แห่เชียร์แน่น! ส่ง ‘แอนชิลี’ คว้ามงสาม มิสยูนิเวิร์ส 2021 กองประกวดยันพร้อมเกิน 100%

แห่เชียร์แน่นสุวรรณภูมิ ร่วมส่ง ‘แอนชิลี’ คว้ามงกุฎที่สาม มิสยูนิเวิร์ส 2021 ที่เมืองเอลลาธ ประเทศอิสราเอล กองประกวดยันพร้อมเกิน 100%

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 23 พ.ย. “แอนชิลี สก๊อต-เคมมิส” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2021 พร้อมทีมงาน ทีพีเอ็น โกลบอล (TPN GLOBAL) ผู้ถือลิขสิทธิ์การจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปเก็บตัวกับกองประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2021 ที่เมืองเอลลาธ ประเทศอิสราเอล กับสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบิน TK 0069 เพื่อชิงมงกุฎที่ 3 กลับบ้านเป็นของขวัญแด่ชาวไทย โดยมีแฟนๆ มารอส่งและให้กำลังเนืองแน่น รวมถึงนางงามรุ่นพี่ “อแมนด้า ออบดัม” ได้นำธงไทยมาส่งต่อให้แอนชิลีไปโบกสะบัดบนเวทีโลก

สำหรับการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2021 เป็นการจัดการประกวดครั้งที่ 70 จะมีขึ้นในวันที่ 12 ธ.ค. 2564 (ตามวันและเวลาท้องถิ่น) หรือตามวันเวลาในประเทศไทย วันที่ 13 ธ.ค. 2564 เวลา 07.00-10.00 น.

ปีนี้ “แอนชิลี” จะเป็นความหวังอีกครั้งของประเทศไทย ที่จะสร้างชื่อเสียงของไทยให้ก้องโลกด้วยการคว้ามงกุฎลำดับที่ 3 ซึ่ง “อันเดรอา เมซา” นางงามจักรวาลคนที่ 69 จากประเทศเม็กซิโก จะเป็นผู้สวมมงกุฎบนเวทีมิสยูนิเวิร์ส 2021 สุดอลังการ

โดยกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ยืนยันว่าได้เตรียมความพร้อมมากกว่า 100% ทั้งการดูแลความงาม การฝึกฝนความรู้ ความสามารถ รวมถึงการสร้างสรรค์ชุดต่างๆ ที่จะใช้สวมใส่ในการประชันความงามบนเวทีมิสยูนิเวิร์สที่เนรมิตขึ้นอย่างวิจิตรและประณีต โดยศิลปินและดีไซเนอร์ระดับประเทศ

สำหรับ “ชุดประจำชาติไทย” ซึ่งเป็นหนึ่งในชุดสำคัญของการประกวดมิสยูนิเวิร์ส ได้แก่ “ชุดนางคาด” (Woman of steel) ที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจาก “เลือดนักสู้ในตัวหญิงสาว” สู่ชุดประจำชาติที่สง่างามและเปี่ยมไปด้วยความทรงพลัง เพื่อให้ “แอนชิลี” ใส่ขึ้นสู่เส้นทางแห่งชัยชนะ

ร่วมส่งกำลังใจจากประเทศไทยให้ “แอนชิลี สก๊อต-เคมมิส” ก้าวไปพิชิตมงกุฎระดับโลกจากเวที “มิสยูนิเวิร์ส 2021” ณ เมืองเอลลาธ ประเทศอิสราเอล โดยติดตามความเคลื่อนไหวแบบเอ็กซ์คลูซีฟได้อย่างต่อเนื่องทางแอปพลิเคชัน TrueID และ Online Streaming True 5G รวมถึงบนเว็บไซต์ www.missuniverse.in.th แอปพลิเคชัน Miss Universe Thailand และดิจิทัลแพลตฟอร์มของกองประกวดฯ ได้แก่ Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6747873
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6747873