แพลนชีวิตปีเสือ ‘แต้ว’เน้นดูแลใจ


ให้คะแนน


แชร์

แพลนชีวิตปีเสือ‘แต้ว’เน้นดูแลใจ – สวัสดีปีใหม่จ้า! ลาทีปีฉลู จ๊ะเอ๋ปีขาล

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

เปิดม่านปีเสือดุ กันด้วยนางเอกสาวคนสวย ‘แต้ว’ ณฐพร เตมีรักษ์ เป็นการผ่อนคลาย

โดยปีที่ผ่านมาเรียกว่าเธอเป็นที่ถูกพูดถึงตลอดทั้งปี

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นบุคคลสุ่มเสี่ยงติดโควิดบ่อยที่สุดในวงการบันเทิง จนได้ฉายา “เจ้าแม่นาคี สตรีผู้รอดโควิด”

แถมยังโดนดราม่าหนักถึง 2 ปีซ้อน ทำอะไรก็ถูกแซะไปหมดทุกเรื่อง แต่เจ้าตัวก็นิ่ง ไม่โต้ตอบ

วันนี้นางเอกสาวเลยมาแชร์ประสบการณ์ทั้งดีและไม่ดีในปีที่ผ่านมาให้ฟัง พร้อมวิธี การตั้งรับ รวมถึงแพลนงานและชีวิตส่วนตัว ในปีนี้กัน

ชีวิตในปี 2564

“ถามว่าชีวิตในปีที่ผ่านมามีอะไรผิดแผนไหม ไม่นะคะ ไม่มีแผนอะไรขนาดนั้น เป็นอย่างไรก็ปล่อยไปตามนั้น โฟลว์ๆ ไป ในเรื่องของโควิด ทุกคนก็ประสบปัญหาเหมือนกัน

ส่วนมีอะไรที่ได้เกินที่คาดหมายหรือเปล่า มันก็มีทั้งในทางที่ดีและไม่ดี มันค่อยๆ มาตามกัน อย่างช่วงที่โดนดราม่าเยอะๆ มันก็เกินความคาดหมายเหมือนกัน (หัวเราะ) ส่วนในเรื่องงานต่างๆ มีความน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นเยอะ มันก็เกินความคาดหมายเช่นกันค่ะ

ซึ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ถามว่าถ้าย้อนกลับไปได้ มีสิ่งที่อยากกลับไปแก้ไขไหม ไม่มีค่ะ ไม่มีอะไรที่เราอยากย้อนกลับไปแก้ไขขนาดนั้น ถึงมันจะเป็นเรื่องที่เราไม่สมควรทำ หรืออะไรต่างๆ ตามคำวิพากษ์วิจารณ์ มันก็ให้บทเรียนอะไรกับเรา”

รอดจากโควิดนับครั้งไม่ถ้วน จนได้รับฉายา “เจ้าแม่นาคี สตรีต้านโควิด”

“สำหรับฉายา ถ้ามันเป็นเรื่องของสถานการณ์ ไม่มีใครอยากที่จะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์นั้น แต่พอมันเกิดขึ้น ด้วยความบังเอิญหรืออะไรก็แล้วแต่ เราก็ยอมรับกับสถานการณ์นั้น และจัดการกับชีวิตของเรา

มันไม่ใช่แค่เรื่องของการได้รับฉายา ในเบื้องลึกมันคือเรื่องของสุขภาพด้วย ซึ่งแต้วมองว่าฉายามันก็คือฉายา เราเอาสิ่งนี้มาทำให้มันเกิดประโยชน์ ในมุมของเรา เราใช้ตรงนี้หาเงินช่วยโรงพยาบาล เราคิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำได้ โอเค อย่างน้อยฉายาที่ได้มาก็ทำให้เกิดประโยชน์ขึ้น มองว่าเป็นแค่สถานการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นค่ะ

