"ไรอัน เรย์โนลส์" ชีวิตจริงไม่เหมือนในจอ และเรื่องราวกับ "ดเวย์น จอห์นสัน"


ให้คะแนน


แชร์

เรียกว่าเป็นโอกาสดีที่เรารอคอยเลยทีเดียว กับการได้เจอและพูดคุยสัมภาษณ์พิเศษกับพระเอกฮอลลีวูดอย่าง ไรอัน เรย์โนลส์

บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ ได้พบเขาผ่านทางในงานแถลงข่าวภาพยนตร์ Red Notice ของเอเชียแปซิฟิก Red Notice หนังบู๊โจรกรรมงานศิลป์ ที่เป็นการมาพบกันของ ไรอัน เรย์โนลส์, ดเวย์น จอห์นสัน และแกล แกด็อต

แม้จะเป็นการได้เจอกันแบบออนไลน์ แต่การได้นั่งพูดคุยกับพระเอกเดดพูลคนนี้ก็ดูจะเป็นโอกาสที่พิเศษหาได้ยาก แม้จะต้องตื่นมาสัมภาษณ์กัน 7 โมงเช้าตามเวลาประเทศไทย (แน่นอนเราต้องเตรียมสแตนด์บายก่อน 7 โมง) ก็ไม่ใช่อุปสรรคที่จะได้พบกับ ไรอัน เรย์โนลส์ แต่อย่างใด

อะไรทำให้ตัดสินใจรับงานแสดง

เปิดฉากเริ่มต้นการแถลงข่าวด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจของเจ้าของร่างสูงโปร่ง การมาถึงของ ไรอัน ทำให้เช้าวันนั้นสดใสขึ้นทันที และเราถามเขาว่า อะไรที่ทำให้คุณสนใจในภาพยนตร์เรื่องนี้  
 
“ตอบตรงๆ อย่างง่ายที่สุดเลยนะครับ คือผมอยากทำงานกับเพื่อนน่ะครับ (ดเวย์น จอห์นสัน และแกล แกด็อต) และผมชอบที่ได้แสดงอย่างเดียว ภาพยนตร์หลายเรื่องที่ผมมีส่วนเกี่ยวข้อง ผมทั้งอำนวยการสร้าง และร่วมเขียนบท ต้องรับผิดชอบเยอะมาก

แต่เรื่องนี้ผมเหมือนกับว่าได้มาร่วมวงสนุกกับเพื่อน เป็นเพื่อนที่สนิทกันมานานแล้ว ก็ได้มีช่วงเวลาสนุกด้วยกัน มันไม่ใช่เรื่องที่ทำได้บ่อยๆ ในทุกๆ วันหรอกนะครับ

บางครั้งคุณก็หลงลืมไปว่างานแสดงมันสนุกนะครับ และผมไม่เคยลืมเลยแม้แต่วินาทีเดียวว่ากองถ่าย Red Notice เป็นประสบการณ์พิเศษขนาดไหน”
 
แล้วคุณเตรียมตัวสำหรับบทนี้อย่างไรบ้าง เราถามเขา “คุณรู้ไหม ที่ต้องทำมากหน่อยก็คือยืดเส้นยืดสายนั่นล่ะครับ ประมาณนั้นครับ เพราะเราไม่ได้มีเรื่องการสร้างบุคลิกตัวละครที่ลึกลับซับซ้อน

สิ่งที่ Netflix ต้องการจริงๆ ก็คือ ต้องการให้ดเวย์น แกล และผมเองใช้ความเป็นเพื่อนและมิตรภาพนอกจอให้ออกมาเป็นสิ่งที่คุณจะได้เห็นบนจอแบบนั้นเลยล่ะครับ

เขาจ่ายเงินจ้างเรามาเพื่อการนี้ล่ะครับ อยากให้สิ่งนี้เกิดขึ้นบนจอใหญ่ และอยากให้ความเป็นเพื่อนของเราถ่ายทอดออกไปยัง Red Notice และกลายเป็นส่วนหนึ่งของดีเอ็นเอและเส้นเรื่องหลักของหนังเรื่องนี้
 
