“อนิต้า มุย” ซุปเปอร์สตาร์ที่ไม่เคยลับแสง ยังอยู่ในใจของแฟนๆ ไม่เสื่อมคลาย


ให้คะแนน


แชร์

ก่อนภาพยนตร์จะเข้าฉายและนำผู้ชมกลับไปมองดูชีวิตที่รุ่งโรจน์และลาลับโลกไปในวัย 40 ปีด้วยโรค มะเร็งปากมดลูกของ อนิต้า มุย รวมถึงบรรยากาศของฮ่องกงในทศวรรษ 80-90 “ไทยรัฐ” ได้สนทนาผ่านซูมกับผู้กำกับและทีมนักแสดงจากฮ่องกง ทั้ง หลุยส์ หว่อง นางแบบสาวผู้สวมบท อนิต้า มุย, เทอร์แรนซ์ เลา รับบท เลสลี่ จาง, ฟิช หลิว รับบท แอนน์ มุย หรือ เหมย อ้าย ฟาง พี่สาวของ อนิต้า รวมถึง กอร์ดอน แลม คา ทง กับบท มิสเตอร์โซ ผู้จัดการค่ายเพลงแคปิทอล อาร์ติสต์ เรคคอร์ด ผู้มีส่วนในความโด่งดังของ อนิต้า โดยโซนี่ พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนต์ (ประเทศไทย)

ด้วยบุคลิกและเสียงร้อง อนิต้า ซึ่งได้รับฉายาว่า “มาดอนน่าแห่งเอเชีย” นั้นมีเอกลักษณ์จนยากที่ใครจะเลียนแบบเทียบเคียง ทำให้การเฟ้นหาคนที่ใกล้เคียงกับต้นแบบเป็นเรื่องสุดท้าทาย ทีมสร้างภาพยนตร์ใช้เวลาราว 1 ปีคัดเลือกผู้ที่จะมารับบทนี้ จนค้นพบ หลุยส์ หว่อง นางแบบสาวที่มีดวงตาและจมูกคล้ายดาราสาวผู้วายชนม์ แต่การร้องเพลงที่มีโทนเสียงทุ้มต่ำอันโดดเด่นของ อนิต้า นั้น ลองแมน เหลียง เผยว่า “ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่หลุยส์ หว่อง จะเลียนแบบสไตล์การร้องเพลงของอนิต้าได้เหมือนเป๊ะ ผมเลยให้เธอเรียนร้องเพลงเพิ่ม ซึ่งเธอก็งดงานเดินแบบเป็นเวลา 9 เดือน เพื่อศึกษาบทบาทนี้” อย่างไรก็ตาม เพื่อความสมบูรณ์แบบในด้านของเสียงร้องเพลง ลองแมน เหลียง และทีมเสียงของภาพยนตร์เรื่องนี้เลือกใช้กลยุทธ์เดียวกับภาพยนตร์ชีวประวัติเรื่อง “Bohemian Rhapsody” ด้วยการผสมเสียงของหลุยส์ หว่อง กับการบันทึกเสียงของอนิต้า และนักร้องคนที่ 3

หลุยส์ หว่อง หลุยส์ หว่อง

ด้าน หลุยส์ หว่อง ก็เสริมต่อ “ทุกอย่างที่เป็นอนิต้าเป็นเรื่องที่ยากมาก ผู้กำกับบอกว่านี่
ไม่ใช่การแข่งขันเลียนแบบ เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะแกะทุกอย่างให้เหมือนอนิต้า เพราะไม่มีอะไรมาแทนที่เธอได้ ฉันก็รู้สึกขอบคุณที่พวกเขาหาพี่เลี้ยงมาฝึกสอนทักษะการร้องเพลง การแสดง การเต้นให้ฉัน อีกอย่างฉันก็ฝึกการแสดงออกทางสีหน้าของอนิต้าด้วย ทั้งวิธีที่เธอพูด รูปลักษณ์และรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็ฝึกอย่างเข้มข้นราว 6 เดือน ซึ่งฉันคิดว่านี่คือภารกิจที่ต้องทำงานหนักเพื่อให้งานออกมาดี”

สิ่งที่ทำให้ หลุยส์ หว่อง มองว่าเธอเข้าถึงบทของอนิต้าก็เพราะเธอมีวัยเด็กที่ไม่ได้สุขสบายนัก ไม่ต่างจากดาราสาวรุ่นพี่ผู้ล่วงลับ สิ่งนี้ได้หล่อหลอมบุคลิกหลุยส์ หว่อง ให้เป็นคนตรงไปตรงมาและชอบดูแลคนอื่นเหมือนพี่น้อง ซึ่งนางแบบสาวกล่าวยกย่องอนิต้าว่า “อนิต้านำความสุขและพลังบวกมาสู่คนรอบข้างและแฟนๆเสมอ เป็นความรักที่มอบให้แก่กัน เธอยังชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นต้นแบบให้คนอื่นทำตาม และเธอคือแบบอย่างสำหรับพวกเรา”

ฟิช หลิว ฟิช หลิว

สำหรับการค้นหานักแสดงมารับบทคนสำคัญในชีวิตของ อนิต้า มุย ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน ฟิช หลิว ที่ผ่านออดิชันจนได้บทพี่สาวของอนิต้า เล่าว่า “ความยากคือในแง่เทคนิค เพราะฉันเป็นชาวมาเลเซีย สำหรับฉันแล้วมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการพูดในภาษากวางตุ้งที่ถูกต้อง ปัญหาอีกอย่างคือภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดขึ้นในยุค 80 ดังนั้น ฉันต้องเข้าใจบทสนทนาได้ถูกต้อง” แต่ถึงกระนั้นดาราสาวก็สามารถเชื่อมต่อกับบทได้ เธอให้เหตุผลว่าฟังเพลงของอนิต้ามาตั้งแต่ยังเด็กจนเติบโตขึ้นก็เริ่มค้นหาสไตล์แฟชั่นของตัวเองโดยอยากแต่งตัวให้เท่เหมือนอนิต้า “ในความประทับใจของฉัน อนิต้า มีมุมมองด้านแฟชั่นที่ยอดเยี่ยมและมีภาพลักษณ์ที่หลากหลายจริงๆ”

