“เสือ” โต้กลับถูกกล่าวหาขโมยเงิน พร้อมเคลียร์ปัญหาในครอบครัว


ให้คะแนน


แชร์

“เสือ” โต้กลับถูกกล่าวหาขโมยเงิน พร้อมเคลียร์ปัญหาในครอบครัว

           หลังที่ก่อนหน้านี้ “เสือ เสฏกานต์” ลูกชาย “เสก โลโซ” และ “กานต์ วิภากร” ได้เข้าขอความคุ้มครองจากศาล เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย ด้านอดีตคนรัก “ดรีม” แฟน “เสือ” ก็ออกมาโต้กลับไม่ได้ขโมยเงินแต่อย่างไร ล่าสุด เสือ เสฏกานต์ และแฟนสาว ดรีม พร้อมด้วย ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ได้เปิดใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า

กานต์ วิภากร

          เสือ : อยากจะมาออกรายการ เพื่อชี้แจงกับประเด็นที่ผมโดนกล่าวหาครับ เรื่องขโมยตังค์โน่นมานี่ ซึ่งมันไม่จริง แล้วผมก็อธิบายในรายการแล้ว ว่าอะไรเป็นอะไร คือหลังจากที่ผมออกมา ก็ไม่ได้คุยกับเขาเลยครับ แต่ว่าเรื่องเงินก้อน 10 ล้านบาท ที่อยู่ในบัญชีประจำเนี่ย ผมไม่ได้เคยแตะต้องอะไรเลย แล้วผมก็ยอมเซ็นอะไรหมดแล้ว แต่ว่าวันนั้นผมไม่ได้บุ๊กแบงค์ ไม่รู้หายไปไหน ไม่ได้อยู่กับผม ไม่ได้อยู่กับดรีม ไม่ได้มีใครขโมยอะไรไปเลย ผมก็ไม่รู้ว่าผมเซ็นอะไรยังไง ตามที่ผมบอกไป มันก็เลยอาจจะเซ็นพลาดไป แล้วตอนนั้นคือมันหนักใจมากด้วยครับ คิดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ ครับ เพราะว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงมาก แต่ผมยังไม่บอกนะ ว่าอะไรเกิดขึ้น ยังไม่บอก 

กานต์ วิภากร

          แล้วอีกก้อนหนึ่ง ที่เขาบอกว่าเรื่องบิตคอยน์ เรื่องคริปโต อันนี้ผมก็พร้อมที่จะทรานเฟอร์ไปทางวอลเลตเขาได้ตลอดเวลาเลย ถ้าเขาทำมาหรือให้ใครทำมาก็ได้ ผมพร้อมตลอด เพราะเงินก้อนนี้ ที่เขาให้ผมบริหาร มันไม่ใช่เงินของผม มันมีของผมส่วนหนึ่งอยู่แล้ว แต่ว่าส่วนที่ได้มาจากการขุดจากพี่คนหนึ่ง ที่รู้จักกับคุณพ่อเนี่ย คือก็เป็นของเขาหมดเลย ผมไม่แตะต้อง ไม่ได้ทำอะไรเลย ไปดูในประวัติเว็บได้เลย พูดแบบบริสุทธิ์เลย ผมไม่ได้เอาไปทำอะไรเลยจริงๆ 

ก็คือประเด็นที่ผมออกมาชี้แจง แล้วผมก็อยากจะบอกว่า ผมมารายการวันนี้ ผมไม่ได้อยากจะโจมตีครอบครัวเลย ไม่ได้คิดร้ายกับครอบครัว ไม่ได้อยากจะให้ครอบครัวดูแย่เลย ผมแค่อยากบอกว่า ผมอยากให้ครอบครัวอยู่ด้วยกัน อยากให้ครอบครัวเข้าใจกันจริงๆ ให้มีความสุขจริงๆ แต่ถ้าผมอยู่ต่อไปแบบนี้ โดยไม่ได้ทำอะไรเลย ให้ปัญหามันอยู่ที่ดรีมกับแม่สองคน ผมก็คิดว่ามันคงอยู่ยาก ผมก็จะหนักใจไปเรื่อยๆ ผมคงอยู่แบบนั้นไม่ได้ คือที่ผมบอกในรายการครับ ผมไม่ได้มาเพื่อเข้าข้างดรีม เลือกดรีมแทนแม่ หรือเลือกแม่แทนดรีม แต่ว่าผมเห็นอะไรที่ดรีมโดน อะไรที่ออกมาตามข่าว ตามโซเชียลมีเดีย มันไม่ถูกต้อง มันผิด มันเป็นเรื่องที่ไม่จริงหมดเลย ผมเลยต้องออกมาชี้แจงแบบนี้

