กิ๊ฟซ่า เผยว่า “จริงๆกิ๊ฟคบกับพี่ณัฐมานาน ในช่วงปีหลังๆที่ผ่านมาจะมีจุดที่เราอยากให้ความสัมพันธ์มั่นคงและเดินต่อไปข้างหน้า ส่วนตัวกิ๊ฟ เป็นคนที่มีความตั้งใจที่อยากจะมีครอบครัวเหมือนพ่อแม่เรานะ มันเป็นสิ่งที่กิ๊ฟคาดหวังไว้ เป็นเป้าหมายในชีวิต พอเริ่มคบกับพี่ณัฐไปนานๆ เหมือนมีความชัดเจน ช่วงหลังๆ ด้วยสถานการณ์โควิดเลยทำให้หลายๆอย่างมีความเครียด ในเชิงความสัมพันธ์มีความรู้สึกไม่ตรงกันและเปลี่ยนไปเยอะ ตั้งแต่โควิดช่วงแรกๆ ปี 2020 เราใช้ความรู้สึกเยอะ เวลามีแฟน แต่พอเราโตขึ้นมาเราเริ่มใช้เหตุผลอะไรคือสิ่งที่เราต้องการจริงๆกันแน่ เป้าหมายไม่ตรงกัน เราก็ควรที่จะจบความสัมพันธ์ดีไหม เราใช้เวลาดูใจมานานมากแล้ว เราคบกันมา 13 ปี หลายๆ คนก็บอกว่าเป็นเพราะเราคบกันนานเกินไป ถ้าไม่มีขั้นตอนต่อไปหลายๆ คู่เป็นแบบนี้เหมือนกัน”

ช่วงที่ผ่านมามีทะเลาะกันบ้างมั้ย

“พอความคิดของเราแตกต่างกันก็จะมีความขัดแย้งกันในหลายๆเรื่อง แต่ไม่ถึงขั้นทะเลาะกัน พอแก่นหลักของการเป็นแฟนกันมันแตกต่างกันไปแล้ว มันทำให้เรื่องเล็กๆน้อยๆยังขัดแย้งได้ ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเวลาอยู่ด้วยกันเหมือนมีความสุขแต่ไม่มีความสุข ช่วงโควิดเมษาที่ผ่านมา กิ๊ฟไปอยู่ภูเก็ตทำให้เราได้เริ่มพิจารณาหลายๆ อย่างมากขึ้น แล้วแนวคิดเป็นแฟนกันแต่ไม่มีการพัฒนาต่อไปก็น่าจะจบดีกว่ามั้ย ช่วงที่ตัดสินใจเลิกคุยกันจริงๆประมาณกลางเดือน ก.ย.64”

พอตัดสินใจเปลี่ยนสถานะตัวกิ๊ฟซ่าเศร้าเสียใจกับรักครั้งนี้ขนาดไหน

“มันก็มีความเศร้าเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วค่ะ เราเป็นแฟนกันมานาน แต่พยายามถอยออกมาไม่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในอารมณ์เศร้า ผิดหวัง หรืออะไรก็ตาม เรามองเข้าไปอย่างมีสติ ในเมื่ออนาคตไม่ตรงกันมันก็ต้องจบกันไป ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป ไปเดินในเส้นทางที่เราคิดว่าอยากที่จะทำ อยากที่จะเป็น ตอนแรกเศร้าค่ะ โชคดีที่เราได้รับการซัพพอร์ตจากครอบครัว พ่อแม่เราหรือเพื่อนๆ เราก็ได้กำลังใจจากคนรอบข้างเยอะมากก็เลยรู้สึกว่า จริงๆเราไม่ได้ขาดอะไรนะ เรารู้สึกชีวิตของเราก็มีความสุขดี ทำไมเราจะต้องไปคาดหวังกับสิ่งที่เราไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ทำไม การมีชีวิตคู่ แต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคน พอเราเป็นคนอยากมีอนาคตแบบนั้น แต่อีกฝั่งเขายังไม่พร้อม มันทำคนเดียวไม่ได้ต้องพร้อมทั้งสองฝ่าย”

