เปิดชีวิตสาวออร์แกนิก “นุ่น-สินิทธา” อดีตนักแสดงสาว ลาวงการ หลังตรวจเจอโรคร้าย


ให้คะแนน


แชร์

เปิดชีวิตสาวออร์แกนิก “นุ่น-สินิทธา” อดีตนักแสดงสาว ลาวงการ หลังตรวจเจอโรคร้าย เผยเคล็ดลับการรักษาตัวจนหายดี

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

หายหน้าหายตาจากหน้าจอไปนานเลยทีเดียว สำหรับ นุ่น-สินิทธา หรือ ชื่อใหม่ นุ่น ดารัณ บุญยศักดิ์ อดีตนักแสดงสาว วัย 42 ปี พี่สาวแท้ๆ ของ พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์

โดนหลังจากที่เจ้าตัวตัดสินใจเบนเข็มออกจากวงการบันเทิง เนื่องด้วยมีอาการป่วยเนื้องอกในมดลูก และมีความตั้งใจที่อยากจะหันมาดูแลตัวเองอย่างจริงจัง เลยทำให้ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เธอหันหลังไม่รับละคร ไปลุยทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารเพื่อสุขภาพเป็นอาชีพหลัก

ล่าสุด(17 พ.ย.) นุ่น ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง ข่าวสดบันเทิงออนไลน์ เล่าถึงชีวิตที่ผ่านโรคร้ายมาได้

ชีวิตตอนนี้ ส่วนใหญ่ทำอะไรอยู่?

“ตอนนี้ก็ทำเกี่ยวกับอาหารสุขภาพนะคะ ดูแลสุขภาพดูแลตัวเองด้วยการใช้ผลผลิตของเกษตรอินทรีย์ โดยวิธีก็คือจะซื้อผักจากเกษตรกรที่ติดต่อโดยตรงแล้วก็เอามาแปรรูปเป็นอาหารสุขภาพต่างๆ ให้ผู้ป่วย ให้คนสูงวัยด้วย แล้วก็มี product ที่เกี่ยวข้องก็ทำช่วงนี้ แล้วก็ดูแลสุขภาพตัวเองไปด้วยค่ะ อันนี้ก็คือทำเป็นธุรกิจเลย แล้วกำลังจะทำเครื่องดื่มเกี่ยวกับ Sugar FREE ลดน้ำตาลแต่ยังบอกรายละเอียดมากไม่ได้ เป็นเครื่องดื่มสำหรับคนที่รักสุขภาพ แล้วก็จะมีร่วมทุนกับน้องพลอย (พลอย เฌอมาลย์)”

ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ มันเริ่มต้นขึ้นมาจากการที่ไม่สบายหรือเรามีความสนใจในด้านนี้อยู่แล้ว?

“มันเกิดจากที่ไม่สบาย เรามีปัญหาเราไม่รู้ว่ามันจะแก้ยังไง ทำไมเราถึงมีสุขภาพไม่ดี ทำไมเราถึงป่วยเป็นเนื้องอก แต่สุดท้ายเราก็มานั่งสังเกตตัวเองว่าเราทานอะไร คือฝรั่งเขาจะบอกว่าคุณกินอะไรมันก็จะเป็นยังงั้น พอเรามาออกกำลังกาย คนออกกำลังกายก็จะบอกว่าเราต้องกินเท่านั้นเท่านี้โปรตีนกี่กรัม ตรงนั้นก็ใช้เวลาประมาณ 6-7ปี ในการเริ่มศึกษาเกี่ยวกับโภชนาการทางด้านอาหาร พอมันเจาะลึกไปแล้ว มันก็จะมาถึงขั้นตอนการผลิตของวัตถุดิบ ว่าวัตถุดิบปลอดสารปลอดเคมีไหม ทำด้วยวิธีแบบไหน การจัดเก็บเป็นยังไง แล้วมาถึงขั้นตอนสุดท้ายคือการแปรรูปให้เป็นอาหารที่เราจะทานลงไป

อะไรที่เราควรทาน อะไรที่เราไม่ควรทานสำหรับโรคที่เราเป็น เราก็จะมานั่งแยกจำพวก แต่จริงๆ ต้นทางที่ถามว่าทำไมเราถึงสนใจ มันมาจากการที่เราออกกำลังกายก่อน เพื่อที่จะให้สุขภาพแข็งแรง แต่จริงๆ ที่เหนือกว่าการออกกำลังกายคือการบริโภคของเราเอง การทานและระยะเวลาการทานของเราด้วย เพราะมันรวมกันทั้งหมดแล้วมันคือสุขภาพ”

ก็เรียกว่าศึกษามาอย่างจริงจังและเต็มที่?