กานต์ วิภากร

          ถามว่ามีแผนอะไรไหม คือมีครับ คือในที่สุดผม อยากจะให้ทุกอย่างมันจบลง ที่การที่เราได้อยู่กันเป็นครอบครัวอีกเหมือนเดิม การที่เราอยู่บ้านเดียวกันเหมือนเดิม ผมคิดไว้แบบนี้เลย แต่ว่าเป็นไปยังไงก็ต้องรอ เพราะว่าช่วงนี้ปัญหามันหนักกับทุกคนที่เกี่ยวข้องเลย

ส่วนที่แม่ออกมาโพสต์ล่าสุด เหมือนคิดว่าเราได้เลือกข้างไปแล้ว อันนี้ผมก็รู้สึกไม่ดี แต่คือผมก็เปลี่ยนความคิดเขา แล้วก็คนที่คิดแบบนี้ไม่ได้ เพราะว่าผมก็ไม่ได้อยากจะบังคับ ให้ใครคิดอะไรแบบไหน ใครอยากคิดอะไรก็แล้วแค่เขาเลย แต่ผมก็ยืนยัน ว่าผมทำแบบนี้ ไม่ใช่เห็นว่าแฟนดีกว่าแม่ หรือแฟนดีกว่าครอบครัวเลย แต่ผมเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ถูกต้องจริงๆ เลยต้องทำแบบนี้ แล้วอีกอย่างก็คือที่มีหลายคน หาว่าผมไปฟ้องแม่ ไปฟ้องครอบครัว นี่มันไม่ใช่เลย คือผมไม่อยากฟ้อง ไม่อยากทำลายครอบครัวแบบนั้นเลย วันที่ผมไปศาล คือตามที่ผมบอก เรื่องมันแรง เรื่องมันน่ากลัวต่อชีวิตจริงๆ ไม่ได้ไปฟ้องอะไรเลย ไม่ได้มีเจตนาทำแบบนั้นเลย

          ข้อเรียกร้องข้อที่ 5 ขอให้มีการตรวจสภาพทางจิตเวชมารดา อันนี้มันก็พูดยากนะ แต่ผมอยากจะบอกว่า การที่เขาคิดไม่ตรงกับคนอื่น การที่เขาคิดไม่เหมือนคนอื่นอะ มันไม่ใช่เป็นอะไรที่มันโหดร้าย แต่สิ่งที่เขาทำ ที่เขาขู่ ที่เขาพูดตามโซเชียล บางทีมันก็อาจจะแรงไป มันมีผลเสียกับคนอื่นเยอะ ผมคิดว่าการที่เรามีจิตแพทย์คุยด้วย หรือไปรักษาทางด้านสุขภาพจิต เป็นอะไรที่ควรมี ไม่ใช่แค่กับคุณแม่ แต่เป็นกับใครก็ได้ มันเป็นเรื่องปกติ คือเมืองนอกเขามีจิตแพทย์ ใครก็คุยได้ปกติมาก ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่ ควรมีการยอมรับมากขึ้นในประเทศไทยครับ ถ้าเขาได้มีการรักษาในด้านนี้ก็จะดี เป็นสเตปแรกเลย

          ที่แม่บอกว่าอยากให้เสือพาไป ผมโอเค ผมอยากให้เขาไป แต่ที่เคยคุยกัน เขาไม่อยากไป เพราะเขาคิดว่า กลัวคนจะมองว่าเขาเป็นคนป่วย ซึ่งผมคิดว่ามันไม่ใช่เลย การพบแพทย์เป็นการทำให้ตัวเองดีขึ้น ให้จิตเราดีขึ้น มันไม่ใช่อะไรที่ไม่ดีเลยจริงๆ 

