยอะมาก ทั้งในแง่ของการแสดง แง่รูปลักษณ์ภายนอก ก็เลยเป็นสิ่งที่ผมภูมิใจเหมือนเป็นการเปลี่ยนตัวเอง”

ชมคลิปเพิ่มเติม

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/2226655
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/2226655