“ศึกษาด้วยการทดลองด้วยตัวเอง แล้วก็การปฏิบัติจริงมากกว่า แล้วก็เห็นผลจริงอย่างที่เราทดลองกับตัวเอง อย่างแรกเลยก็คือเรื่องของการควบคุมอาหาร เพื่อที่จะให้ได้ผล ในเรื่องของสุขภาพเราดีขึ้นร่างกายแข็งแรงขึ้น พอมีคนที่เขาอยากให้เราดูแลเรื่องอาหาร จัดเตรียมอาหารให้ ผลลัพธ์ที่ได้ก็เป็นที่น่าพึงพอใจ”

ย้อนกลับไปถึงอาการป่วย ครั้งแรกที่รู้มันนานขนาดไหน?

“ไม่ได้สังเกตตัวเองนะ เรื่องอาการเนื้องอกที่มดลูก จริงๆ แล้วจะบอกว่าผู้หญิงทุกคนมีโอกาสเป็นได้อยู่แล้ว เพราะว่าคุณหมอที่รักษาบอกว่าเรื่องเนื้องอกมันเป็นเรื่องปกติของผู้หญิงกับฮอร์โมน ถ้าเราหมดวัยประจำเดือนไป เราจะหายเนื้องอก แต่อาการต่างๆ ของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะมีการปวดท้องบางคนก็ไม่มี ส่วนตัวเองไม่เป็นอะไรเลย ก็เลยไม่ได้สังเกตตัวเอง แล้วก็ปล่อยทิ้งไว้ เคยมีการผ่าตัดออกไปครั้งหนึ่งแล้วเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว แต่มันก็กลับมาอีก

แต่เราอ่ะไม่รู้ว่าทำยังไงให้มันยุบลง แล้วเราก็ไม่รู้ว่าสาเหตุของการมีเนื้องอกนี้ นอกจากฮอร์โมนเพศแล้วมันคืออะไร แต่พอมาศึกษาเรื่องการออกกำลังกายเรื่องอาหาร เราก็เริ่มจับสังเกตว่าอาหารมีผลกับเนื้องอกตอนนี้ เราก็เลยไปสังเกตอาหารที่เรากินว่าทำไมมันถึงทำให้เนื้องอกของเราใหญ่ขึ้น เราก็เริ่มค่อยๆ ย่อยทีละอย่าง ศึกษาผัก พืช สมุนไพร เนื้อสัตว์ต่างๆ ว่ามันมีผลกระทบต่อร่างกายของตัวเองยังไงก่อน

แล้วพอศึกษาตรงนี้เสร็จปุ๊บ เราก็ปฏิบัติ แต่มันก็ยังไม่ใช่เวย์ที่ถูกต้อง เพราะเราไปเข้าใจในระบบว่าการทานจะต้องทานเยอะๆ บริโภคเยอะๆ คนเราอยากสุขภาพแข็งแรงต้องทาน 3 มื้อ ปรากฏว่าอาการป่วยจากที่ป่วยเนื้องอก คราวนี้มันมีถึงจุดที่ว่า เกือบจะเป็นมะเร็งที่รังไข่ เพราะว่าอยู่ดีๆ ประจำเดือนก็หายไปเลย ก็ไปฉีดยาหรือไปทำอะไรทุกอย่างที่ต้องทำแล้ว แต่มันก็ไม่มา และปรากฏว่ามีคุณแม่ของเพื่อนแนะนำว่าเธอลองทำ water fasting ดูสิ มันคือการอดอาหารดื่มแต่น้ำเพื่อจะดีท็อกซ์ระบบ

