“ถึงตอนนี้ฟีดแบ็กที่กลับมาดีใจแล้วก็เกินความคาดหมายมากๆค่ะ พูดตรงๆว่าไม่คิดว่าจะมาถึงตรงนี้ได้จริงๆ”

กว่าจะได้เข้าฉายเจอหลายสถานการณ์ที่ทำให้หนังต้องเลื่อนไปทำให้ท้อมั้ย?

“ตอนถ่ายทำก็คิดว่าทำให้ดีที่สุด ให้หนังมันขับเคลื่อนไปด้วยตัวมันเอง แต่ก็ไม่ได้ตั้งเป้าหรือตั้งความคาดหวังมาก ทุกอย่างมันเลยเหนือความคาดหมายไปหมดทุกอย่าง รู้สึกแฮปปี้มาก ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตหนูด้วย เป็นประสบการณ์ที่หนูรู้สึกว่าเหมือนก้าวกระโดดไปในอีกโลกหนึ่งที่หนูไม่เคยรู้จักและคุ้นเคยมาก่อน แต่จริงๆ มีความฝันตั้งแต่เด็กว่าอยากเล่นภาพยนตร์ อยากเห็นตัวเองบนจอใหญ่ๆ พอวันนี้มันมาถึง เรารู้สึกว่าบทที่ได้รับมันเป็นบทบาทที่ท้าทายความสามารถตัวเองมากๆ หนูตัดสินใจไม่นานที่จะรับเล่น อีกอย่างนึงคือเราก็รู้ด้วยว่าพี่โต้ง-บรรจง เป็นผู้กำกับที่เก่ง หนูไว้วางใจในฝีมือพี่โต้งอยู่แล้ว”

คิดหนักไหมกับหลายฉากที่มีความแรง?

“ก่อนที่จะถ่ายทำหนูกับพี่โต้งพูดคุยทั้งเรื่องตัวละครและสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในภาพยนตร์จริงๆ ได้รับรู้ตั้งแต่วันที่แคสต์วันแรกแล้ว วันนั้นไม่ได้รู้สึกว่าหนักใจหรือกดดันอะไรในการมีฉาก 18+ หรือฉากต่างๆ แต่หนูรู้สึกว่ามันเป็นความ สมเหตุสมผลที่จะมีฉากแบบนี้เพื่อให้ภาพยนตร์สนุก และสมจริงมากขึ้น เป็นความแปลกใหม่ สำหรับตัวหนูและภาพยนตร์ด้วย หนูเลยรู้สึกว่ามันต้องมีและทำออกมา”

รู้สึกยังไงกับกระแสชื่นชมในความทุ่มเทและความกล้าเล่นของมิ้ง?

“อย่างที่บอกว่าตอนเล่นคือจบแล้วแค่นั้นไม่ได้มาคิดต่อว่าจะได้รับฟีดแบ็กอย่างไร ตอนนั้นคิดว่าไม่ว่ากระแสที่จะกลับมาหาเราจะบวกหรือลบหนูก็พร้อมรับคำแนะนำ คำติชม แต่พอมีกระแสที่ได้รับกลับมาส่วนมากเป็นไปทางที่ดีก็ดีใจมากๆ”

มีทั้งต้องและเพิ่มลดน้ำหนักด้วย?

“ช่วงแรกเราต้องเพิ่มน้ำหนัก 4 กก. และรู้ว่าช่วงหลังเดี๋ยวเราจะต้องลด 10 กก. ผลลัพธ์ที่อยากได้คืออยากเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวละครมิ้งว่าแตกต่างจากช่วงแรก ในกองจะมีนักโภชนาการคอยดูแลอาหาร ช่วงก่อนหน้านั้นก่อนจะปรับตัวได้มันก็มีความเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์จิตใจร่างกาย เป็นตอนนั้นมีอาการชาตามตัว เวียนหัวบ้าง ทานน้อยมาก มันจะมีสัปดาห์ที่พวกเราเรียกว่าอาทิตย์ของสโนว์ไวท์ คือกินแค่ผลไม้หมดเลยทั้งอาทิตย์ (ยิ้ม) มันจะมีเหตุการณ์หนึ่งตอนนั้นที่เราลดน้ำหนักช่วงแรกๆ หนูเป็นคนชอบกินขนมหวานมากแล้วตอนนั้นเราต้องลดแล้ว ตอนนั้นขอให้คุณแม่ซื้อคุกกี้มาให้หน่อยแล้วหนูก็เอามาดม คือได้ดมก็ยังดี (ยิ้ม)”