ปีที่ผ่านมาแต้วกักตัวหลายครั้งมาก มันเยอะจนไม่ได้นับ แต่ว่าเกิน 5 ครั้งค่ะ ซึ่งมันก็มีต้องกักตัวจริงจังประมาณ 2-3 รอบ ครั้งที่กังวลที่สุด น่าจะเป็นครั้งที่คิดว่าติด แต่จริงๆ ไม่ติด ไม่มีข้อมูลในการยืนยันอย่างที่เรามั่นใจมากๆ ว่าเราไม่ได้ติด แต่ตอนที่รู้ว่าเราเป็น จริงๆ คนที่ติดก็มีเยอะ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าเราจะติดในมุมที่เรามีคนติดตาม และมีเรื่องของไทม์ไลน์ ต้องมาหาต้นตอว่าตรงไหน

ในช่วงนั้นที่ไม่มีคำตอบสำหรับโควิด มันก็เหมือนว่ามีความประเดประดังเข้ามามาก แต่สุดท้ายไปตรวจอีก ปรากฏว่าเราไม่ได้เป็น มันก็เป็นอะไรที่เกินคาดหมายอีกสถานการณ์หนึ่งเหมือนกัน

มันอธิบายไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมแต้วถึงเจอแจ๊กพอต ต้องกักตัวแทบทุกรอบที่คนบันเทิงติด เพราะว่าส่วนใหญ่มันก็มาจากการทำงานแทบทั้งสิ้น”

เจอข่าวดราม่าหนักหน่วง 2 ปีซ้อน

“แต้วไม่ได้คิดว่ามันจะเปลี่ยนแปลงความเป็นตัวเรา มันก็เป็นอีกประสบการณ์ที่เกิดขึ้นสำหรับเรา จากที่เราไม่เคยเจอ แต่ครั้งหนึ่งเราต้องมาเจอ เราก็ได้เรียนรู้อะไรจากมัน

การรับมือก็ไม่ได้ยากเลยนะ สำหรับแต้ว ถ้าเรามีเจตนาหรือมีเหตุผลในเบื้องหลังของการ กระทำ และเราตอบคำถามมันได้ แค่ตอบคำถามตัวของเราเองก็พอแล้ว เลยคิดว่าถึงมันจะเป็น กระแสวิจารณ์มันก็เกิดขึ้นได้

แต้วเคยพูดหลายครั้งแล้วว่าคนมีสิทธิ์ที่จะมองเราหรือตัดสินเราตลอด เพราะเขามองเรามาจากมุมหนึ่งของชีวิตเราเท่านั้นเอง เขาก็ไม่รู้ว่าแต่ละคนในชีวิตจริงเจออะไรมาบ้าง ไม่ผิดที่ใครจะมาพูดมาวิจารณ์อะไรอย่างนี้

กับดราม่าต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต้วไม่ได้นอยด์และไม่ได้คิดน้อยใจอะไรเลย รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติ มันแค่อาจจะดูเยอะ มันก็อาจจะเป็นเพราะการตัดสินใจของเรา มันก็เลยทำให้คนปะติดปะต่อเรื่อง”

ไม่คิดฟ้องพวกเกรียนคีย์บอร์ด

“แต้วไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่ออะไร อย่างน้อยคือคำขอโทษเหรอ แล้วมันมีอะไรดีขึ้น เราเชื่อในเรื่องที่ว่าเราไม่สามารถไปเปลี่ยนความคิดจากคำพูดไม่กี่คำ มันก็เหมือนเป็นการตอบโต้กัน คนฟ้องก็ไม่สนุก คนโดนฟ้องก็ไม่สนุก

รู้สึกว่าไม่มีประโยชน์อะไร และสิ่งที่ต้องเจอมันก็แค่คำพูด ไม่ได้กระทบชีวิตแต้วในการดำเนินชีวิต หรือว่าทำให้แต้วไม่มีงานทำ แต้วก็มีช่องทางในการทำงาน แต้วมีงานแสดงอื่นๆ ที่สามารถดึงความสนใจได้มากกว่าการมาเรียกร้องความเข้าใจที่ถูกต้องอย่างที่เราอยากให้เป็นค่ะ”