คือเหมือนตัวเองไม่ได้สนใจในสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของน้ำ เราก็เลยมาลองทำดูก็แล้วกัน ก็คือการดื่มน้ำอย่างเดียวเพื่อที่จะรีเซ็ตร่างกาย แล้วหลังจากนั้น 3 วัน ปรากฏว่าประจำเดือนที่ไม่มา มันมาเลย ก็เลยมานั่งคิด การดูแลร่างกายไม่ใช่การบริโภคเข้าไปอย่างเดียวนะ ถึงแม้ว่าเราทานอาหารในปริมาณที่มากเกินไปไม่พอเหมาะ หรือมีสารพิษหรือบริโภคบางอย่างที่มันไปกระตุ้นสิ่งเร้าในร่างกายที่ทำให้มันผิดปกติ การรักษาที่ดีที่สุดคือการหยุดบริโภค คือการที่เราบริโภคน้อยลงทำให้ร่างกายเราเครียดน้อยลง

คือเปรียบเทียบเหมือนกระเพาะเราเป็นเครื่องปั่น เราบริโภค 3 ถึง 4 ชั่วโมงร่างกายเราอ่ะมีความเครียด แต่เราคิดว่าเรามีความสุขเพราะเราได้บริโภครสอร่อย แต่จริงๆ แล้วร่างกายเราเกิดความเครียดเพราะว่าเขาต้องย่อยตลอดเวลา กระเพาะและลำไส้ไม่เคยหยุดพัก เขาก็เหนื่อยเป็น คือตอนแรกเราไม่เข้าใจสมดุลตรงนี้

เราคิดแต่ว่าการกินทำให้เราร่างกายแข็งแรง จริงๆ มันไม่ใช่ การหยุดกินแล้วก็พักเบรกเป็นช่วงๆ มันก็ช่วยทำให้ร่างกายเรารีแล็กซ์ บวกกับการควบคุมอาหารที่ถูกต้อง ควบคุมในที่นี้ก็คือควบคุมปริมาณควบคุมคุณภาพ มันก็ทำให้สุขภาพเราดีขึ้น ล่าสุดไปตรวจเนื้องอกยุบลง คุณหมอแปลกใจว่าทำไมยุบลง คุณหมอก็ถามว่าทำไมคุณทำได้ ก็เลยบอกหมอว่า หนูทำแบบนี้ แบบนี้ หมอก็บอกว่า งั้นทำต่อไปอันนี้คือสิ่งที่ถูกแล้ว

ส่วนเรื่องมะเร็งเราต้องควบคุมในเรื่องของปริมาณอาหาร แนะนำว่าเวลาที่ซื้อผลิตภัณฑ์อะไรมา ให้บิดไปที่ฉลากด้านหลังแล้วอ่านดูว่ามีส่วนประกอบอะไรบ้าง เพราะว่าผู้คนส่วนใหญ่ไม่สนใจ เวลาเกิดอะไรขึ้นมาแล้วก็จะคิดว่าทำไมเราเป็นโรคเบาหวาน เป็นโรคความดัน เป็นไขมัน มันเกิดจากอะไร เพราะอะไร จะโทษเพราะเราแก่เหรอ มันไม่ใช่นะ มันเป็นเพราะเรากินผิดวิธี สิ่งที่แก้ได้คือเราต้องกินให้ถูก”

แล้วตอนนี้สุขภาพเป็นยังไงบ้าง?

“สุขภาพแข็งแรง สดชื่น ปกติเกือบ 100% ทุกอย่าง ไม่ได้ป่วยไม่ได้เจ็บ ก็ทำงานปกติทั่วไปเลย”

ครั้งแรกที่รู้ว่าป่วย เป็นตอนที่เราตัดสินใจ หันหลังให้กับวงการบันเทิงไหมอะไร หรืออย่างไหนมันเกิดขึ้นก่อนกัน?