เทอร์แรนซ์ เลา เทอร์แรนซ์ เลา

ขณะที่ เทอร์แรนซ์ เลา เผยว่า การได้รับบทเลสลี่ จาง ทำให้เขาตื่นเต้นมาก เพราะนี่คือหนึ่งในนักแสดงที่ตนนับถืออย่างมาก “ผมอาจพลาดช่วงพีกๆของอนิต้าและเลสลี่ไปบ้าง แต่หนังเรื่องนี้ทำให้ผมได้รู้จักพวกเขาอีกครั้ง ผมกลับไปศึกษาพวกเขา เลสลี่ เป็นแรงบันดาลใจให้ผมจริงๆ ผมยังจำสิ่งที่เขาพูดในท้ายคอนเสิร์ตครั้งหนึ่งว่า ‘ก่อนจะรักคนอื่น คุณต้องเรียนรู้ที่จะรักตัวเองก่อน’ และนอกจากความสามารถของเลสลี่ ผมยังชื่นชมบุคลิกของเขาด้วย หลังจากผ่านอะไรในชีวิตมามากมาย วันหนึ่งเขาก็กล้าที่จะเป็นตัวของตัวเองจริงๆ นี่คือแรงบันดาลใจให้ผมเลย”

กอร์ดอน แลม คา ทง กอร์ดอน แลม คา ทง

ส่วน กอร์ดอน แลม คา ทง นักแสดงฝีมือเชี่ยวและเคยมีประสบการณ์ร่วมงานกับอนิต้า เขาเป็นทั้งนักแสดงรุ่นน้องและยังปวารณาเป็นแฟนคลับของเธอ สิ่งที่ชายหนุ่มชื่นชม อนิต้าตลอดมาก็คือเธอมีความพยายามเปลี่ยนแปลงวิธีทำงาน ซึ่งส่งผลต่อวิธีที่ แลมคา ทง มองอาชีพของเขาเอง “พอได้มาร่วมงานกับหนังเรื่องนี้ ผมเห็นหลุยส์ หว่อง ครั้งแรก ก็ทำให้นึกถึงความทรงจำเก่าๆ มากมายเกี่ยวกับอนิต้า ผู้เป็นซุปเปอร์ สตาร์สำหรับผม”

ลองแมน เหลียง ลองแมน เหลียง

กลับมาที่ ลองแมน เหลียง ได้เล่าถึงความประทับใจต่ออนิต้าว่า “ในปี 2546 เราสูญเสียเลสลี่ จาง แล้วก็มีโรคซาร์สระบาด ผมรู้สึกนับถือที่อนิต้า เผชิญกับความยากลำบากเหล่านี้ และบุคลิกที่ใจกว้างของเธอในการมีส่วนร่วมในสังคมเพื่อช่วยเหลือชาวฮ่องกง” ผู้กำกับคนดังยังบอกถึงความท้าทายอีกอย่าง นั่นคือการสร้างบรรยากาศในช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990 ในฮ่องกงขึ้นมาใหม่ ซึ่งช่วงเวลานั้นเกาะฮ่องกงมีความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ตึกรามเก่าๆอาจไม่ได้ถูกอนุรักษ์เหลือไว้นัก แต่ฉากในหนังต้องมีสถานที่แห่งความทรงจำของ 2 พี่น้อง อนิต้าและแอนน์ ทั้งสวนสนุกไลชีก๊ก ที่พวกเธอร้องเพลงหารายได้มาเกื้อหนุนครอบครัวในวัยเยาว์, โรงละครลีที่เธอได้แสดงตอนโต, จุดบรรจบของถนนนาธานและถนนจอร์แดน และท่าเรือจิมซาจุ่ยตะวันออก สถานที่เหล่านี้คือหมุดสำคัญในชีวิต อนิต้า เขาจึงเซตฉากเหล่านี้ขึ้นมาใหม่โดยใช้พื้นที่ในสนามบินไคตั๊กที่ยุติการใช้งานไปแล้ว ซึ่งนอกจากฉากในฮ่องกงก็ยังมีฉากที่ถ่ายทำในไทยด้วย “เรามีความสุขมากกับการถ่ายทำในไทย” ผู้กำกับหนุ่มกล่าวส่งท้าย

การสนทนาครั้งนี้แม้จะไร้เงานักแสดงชื่อดัง หลุยส์ คู หรือ กู่ เทียน เล่อ ซึ่งรับบท เอ็ดดี้ หรือ หลิวเผยจี เพื่อนสนิทของอนิต้า แต่ผู้ชมก็จะได้เห็นเขาในบทบาทคนสำคัญอย่างมากในชีวิตของดาราสาวดาวค้างฟ้า พร้อมกับได้รื้อฟื้นภาพความทรงจำของคอนเสิร์ตสุดท้ายและเป็นตำนาน ซึ่ง อนิต้า มุย สวมชุดแต่งงานสีขาวฟูฟ่องร้องเพลงดังแห่งยุค “Song of Sunset” เป็นบทเพลงอำลาทุกคนไปชั่วนิรันดร์.

เรื่อง: ศุภางค์ภัค เศารยะพงศ์

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/inter/2279165
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/inter/2279165