สิ่งที่โหดที่สุดสำหรับบทนี้?

“สำหรับหนูโหดทั้งเรื่องแต่ช่วงที่ยากที่สุดคือช่วงหลังที่มิ้งมีอาการผิดแปลกไป ต้องมีท่าทางที่ไม่เหมือนมนุษย์ปกติแล้ว มี reference จากคุณนา ฮง-จิน แล้วเราก็เอามาพัฒนากันต่อ และได้คนออกแบบท่าทางคือ คุณปาร์ค เจอิน ที่ทำหนังระดับโลกมาหลายเรื่องมาช่วยค่ะ”

ฟีดแบ็กที่ต่างประเทศก็ดีมากๆ เล่าให้ฟังหน่อย?

“ที่ได้รับกลับมาก็คือที่เกาหลี สิงคโปร์และล่าสุดที่อินโดนีเซีย ฟีดแบ็กเกาหลี ดีมาก ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกฉายเป็นครั้งแรกที่เกาหลี ฟีดแบ็กที่เข้ามาก็มีทั้งส่วนตัวและในโลกโซเชียลด้วย ทุกสื่อเขียนชื่นชมภาพยนตร์เราดีมากๆ ทำให้ทีมงานและนักแสดงหายเหนื่อยเลย เค้าพูดถึงความหลอนน่ากลัวที่สุดเท่าที่เค้าเคยดู และตัวหนูเองก็ได้รับคำชื่นชมมาทางส่วนตัวด้วย แฟนๆที่เกาหลีเขียนเข้ามาชื่นชมให้กำลังใจ หนูอ่านแล้วน้ำตาไหลเลยตอนนั้น คำพูดที่เค้าบอกคือ ขอบคุณสำหรับความทุ่มเท ตั้งใจ เค้ารับรู้ ได้จากสิ่งที่เราได้แสดงออกมา ขอบคุณที่ทำให้เค้ามีความสุขในการดูภาพยนตร์มันเป็นอะไรที่พูดไม่ถูกเลย”

ถึงตอนนี้ยังไม่ได้มีโอกาสบินไปร่วมงานที่เกาหลี?

“ยังค่ะ มีแพลนจะบินไปร่วมงานที่เกาหลีเดือนธันวาคม มีตารางงานไปถ่ายนิตยสาร ออกรายการทีวีและอาจจะได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์”

ถอดร่างมิ้งแล้วญดา ตัวจริงเป็นสาวแบบไหน?

“เป็นคนชอบแมว นิสัยงุ้งงิ้งเหมือนแมว หนูเป็นคนชอบแต่งตัวนะคะแต่ก็จะไปแนวน่ารักหวานๆขัดกับหน้าตานิดนึง เพราะหลายคนบอกว่าคิดว่าน่าจะเป็นคนแรงๆ (ยิ้ม)”

ก่อนหน้านี้ญดาเคยทำอะไรในวงการมาบ้าง?

“ก่อนหน้านี้หนูมีงานแสดงพวกละครซีรีส์วัยรุ่น จริงๆหนูเริ่มเข้าวงการมาตั้งแต่อายุ 14 ถ่ายโฆษณา แคสต์โฆษณา เริ่มงานแสดงเล่นละครซีรีส์จนมาถึงปัจจุบัน ผลงานที่จะได้เห็นเร็วนี้น่าจะเป็นงานละคร ซีรีส์ บทก็ต่างจากมิ้งโดยสิ้นเชิงค่ะ”.