Nirvana จาก นิพพาน สู่การล่วงละเมิด ศิลปะและสิทธิส่วนบุคคล


ให้คะแนน


แชร์

แต่สำหรับท่านใดที่ “คุ้นเคย” กับ “ภาพนี้” ในฐานะหมุดหมายอันสำคัญยิ่งของวงการดนตรียุค 90 บางที… “คุณ” อาจรู้แล้วว่า “เรา” กำลังชวน “คุณ” มาอ่านเรื่องอะไรกันในวันนี้?

ในด้านหนึ่ง “ภาพนี้” ถูกบรรดาแฟนเพลงตีความว่ามันคือความพยายามจงใจเสียดสี “ความบริสุทธิ์และไร้เดียงสาที่กำลังถูกล่อลวงด้วยอำนาจของเงินตรา”

และ… “การรับรู้ถึงสิ่งที่ศิลปินจะต้องเผชิญในเรื่องความขัดแย้งระหว่างความถูกต้องของศิลปะและความสำเร็จในระดับโลก”

หรือไม่ก็...“มันคือการสรุปบริบททางสังคมที่เร่งเร้าและกดดันให้ผู้คนต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อไล่ล่าเงินตราตั้งแต่ออกจากครรภ์ไปตราบจนเวลาสุดท้ายแห่งชีวิต”

แต่ในอีกมุมที่ต่างไปอย่างสุดขั้ว “ภาพนี้” กลับถูกกล่าวหาว่า “เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศและการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก”

ว่าแต่…อ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว “คุณ” มีความคิดเห็นต่อภาพนั้นอย่างไร?

แต่เดี๋ยวก่อน!…อย่าเพิ่งเฉลย “คุณ” ลองทดความคิดเห็นที่มีต่อภาพนั้นเอาไว้ในใจ แล้วกวาดสายตาอ่านในบรรทัดต่อไปและต่อๆ ไปกันก่อน

คู่กรณี : Nirvana VS. Spencer Elden

With the lights out, it’s less dangerous
Here we are now, entertain us…

Nirvana = เคิร์ต โคเบน (Kurt Cobain), คริสต์ โนโวเซลิกซ์ (Krist Novoselic), เดฟ โกรห์ล (Dave Grohl)

ปลายปี 1991 “Nevermind” สตูดิโออัลบั้มที่ 2 ของวงดนตรี 3 ชิ้นแห่งซีแอตเทิล ภายใต้นาม “Nirvana” ที่มาพร้อมกับ เสียงกรีดร้อง ความดิบ หมองหม่น โกรธกริ้ว ขมขื่น และเสียงกีตาร์แตกพร่าเล่น 4 คอร์ดสลับไปมา สร้างปรากฏการณ์ที่เรียกว่าอะไรดีล่ะ?

พังก์ร็อก, ซีแอตเทิลซาวด์, อัลเทอร์เนทีฟ, กรันจ์

จนสามารถ…พิชิตเหล่าชาวร็อก “Hairband” ที่กำลังยึดครองตลาดดนตรีโลกมาตั้งแต่ยุค 80 ต่อเนื่องมาจนถึง ณ เวลานั้น ให้ร่วงลงจากบัลลังก์และสาบสูญแทบจะสิ้นพันธุ์ไปอย่างเหลือเชื่อ!

และนั่นรวมถึงวัฒนธรรมการดูคอนเสิร์ต ที่ได้ถูกเปลี่ยนถ่ายจากการ “โยกหัวพร้อมอ้าปากค้างตื่นตะลึงไปกับการระดมพรมนิ้วบนคอกีตาร์” ไปสู่การ “กระโดดสุดเหวี่ยง” อย่างสมบูรณ์อีกด้วย!

โดยนอกจาก Nevermind จะสามารถทำยอดขายได้ชนิดถล่มทลายถึงมากกว่า 30 ล้านก๊อบปี้ทั่วโลก รวมถึงกวาดรางวี่รางวัลอะไรต่อมิอะไรอย่างมากมายแล้ว มันยังกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของโลกดนตรีที่ค่ายเพลงต่างๆ ต้องรีบวิ่งแข่งกันไปที่ซีแอตเทิล เพื่อหาวงที่เล่นแนวๆ นี้ กวาดต้อนมาเข้าค่าย เพื่อหวังปั๊มเงินให้ทันกับกระแสดนตรีที่กำลังบูมและยึดครองทศวรรษนั้นเอาไว้ได้อย่างสิ้นเชิงด้วย!