ตอนนี้โสดแล้วมีหนุ่มๆเข้ามาขายขนมจีบเราบ้างมั้ย

“ต้องมีอยู่แล้ว (หัวเราะ) มีคุยทำความรู้จักแต่ยังไม่เป็นแฟนกันหรืออะไรนะ ยังไม่ได้มีแฟนใหม่ ยังโสดอยู่ค่ะ”

หนุ่มๆเข้ามาทางไหน

“เพื่อนๆนั่นแหละที่ชอบหาให้ ทุกคนอย่าให้เอ่ยชื่อ อย่างกิ๊บซี่ก็ดูให้ มีแบบไอซ์-อภิษฎา ทุกคนช่วยกันหา กลัวเพื่อนเหงาแต่จริงๆไม่เหงาเลย เรากับคิดว่าเรายุ่งด้วยซ้ำ พอตอนนั้นที่เรามีแฟน เวลามีแฟนส่วนใหญ่ให้แฟนหมดเลย คือเราให้การทำงานอันดับแรก รองลงมาก็แฟน ทำให้เราไม่มีเวลาไปเที่ยวกับเพื่อนๆ พอโสดปุ๊บมีความรู้สึกเบาตัว มันมีอิสระที่เราจะไปเจอเพื่อนที่ไหนก็ได้ แต่เพื่อนๆแหละไม่อยากให้โสดนาน เพื่อนชอบใช้คำว่าอายุปูนนี้แล้ว แต่กิ๊ฟมีความรู้สึกเราใจเย็นๆก่อนก็ได้ เหมือนเรามีแฟนมานานมากจนเราลืมไปแล้วชีวิตโสดมันก็สบายดีนะ ถ้าเป็นสมัยวัยรุ่นถ้าเลิกกับแฟนคงมีอารมณ์ฟูมฟาย พอโตขึ้นมาแล้ว กลับกลายเป็นว่าเราใช้เหตุผลในการพิจารณาดีกว่า อารมณ์เศร้ามีมั้ยมีค่ะแต่เราใช้เหตุผลมากขึ้น ตอนนี้เลยชิลมาก”

ณ ตอนนี้พร้อมเปิดใจรักครั้งใหม่หรือพักไว้ก่อนดีกว่า

“ตอนนี้หวงแหนชีวิตโสดมาก มันสบายมาก เราไม่ต้องมีใครต้องห่วง คนเดียวที่เราห่วงหนึ่ง ตัวเราเอง สองพ่อแม่เราครอบครัวเรา คนที่เรารัก เพื่อน คือจริงๆกิ๊ฟมานั่งตกผลึกแล้วคือเรามีความรู้สึกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตเราอันดับหนึ่งคือการงานอันดับ 2 ครอบครัว-เพื่อน อันดับ 3 คือชีวิตโสดของตัวเราเอง อันดับ 4 ถ้ามีใครอยากจะมาคุย ถ้ามันไม่รบกวน 3 อันดับแรกก็โอเค คุยได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่รบกวนเราตัดสินใจแล้วไม่เอาดีกว่า”

วินาทีดอกไม้เสี่ยงทายจากงานแต่งแนนนี่ คนจะแซวว่ากิ๊ฟซ่าดีใจกว่าเบลล์ที่เป็นคนได้ช่อดอกไม้ซะอีก

“(หัวเราะ) เรารู้ตัวอยู่แล้วไม่น่าได้หรอก กิ๊ฟซี่ได้หลายงานแต่ก็ยังไม่แต่งซะที แต่ในความ รู้สึกของเราไม่รู้หรอกใครได้แต่ที่เราดีใจที่เบลล์ได้เพราะว่า เออ! คือเขากับแนนนี่จะสนิทกัน เขาได้ดอกไม้จากเพื่อนที่เขาสนิท เราอยู่วงเดียวกันด้วย แล้วเบลล์ก็มีแฟน แล้วแฟนเค้าก็ดูรักเบลล์นะ เป็นผู้ชายที่ใช้ได้เลย เป็นคนมีเหตุมีผล เป็นคนมีความคิดที่ค่อนข้างมองโลกตามความเป็นจริง ตั้งแต่เบลล์มีแฟนมาคนนี้ดูโอเคสุดแล้วค่ะ”.