ฝากถึงคนที่ชอบดราม่า

“สวัสดีค่ะ (หัวเราะ) แต้วไม่รู้จะพูดอะไร ก็แล้วแต่ เราไม่มีทางรู้เลยว่าใครคิดยังไง ถึงเขาจะทำดีพูดดีกับเราก็ตาม เราก็แค่มีแต่คิดดี พูดดี หวังดีกับคนที่เรามีผลกับชีวิตเขาก็พอ

แต้วยังดีมีแฟนคลับ หรือคนรอบข้าง ที่เข้าใจกันมากๆ แต้วต้องขอบคุณที่เขายัง ไม่หวั่นไหวกับคำพูด และยังมีความเชื่อมั่นในตัวเรา เรื่องนี้แต้วไม่สามารถไปบังคับ ให้ใครทำแบบนี้ได้ แต้วขอบคุณเขา สิ่งที่เราทำได้ ไม่ว่าจะเป็นงานหรืออะไร มันจะพอตอบแทนสิ่งที่เขา ให้เรามาได้บ้างค่ะ”

แฟนๆ ลุ้นหนัก ในแก๊งเฟอร์บี้ เป็นคู่ต่อไปที่แต่งงาน

“แต้วว่าทุกคู่แหละ เพียงแต่ชีวิตเราถูกตีแผ่นิดนึง มันก็มีคนจับตามองดูว่าต่อไปจะเป็นยังไง เป็นเรื่องปกติที่มีคนจับตา จริงๆ ทุกอย่างไม่มีใครรู้ว่าวันนี้เราอาจจะคิดแบบนี้ อนาคตอาจจะไม่ใช่ก็ได้ ให้มันเป็นไปตามสิ่งที่เราเป็นอยู่ว่ามันจะพาเราไปในทิศทางไหน

ที่บอกในแก๊งลงความเห็นว่าคู่ ต่อไปที่จะไปคือแต้ว ซึ่งมันก็ต้อง เป็นใครสักคนที่ไม่ใช่ตัวเอง (หัวเราะ) มันก็วนกันอยู่แค่นั้น อย่างมาถามแต้วว่าใครแต่งก่อน แต้วคงไม่บอกว่า อ๋อ..แต้วค่ะ (หัวเราะ)

คือเราก็ต้องใช้เวลาในทุกความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คนรู้จัก พี่ ที่ทำงาน คู่รัก คนรัก มันต้องค่อยๆ เรียนรู้กันไปค่ะ ซึ่งในแก๊งเราก็ส่งพลังดีๆ หากัน ใครมีปัญหา ใครมีสิ่งที่อยากจะแชร์ความสุขกันก็คอยซัพพอร์ตค่ะ

ถามว่าตัวณัย (ประณัย พรประภา) กดดันไหมที่ถูกจับตามอง ไม่รู้เลย ไม่เคยคุยเลยค่ะ ไม่ได้คุยอะไรกันแบบนั้นเลยค่ะ ต้องไปถามเขาเอง (หัวเราะ) เพราะเราไม่เคยคุยเรื่องนี้”

ความรัก 2 ปีกว่า แต่ยังหวานตลอด

“ไม่ได้เสิร์ฟความหวาน ทุกอย่างเกิดจากสิ่งที่เราตั้งใจอยากให้มีพลังงานดีๆ มีกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อสู้กับปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ชีวิตส่วนตัว มันก็เหมือนเป็นการซัพพอร์ตกันมากกว่า ซึ่งมันจะออกมาในรูปแบบไหนก็แล้วแต่อนาคต

แต้วว่าถ้ามันเริ่มต้นจากความหวังดีต่อกัน มันก็เป็นอะไรที่ไม่ใช่ว่าช่วงนี้หวาน มันก็จะปรับเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาของมันเอง แต่สิ่งสำคัญมันคือความรู้สึกดีๆ ที่มันเกิดขึ้นต่อกันและกันมากกว่าค่ะ