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงตื่นเต้นนะ เหมือนเวลาคุณไปกินข้าวเย็นกับผมและดเวย์น คุณจะเห็นว่าเราคุยกันเหมือนกันในหนังเรื่อง Red Notice เลยครับ เวลาอยู่ด้วยกันแล้ว เราจะขำกันตลอด เป็นอย่างนี้มาตลอดครับ การได้นำเสนอแง่มุมนี้ขึ้นจอถือเป็นความภาคภูมิเลยล่ะครับ”

นักต้มตุ๋น ฉ้อฉล เชื่อใจไม่ได้

เป็นอีกครั้งที่ ไรอัน เรย์โนลส์ ต้องมารับบทลักษณะนี้ เราจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาชอบส่วนไหนในบุคลิกของ “โนแลน” ตัวละครนักต้มตุ๋นที่แสดงในเรื่องนี้ 
 
“ผมชอบความเจ้าเล่ห์ ดูเป็นคนฉ้อฉลครับ คุณเชื่อใจคนคนนี้ไม่ได้เลยล่ะ ผมรักตัวละครที่คุณดูแล้วไม่รู้สึกผ่อนคลาย แต่แทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ โนแลนเป็นตัวละครที่มีครบทุกองค์ประกอบเหล่านี้เลยล่ะครับ 

เวลาที่คุณทำงานอยู่ในวงการบันเทิงฮอลลีวูด บทส่วนใหญ่ที่คุณแสดงหรือคนส่วนใหญ่ที่แวดล้อมคุณอยู่ก็เกี่ยวข้องกับงานต้มตุ๋นประเภทใดประเภทหนึ่งล่ะครับ ผมว่ามันก็ทำให้เราเข้าใจบทได้อยู่แล้ว เล่นบทแบบนี้สนุกมากๆ ครับ”

ลองถาม ไรอัน เล่นว่าถ้าเป็นนักจารกรรมขึ้นมาจริงๆ งานศิลปะอันไหนที่จะแตะตาเขา “โอ้โห จะขโมยอะไรดีล่ะ คือจริง ๆ ผมก็คงไม่ขโมยหรอกนะ แต่ถ้าผมจะต้องขโมยล่ะก็ งานชิ้นนั้นก็คือภาพชื่อ “The Woman in Gold”  น่ะครับ โดยกุสตาฟ คลิมต์

หลายปีก่อนผมเคยแสดงหนังเกี่ยวกับภาพนั้นเลยเรื่อง Woman in Gold  ร่วมกับเฮเลน มีร์เร็น นั่นเป็นภาพวาดที่สวยมากๆ ฉะนั้น ถ้าผมจะต้องขโมยนะ ก็คงเป็นชิ้นนั้น

แม้ผมจะไม่เชื่อในเรื่องการขโมยนะ และภาพนั้นก็เคยถูกขโมยมาแล้วในอดีต แต่โชคดีที่กลับมาอยู่ในมือของเจ้าของตามสิทธิ์ นั่นล่ะครับ งานของศิลปะนามว่ากุสตาฟครับ” 

 “ถ้าถามว่า Red Notice ต่างจากหนังแนวปล้นเรื่องอื่นๆ ยังไง ก็เป็นที่เราสามคนนี่แหละครับ ที่ทำให้ Red Notice แตกต่าง เพราะว่ามันยากนะครับที่เราสามคนจะมาอยู่ในห้องเดียวกันได้ ไม่ต้องไปพูดถึงการถ่ายหนังร่วมกันด้วยซ้ำ ต้องยกความดีความชอบให้ Netflix ที่หาทำ ทำให้เกิดขึ้นได้ครับ ทั้งการจัดตารางที่ซับซ้อน และการรวมดาราใหญ่สามคนมาไว้ด้วยกัน

ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะยากนิดนึง เพราะว่าต้องมาถ่ายช่วงมีไวรัสระบาดอย่างนี้นะครับ ก็เป็นสถานการณ์ที่อาจจะท้าทายอยู่สักหน่อย แต่การที่เราได้มาอยู่รวมกันในสภาพแวดล้อมที่เป็นแซนด์บ็อกซ์ที่ปกป้องทุกคนอย่างดี ก็เป็นช่วงเวลาที่พิเศษครับ” 

ผมเองก็บ้าดารานะ!!