           ผมรู้ว่าเขารักเรา แล้วก็รักครอบครัวมากจริงๆ อันนี้ผมรู้เลย แต่ว่าการที่เขาทำโน่นทำนี่ ที่มันอาจจะรุนแรงเกินไป ผมก็ไม่เห็นด้วยจริงๆ แล้วคือการที่ครอบครัวเราไม่เห็นด้วย หรือเห็นไม่ตรงกัน มันเป็นอะไรที่ปกติมาก เราไม่ต้องคิดตรงกันตลอด ทั้งๆ ที่เราเป็นครอบครัว แล้วที่ผมคิดว่าน้องดรีมไม่ได้ผิดอะไรเนี่ย มันก็เป็นอะไรที่เขาคิดไม่ตรงกัน ซึ่งมันควรที่จะคุยกันได้ มันไม่ควรที่จะอยู่ในระดับที่เราต้องมาทะเลาะกัน มาด่ากันในโซเชียลมีเดียเลย คือผมอยากมีคนกลางมาไกล่เกลี่ยด้วย เพราะว่าถ้าสมมติผมเข้าไปวันนี้เลย ผมว่ามันไม่จบ เพราะผมเคยเข้าไปแล้ว ไปคุยหลายครั้ง หลายชั่วโมงแล้ว มันก็ยาก ด้านคุณพ่อก็หนักใจ ผมก็คุยกับเขาบ่อยอยู่ แต่ผมก็ไม่อยากให้เขาคิดมากในเรื่องนี้ เพราะเขาเองก็มีเรื่องของเขาเยอะเหมือนกัน เรื่องที่เขาต้องเผชิญ ผมก็เลยไม่อยากให้เขาต้องมาปวดหัวในเรื่องของผม หรือเรื่องของดรีมด้วยเหมือนกัน

          จากข่าวที่เกิดขึ้น ทำให้หลายคนมองว่าเราเป็น ลูกที่อกตัญญู คือผมเข้าใจครับ ผมเข้าใจว่าคนอาจจะคิดแบบนี้ ซึ่งผมอยากจะเคลียร์เลยว่า ผมอ่ะไม่เคยคิดร้าย ไม่เคยจะทิ้งครอบครัว ไม่เคยคิดจะใช้ครอบครัวเพื่อเอาเงิน มันไม่ใช่แบบนั้นเลย ผมเห็นบุญคุณที่พ่อกับแม่ทำเพื่อผมกับน้องๆ ตลอด ท่านส่งผมไปนู่นไปนี่ ไปเรียน ไปทำงาน คือท่านช่วยมาตลอด แต่ที่ผมอยากจะพูดเกี่ยวกับประเด็นนี้ที่เราเห็นไม่ตรงกัน มันก็เป็นอะไรที่ผมอยากจะพูดจริงๆ เพราะมันเป็นอะไรที่ผมไม่เห็นด้วยมากๆ ก็ประมาณนี้ครับ ผมไม่เคยคิดจะทำร้ายครอบครัว ไม่คิดที่จะเป็นคนที่อกตัญญูกับครอบครัวเลย 

           ทางฝั่งของ ดรีม ได้นำเรื่องนี้เข้าไปแจ้งความเรียบร้อยหมดแล้ว ในส่วนของคดีหมิ่นประมาทอะไรแบบนี้ และก็ได้มีการสอบปากคำแล้วด้วย ถ้าเป็นไปได้นะคะ ก็อยากให้มีคนกลางที่มีเหตุและผลมากเพียงพอมาคุยกัน แต่อย่างที่บอกตอนนี้คุยไปก็เหมือนเดิม ทุกอย่างมันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเลย ส่วนตัวก็รู้สึกแย่นะ เพราะว่าสิ่งที่เขาพูดมันไม่เป็นความจริง รู้สึกไม่ดี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Gallery ที่เกี่ยวข้อง

เปิดใจ “กานต์-เสือ-อีฟ” วางแผนส่ง “เสก” เข้ารพ. หลังเป็นไบโพล่าร์ระยะสุดท้าย

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.daradaily.com/news/109438/read
ขอขอบคุณ : https://www.daradaily.com/news/109438/read