“จริงๆ มันก็พร้อมๆ เพราะเวลาเรารู้ว่าเราป่วย อีกอย่างหนึ่งเรามีความเครียดสูงในการทำงานของวงการนี้ แล้วก็อะไรหลายๆ อย่างที่เราจะต้องทุ่มเทร่างกาย และเวลาเล่นละครมันจะต้องมีอารมณ์ทุกอย่าง แล้วพอมันเกิดความเครียดสูงมันก็ไม่เหมาะกับสิ่งที่เราต้องการ ก็คือสุขภาพที่ดี เลยคิดว่าต้องทำยังไงให้มันบาลานซ์กัน

แต่ก็ไม่เชิงหันหลังนะ แต่ที่เราไม่ได้รับละครเพราะคิดว่ามันไม่เหมาะกับเราในโอกาสนี้และคิดว่ามีความสุขกับการที่เราอยู่ด้วยกิจกรรมหรือกิจการที่เกี่ยวกับอาหาร ชอบทำอาหารก็เลยเอาความรู้จากที่เราป่วย มาผลิตอาหารให้กับคนที่เขาสุขภาพไม่แข็งแรง แล้วใครที่อยากให้เราดูแลสุขภาพ เราก็จัดเป็นคอร์สทำอาหารให้เขาส่งถึงบ้าน ส่วนมากจะเป็นผู้ป่วยมะเร็ง”

มีคิดถึงในการกลับเข้ามาทำงานในวงการอีกครั้งไหม?

“คือเราคิดว่าพื้นที่ของเราตรงนี้มันคงหมดแล้วเพราะอายุมากแล้ว อีกอย่างน้องๆ รุ่นใหม่เขาก็ทำงานกันได้ดี ส่วนตัวเราก็อายุมากก็ไม่ได้อยากจะกลับไปตรงนั้น เพราะว่าถ้าเกิดให้เข้าไปวินัยเหมือนนักแสดงเหมือนเดิม เดี๋ยวจะเครียดเดี๋ยวจะป่วยขึ้นมาอีก”

คือที่บอกว่าจะทำธุรกิจกับน้องสาว พลอย เฌอมาลย์ คือทำอะไร?

“ต้องบอกว่าตอนที่ออกมาจากวงการก็มาเริ่มตั้งแบรนด์ชื่อว่า เฌอ ออร์แกนิก จะมีอาหาร ออร์แกนิกทุกชนิดที่เป็นผลผลิตจากเกษตรกรที่รู้จักและไว้ใจ แล้วเราก็นำส่งให้กับคน แล้วก็มีพวกผลิตภัณฑ์พวกไบโอติกต่างๆ เครื่องดื่มต่างๆ ที่ช่วยเรื่องสุขภาพเรื่องการขับถ่าย เลยมองว่าในปีนี้คนเริ่มตื่นตัวเรื่องการดูแลสุขภาพมากขึ้น

น้องพลอยช่วงนี้เริ่มมองหาธุรกิจก็เลยชวนมาทำด้วยกันไหม น้องก็บอกว่าเอาสิพี่นุ่นช่วยหน่อย ช่วยดูให้พลอยหน่อย แล้วพลอยเองเขาก็เป็นคนที่สนใจและรักในสุขภาพอยู่แล้วก็เลยดึงมาในทางเดียวกัน”

ไม่ใช่จะหันหลังให้วงการแบบถาวรตามพี่นุ่นไป?

“น้องพลอยคงไม่หรอก คือเขาก็ชัดเจนว่าขอแค่ไม่รับละคร แต่ส่วนของลงหนังโฆษณาถ่ายแบบต่างๆ น้องพลอยก็ยังรับเหมือนเดิม แต่ละครน่ะเขารู้สึกว่าเขาเต็มที่แล้ว”

อยากฝากถึงแฟนๆ ที่ยังนึกถึงและคิดถึงเรา?

“คิดถึงหรือเปล่า ป่านนี้คงลืมกันไปหมดแล้วไม่มีใครจำได้หรอก แต่ว่าช่วงนี้ต้องขอบคุณที่ช่วยรีรันละคร ก็มีเด็กๆ แล้วก็ผู้ใหญ่ที่เคยดูผลงานของเราได้กลับมาดูอีกครั้ง เขาก็บอกว่าคิดถึง เราก็เลยบอกคุณป้าคุณพี่ทั้งหลายว่าคงไม่ได้รับเล่นแล้วแหละ เพราะว่าวงการบันเทิงเราอาจจะถึงจุดอิ่มตัวไปแล้ว เราก็อยากจะขอทำธุรกิจของเราเอง แต่ถ้าเกิดใครสนใจอยากจะติดต่อพวกอย่างอื่นที่ไม่ใช่ละครก็ยินดีถ้าเวลาเราตรงกัน”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6743092
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6743092