เรายังต้องปรับตัวกันอยู่ทุกวัน มันต้องค่อยๆ เรียนรู้กันไปว่าสิ่งนี้คุณคิดยังไง เราคิดยังไง แม้แต่คนในครอบครัวเดียวกันเอง พี่น้องคลานตามกันมาต้องค่อยๆ ปรับความเข้าใจกันไปเลย แต้วว่าทุกๆ ความสัมพันธ์ต้องค่อยๆ ปรับกันไปค่ะ”

อายุกับการแต่งงาน

“เรื่องแต่งงาน ตอนเด็กๆ คิดว่าอายุ 30 นี่แก่มากแล้วในตอนนั้นนะ ควรมีครอบครัวได้แล้ว เป็นป้าแล้วไหมอ่ะ (หัวเราะ) แต่พอเราอายุ 30 จริงๆ หนูจ๋าเด็กมากเลยลูก 30 นี้ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทุกอย่างมันก็เลยเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

ไม่เกี่ยวหรอกว่าต้องอายุเท่าไหร่ถึงจะต้องแต่งงาน เราก็ไม่ได้เป็นผู้หญิงฝันอะไรอย่างนั้นไว้ เพราะเราคิดว่าไม่ใช่สูตรสำเร็จของการมีชีวิตอะไรขนาดนั้น มันอยู่กับหลายปัจจัย เลยทำให้แต้วไม่มีภาพที่ชัดเจนในเรื่องนี้

แล้วถามว่าถ้าแต่งงานจะออกจากวงการหรือยังทำงานต่อ คือไม่ได้คิดเลย เป็นคนไม่วางแผนอะไรแบบนั้นเลย อย่างที่บอก มันมีหลายปัจจัย ก็เลยตอบไม่ได้ว่าจะเป็นอย่างไร”

แผนการทำงานและชีวิตในปี 2565

“ในเรื่องการทำงาน เราก็วางแผนไว้ว่ามันจะไปในทิศทางไหน เป็นคนวางแผนในระยะสั้น แผนชีวิตก็จะมองในภาพรวมว่าเราต้องดูแลแม่ ดูแลครอบครัวตามกำลังที่เรามีอยู่ ณ ตอนนั้น สุดท้ายเราก็ดูแลใจกันมากกว่า เพราะเราเพิ่งผ่านเรื่องที่ไม่คาดฝันกันมา อย่างเรื่องเสียคุณพ่อ

เราให้ความสำคัญกับเรื่องของจิตใจในทุกขณะมากๆ เพราะเรารู้สึกว่า เราไม่รู้เลยว่าเวลาของเราจะมีอยู่อีกแค่ไหน เจอกันวันนี้ คุยกันพรุ่งนี้ อาจจะไม่ได้มีโอกาสคุยกันอีก ไม่ว่าจากสถานการณ์ใดๆ ก็ตาม ดังนั้นแต้วจึงให้ความสำคัญกับเรื่องจิตใจมากกว่าอย่างอื่น อย่างงาน หรือไลฟ์สไตล์ มันก็เป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับตัวเอง”

ขอพรให้ตัวเอง 3 ข้อ

“1.ขอให้มีสติ 2.ขอให้แข็งแรง ถ้าไม่แข็งแรงก็ไม่มีสติแน่นอน (หัวเราะ) และ 3.ขอให้มีความสุขค่ะ”

“สุดท้ายปีใหม่นี้ แต้วหวังว่าจะมีอะไรใหม่ๆ ที่เป็น สิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับทุกๆ คน ทุกๆ ท่าน ไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับของแต้วเอง หรือคนที่แวะเวียนมาอ่าน ขอให้มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นในชีวิต สุขภาพแข็งแรงกันทุกคนนะคะ”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6810235
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6810235