Come as you are, as you were
As I want you to be
As a friend, as a friend…

อดีตทารก 4 เดือน (ณ เวลานั้น) บนหน้าปกอัลบั้ม Nevermind ที่ในเวลาต่อมาอ้างว่า พ่อและแม่ของเขา ได้รับค่าจ้างเพียงประมาณ 250 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อแลกกับการที่ให้ตัวเขาเปลือยเปล่าดำน้ำไล่คว้าธนบัตร 1 ดอลลาร์ ที่ถูกเกี่ยวอยู่กับสายเบ็ดเพื่อถ่ายรูปเป็นเวลาประมาณ 15 วินาที ในปี 1991

โดยปัจจุบัน สเปนเซอร์ เอลเดน ศิลปินและนายแบบ ที่อาศัยอยู่ในนครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา วัย 30 ปี ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ตัวเขาไม่เคยแม้แต่จะนึกอยากจะกระโดดเมื่อได้ยินท่อนริฟฟ์กีตาร์เพลงระดับตำนานของอัลบั้ม Nevermind อย่าง Smells Like Teen Spirit เหมือนใครๆ หลายคนเลยแม้แต่น้อย

เอาล่ะ…มาถึงบรรทัดนี้ “คุณ” ยังจำสิ่งที่ทดไว้ในใจ ได้ใช่ไหม?

“มันเป็นความรู้สึกแปลกประหลาดเอามากๆ กับการที่ได้กลายไปเป็นแรงขับเคลื่อนให้กับคนอื่น รวมถึงตัวเองยังต้องจมปลักอยู่กับเรื่องอะไรแบบนี้ไปด้วย” สเปนเซอร์ เอลเดน ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร TIME ในปี 2016

และอาจด้วยเพราะความรู้สึก “หม่นหมอง” นี่เอง มันจึงได้นำไปสู่การตีความภาพปกอัลบั้ม Nevermind ว่า เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศและการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก และฟ้องร้องต่อศาลลอสแอนเจลิสในเดือนสิงหาคมปี 2021 เพื่อเรียกค่าเสียหาย ชดเชยต่อสิ่งที่เรียกว่า…

ตัวตนและชื่อตามกฎหมายของเขาผูกติดอยู่กับการแสวงหาประโยชน์ทางเพศเชิงพาณิชย์ในสมัยที่ยังเป็นผู้เยาว์ ซึ่งมีทั้งจำหน่ายไปแล้วและยังมีวางจำหน่ายทั่วโลก ตั้งแต่ยังเป็นทารกจวบจนกระทั่งจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีความจงใจผลิต ครอบครอง และโฆษณาภาพลามกอนาจารเด็กในเชิงพาณิชย์ของตัวเขา เพียงเพื่อแลกกับผลประโยชน์

จนกระทั่ง…ภาพลักษณ์อันน่าอับอายนี้ ทำให้ตัวเขาเกิดความทุกข์ใจอย่างแสนสาหัสในแบบชนิดไม่มีวันลืมเลือน และยังนำไปสู่การสูญเสียความสามารถในการสร้างรายได้ตลอดชีวิต รวมถึงความเพลิดเพลินใจต่อการใช้ชีวิตอีกด้วย

โดยอดีตทารกผู้ร่วมเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของวงการดนตรีแบบไม่ตั้งใจและทนาย ได้เรียกเงินจากสมาชิกที่ยังเหลือของ Nirvana อย่าง คริสต์ โนโวเซลิกซ์, เดฟ โกรห์ล, คอร์ทนีย์ เลิฟ (Courtney Love) ภรรยาของ เคิร์ต โคเบน Frontman และศาสดาแห่งกรันจ์ผู้ล่วงลับ เคิร์ด เว็ดเดิล (Kirk Weddle) ช่างภาพที่ทำหน้าที่ถ่ายปกอัลบั้ม Nevermind และ บริษัทยูนิเวอร์แซล มิวสิก กรุ๊ป (Universal Music Group) รายละ 150,000 ดอลลาร์สหรัฐ และร้องขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามทุกฝ่ายเข้าไปมีส่วนร่วมในการกระทำและการปฏิบัติที่ผิดต่อกฎหมาย นั่นคือ ห้ามนำรูปเปลือยของเขามาใช้เป็นหน้าปกเพื่อวางจำหน่ายอัลบั้ม Nevermind อีกต่อไป

“มันเป็นเรื่องยากที่จะไม่รู้สึกโกรธเมื่อได้ยินว่ามีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากแค่ไหน นอกจากนี้ ผมเคยไปเล่นเบสบอลแล้วจู่ๆ ดันเกิดคิดขึ้นมาว่า ทุกคนๆ ในที่นี้อาจเคยเห็นอวัยวะเพศของผมมาแล้วก็ได้ มันช่างเป็นความรู้สึกที่ไม่ต่างอะไรกับการถูกละเมิดสิทธิความเป็นมนุษย์จริงๆ”

อ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว…ในมุมของ สเปนเซอร์ เอลเดน ตรงกับสิ่งที่ “คุณ” ทดไว้ในใจตั้งแต่เห็นภาพของเขาสมัยเป็นทารกหรือไม่?

แล้วในมุมของเจ้าของผลงาน “Nevermind” ที่ต้องกลายมาเป็น “จำเลย” ในคดีนี้ล่ะ พวกเขาต่อสู้กับข้อกล่าวหาทั้งหมดนี้อย่างไร?

ก็ว่าจะชวน “คุณ” คุยต่อนะแต่นี่มันก็ยืดยาวมาเสียหลายบรรทัดแล้ว เอาไว้… “เรา” มาคุยต่อในตอนต่อไปวันพรุ่งนี้ดีกว่า!

อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ 

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/scoop/culture/2283595
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/scoop/culture/2283595