หากไล่ชื่อนักแสดงนำ ไรอัน เรย์โนลส์, ดเวย์น จอห์นสัน และแกล แกด็อต Red Notice จึงให้ความรู้สึกเหมือนเป็นการโคจรมาพบกันของซุปเปอร์ฮีโร่ Deadpool, Wonder Woman และ The Rock เราจึงถามเขาว่า รู้สึกอย่างไรเมื่อรู้ว่าผู้ร่วมแสดงเรื่องนี้เป็นใคร และประสบการณ์ที่ได้ทำงานร่วมกับทั้งสองคนเป็นอย่างไร
 
“ผมคิดว่านะครับ มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ ที่ได้เล่นเป็นตัวละครที่มีบุคลิกและพฤติกรรมโฉ่งฉ่างแบบต้องเล่นใหญ่ และไม่รู้ว่าเรื่องจะลงเอยอย่างไร

โชคดีที่เรารู้จักกันอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความกังวลใดๆ แล้วผมก็เป็นแฟนตัวยงของวงการภาพยนตร์และบ้าดาราด้วยนะครับ บางคนไม่รู้หรอกว่าแม้ผมจะแสดงในหนังแนวนี้ หรืออยู่ในวงการนี้มาเกือบ 30 ปี แต่ผมก็ยังตื่นเต้นและสติแตกได้ครับ 
 
รู้ไหมครับ ตอนที่ดเวย์นกับแกลเดินมาเนี่ย สัญชาตญาณแรกของผม คือ โอ้ นั่นเพื่อนผม ดเวย์นหรือแกล สัญชาตญาณผมบอกว่า โอ้ว นั่นแกล แกด็อต และนั่นก็ดเวย์น เดอะ ร็อก จอห์นสัน กำลังเดินเข้าห้องมาแล้ว เพราะฉะนั้นผมก็เกิดอาการบ้าดาราเหมือนกันล่ะครับ” 

แต่เห็นมีมุกที่คุณเล่นหรือกัดดเวย์นเนี่ย ส่วนมากมุกสดหรือเปล่า “ก็เยอะนะครับ สดเยอะครับ มันเป็นส่วนหนึ่งของงานของผมครับ ก็อาจจะบอกว่าสดไปซะทุกอย่างก็คงไม่ใช่นะครับ

เพราะจริงๆ ผมเป็นคนเขียนบท เขียนมุกตลกไว้เยอะ แต่ละมุก ผมจะเขียนไว้ 8-9 แบบ ก็แล้วแต่ว่าผู้กำกับเลือกอันไหนนะ ว่ามุกไหนมันจะเหมาะกับหนังนะครับ ผมก็แค่ให้ทางเลือกเอาไว้เยอะหน่อย”

มิตรภาพและความประทับใจ 

แน่นอนในการถ่ายทำภาพยนตร์สักหนึ่งเรื่อง นักแสดงย่อมมีฉากที่ตัวเองประทับใจเป็นพิเศษ แล้วสำหรับ ไรอัน เรย์โนลส์ ฉากไหนใน Red Notice เป็นฉากที่น่าสนใจที่สุดที่ได้ถ่ายทำในเรื่องนี้

“ผมคิดว่าฉากที่น่าสนใจจะมีช่วงหนึ่งนะครับ ตอนที่อยู่โบสถ์ในคุก ตอนที่ได้เจอแกลในบท เดอะ บิชอป เป็นครั้งแรก ผมคิดว่านั่นเป็นฉากถ่ายทำที่น่าสนใจมากๆ สำหรับผม

เป็นครั้งแรกที่เราสามคนได้ถ่ายทำด้วยกันในห้องเดียวกัน น่าตื่นเต้นมากนะครับ สนุกมากด้วย ฉากนี้ทั้งหมดดูเหมือนเกมหมากรุกอย่างไรอย่างนั้น
 
เหมือนเราทั้งสามคนจับตามองกันและกัน และแกลก็เก่งมากในการสวมบทสาวเจ้าเสน่ห์ ตลก ดูเธอเล่นแล้วเหมือนง่ายมากๆ เลย เหมือนตอนที่ผมสังเกตท่าทางของเธอ ตอนดู Wonder Woman หรือบทอื่นๆ ที่เธอเล่น

เราจะรู้สึกได้เลยว่าเธอเล่นบททรงพลังนะฮะ การได้เห็นเธอเด่นราวกับแครี แกรนต์ ในฉากนี้ เป็นความสนุกสำหรับผมจริงๆ 

และที่น่าประทับใจในเรื่องนี้สำหรับผม โอ้! น่าจะเป็นความสามารถของแกลครับ เธอแข็งแรงแบบนักกีฬา และมีพรสวรรค์มากๆ ในฉากต่อสู้ เธอเล่นเองเยอะมากด้วยครับ ผมนี่อึ้งไปเลย

ส่วนดเวย์น คือ ผมรู้จักมานานนะครับ เขาแข็งแรงมาก แข็งแรงสุดๆ แบบเหวี่ยงผมข้ามห้องเหมือนผมเป็นไม้จิ้มฟัน นั่นคือช่วงเวลาน่าตื่นเต้นมากๆ ครับ” 
 
อ้อ! นึกขึ้นได้แล้วเห็นว่ามีช่วงเวลาโบรมานซ์ (Bromance ประมาณมิตรภาพของลูกผู้ชาย) ระหว่างดเวย์นกับคุณด้วย เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมครับว่าคุณทั้งคู่สนิทกันยังไง 
 
“เอ่อ ก็ดื่มกันครับ ดื่มจิน ดื่มเตกีล่าครับ ก็สนิทกัน ก็มีสิ่งที่เหมือนกันหลายอย่างนะ แน่นอนก็ไม่ใช่หุ่นนะครับที่เหมือนกัน แต่ว่าเรามีลูกสาวสามคนเหมือนกัน มีธุรกิจนอกวงการที่เราชอบเหมือนกัน

เราคิดว่าเราบริการผู้ชมเหมือนกัน ผู้ชมคือเจ้านายของเรา ความสนิทสนมบนจอก็เป็นผลพวงจากมิตรภาพนอกจอ จรรยาบรรณในการทำงาน และมุมมองต่อชีวิตของเราเหมือนกันครับผม”

กลไกป้องกันตัวเอง

ถามเรื่องตัวคุณบ้าง ความตลกของคุณนะที่เป็นเหมือนเครื่องหมายการค้าเนี่ย เหมือนกับบุคลิกตัวจริงไหม “ผมเหรอครับ ตัวจริง นอกจอก็แตกต่างนะ เพราะตอนผมเป็นเด็กและเป็นผู้ใหญ่ ผมมีความกังวลนะฮะ และเรื่องการพูดเร็วอย่างที่เห็นในเรื่องเนี่ย จริงๆ แล้วเป็นกลไกการป้องกันตัวเอง

ตอนที่ผมเด็กๆ เวลาที่ผมกังวล หรือรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ เหมือนผมจะปล่อยให้อีกบุคลิกหนึ่งเข้ามารับช่วงต่อและแก้สถานการณ์ไป ตัวจริงขอผมบอกได้เลยว่าแตกต่างจากในจอนะครับ ผมเป็นคนที่อ่อนไหวง่าย และเป็นผู้ฟังที่ดีกว่าตัวละครที่ผมสวมบทบาทครับ” โห ดูไม่ออกเลยนะครับเนี่ยว่าคุณมีความกังวลด้วย “ผมแค่เล่นละครเก่งเท่านั้นเองอ่ะครับ (ยิ้ม)” 

เห็นคุณมักจะเล่นบทที่เป็นสไตล์ของคุณเอง บทฉลาดทันคน มีอารมณ์ขันและไหวพริบ ทำไมคุณถึงชอบบทแบบนี้ “ผมคิดว่าอารมณ์ขันและไหวพริบบนจอเป็นผลมาจากอารมณ์ความเห็นอกเห็นใจส่วนตัว ผมคิดว่าคุณไม่มีทางเข้าใจกลไกของอารมณ์ขัน ถ้าคุณไม่เข้าใจขั้วตรงข้ามกันก่อน

ผมมองว่าเรื่องหนังตลกเองเป็นสื่อที่บางคนอาจจะมองข้าม ไม่ค่อยเห็นความสำคัญมากนัก แต่ความจริงแล้วหนังตลกนี่มันท้าทายนะครับ

ผมเองยอมรับนับถือในศาสตร์ของหนังตลกมากๆ และรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณนักแสดงแนวนี้ที่กรุยทางมาก่อน ทั้งสตีฟ มาร์ติน เอ็ดดี เมอร์ฟี จอห์น แคนดี หรือจีน ไวล์เดอร์ นักแสดงหลายๆ ท่านเหล่านี้ล้วนมีอิทธิพลกับผมมากๆ”.

 เรื่อง : ดินสอเขียนฟ้า

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2241880
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2241880