Nirvana จาก นิพพานสู่การล่วงละเมิด ศิลปะและสิทธิส่วนบุคคล (EP.2)


ให้คะแนน


แชร์

วันนี้… “เรา” มาร่วมกันรับฟังการตั้งคำถามกลับ ของ “ทนายจำเลย” และนำไปสู่การยื่นคำร้องต่อศาลลอสแอนเจลิสให้ “จำหน่ายคดีนี้” กันดูบ้าง?

1. จากการตีความของทนายทีม Nirvana กฎหมายสื่อลามกเด็กของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีกรอบระยะเวลาสำหรับเปิดทางให้ “เหยื่อ” สามารถดำเนินการฟ้องร้องเพียง 10 ปี นั่นจึงทำให้สิทธิที่ สเปนเซอร์ เอลเดน จะสามารถดำเนินการฟ้องร้องควรจะหมดสิ้นลงไปแล้ว และในช่วงระยะเวลาเกือบ 30 ปี ที่ผ่านมา มิสเตอร์สเปนเซอร์ เอลเดน เองก็ไม่เคยมีท่าทีว่าจะใช้สิทธิดังกล่าวอีกด้วย

จากเหตุผลที่ว่า…อัลบั้ม Nevermind ออกวางจำหน่ายในช่วงปลายปี 1991 และมียอดขายสูงสุดรวมถึงมีชื่อเสียงไปทั่วโลกไม่เกินปี 1992 นอกจากนี้ตามคำให้การของ สเปนเซอร์ เอลเดน ระบุว่า เขารู้ตัวว่าคือเด็กทารกบนหน้าปกอัลบั้ม Nevermind และตระหนักได้ถึงการ “ถูกล่วงละเมิด” และ “ความเจ็บปวด” ต่างๆนานา ในปี 2011 ซึ่งในแต่ละห้วงเวลา มีระยะเวลาเนิ่นนานนับเป็น 10 ปี แต่ มิสเตอร์สเปนเซอร์ เอลเดน มิได้แสดงท่าทีใดๆ ที่จะใช้สิทธิในการฟ้องร้องเลย

2. เป็นความจริงแค่ไหนที่ว่า…ตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปี นับตั้งแต่อัลบั้ม Nevermind ถูกเทลงแผง โจทย์คือ สเปนเซอร์ เอลเดน ประสบทั้งสภาพจิตใจย่ำแย่และไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ จากการไปปรากฏตัวบนปกอัลบั้มเพลงที่โด่งดังที่สุดอัลบั้มหนึ่งของโลก?

โดย ทีมทนาย Nirvana ได้หยิบยกหลักฐานหลายชิ้นระบุไว้ในคำร้องประกอบด้วย

สเปนเซอร์ เอลเดน เคยถ่ายรูปตัวเองเลียนแบบปกอัลบั้ม Nevermind หลายต่อหลายครั้ง แถมยังได้รับเงินเป็นการตอบแทนด้วย

สเปนเซอร์ เอลเดน มีรอยสักคำว่า Nevermind ไว้ที่หน้าอก

สเปนเซอร์ เอลเดน ไปปรากฏตัวในรายการทอล์กโชว์ชื่อดัง พร้อมกับเสื้อที่มีภาพล้อเลียนหน้าปกอัลบั้ม Nevermind

สเปนเซอร์ เอลเดน เซ็นชื่อตัวเองลงบนปกอัลบั้ม Nevermind แล้วนำไปประมูลขายใน eBay

สเปนเซอร์ เอลเดน เคยพยายามใช้ความเป็นคนดังในฐานะ “Nevermind Baby” เพื่อพยายามหาทาง “เต๊าะหญิง”

3. และเป็นความจริงหรือไม่ที่ทารกเปลือยบนหน้าปก Nevermind เข้าข่ายภาพอนาจารเด็ก?

ทีมทนาย Nirvana โต้แย้งว่าภาพปกดังกล่าว ไม่ถือว่าเข้าข่ายภาพอนาจารเด็ก พร้อมทั้งได้มีการอ้างอิงแนวคำพิพากษาในคดีคดีหนึ่ง เมื่อปี 1994 ซึ่งปรากฏว่า “ไม่มีคณะลูกขุนแม้แต่คนเดียว” ที่มองว่า งานศิลปะภาพเปลือย ของ “ปีแยร์-โอกุสต์ เรอนัวร์” ศิลปินแนวอิมเพรสชันนิสต์ (Impressionist) เป็นการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ หรือเข้าข่ายผิดกฎหมายภาพอนาจารเด็กด้วย

นอกจากนี้ หากใช้หลักเกณฑ์ที่ สเปนเซอร์ เอลเดน อ้าง มันจะเท่ากับว่า จะมีชาวอเมริกันนับล้านๆ คนที่ซื้ออัลบั้ม Nevermind พลอยฟ้าพลอยฝนกระทำความผิดฐานครอบครองภาพอนาจารเด็กไปด้วย!

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในประเด็นนี้ คือ กฎหมายแสวงหาประโยชน์ทางเพศเชิงพาณิชย์ในผู้เยาว์นั้น มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2003 ด้วยเหตุนี้ จึงไม่อาจมีผลบังคับใช้ย้อนหลัง ในกรณีของ อัลบั้ม Nevermind ที่ถูกเทลงแผงในปี 1991 อีกด้วย!

เอาละ! “เรา” คิดว่าอ่านกันมาถึงบรรทัดนี้ สิ่งที่ “คุณ” ตีความและทดไว้ในใจมาตั้งแต่การอ่านในตอนแรก ควรจะต้องถูกหยิบมาทำงานได้แล้ว เพื่อ “เพิ่มอรรถรส” ในการอ่านเรื่องนี้ได้หลากหลายมิติมากยิ่งขึ้น

เอาล่ะ…“เรา” ไปกันต่อดีกว่า เมื่อถูกตอบโต้มาแบบนี้ ทนายของ สเปนเซอร์ เอลเดน ชี้แจงกลับ ทีมทนาย Nirvana อย่างไรบ้าง?

ความจงใจให้ภาพปกอัลบั้ม Nevermind กระตุ้นอารมณ์ทางเพศ?

เหตุผลประกอบ :

1. การนำธนบัตรดอลลาร์เข้ามาอยู่ในรูป ทำให้ทารกดูราวกับเป็น “ผู้ค้าบริการทางเพศ”

2. อ้างอิงบันทึกส่วนตัวของ “เคิร์ท โคเบน” ซึ่งต่อมาถูกนำมาตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Riverhead Books ในปี 2002 ที่ช่วงหนึ่งมีการเปิดเผยถึง “ภาพร่างปกอัลบั้ม” ที่วาดโดย Frontman ของ Nirvana ซึ่งส่อไปในทางกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ จากการที่มีน้ำอสุจิปรากฏ ซึ่งตอกย้ำว่า Nirvana อาจต้องการสื่อเรื่องการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ

3. บันทึกส่วนตัวของ “เคิร์ท โคเบน” ชิ้นนี้ ยังระบุด้วยว่า เคิร์ด เว็ดเดิล (Kirk Weddle) ช่างภาพที่ทำหน้าที่ถ่ายปกอัลบั้ม Nevermind จงใจยั่วยุให้เกิดการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศกับผู้ที่พบเห็น ด้วยการพยายามทำให้ ทารกน้อย สเปนเซอร์ เอลเดน “เกิดอาการอ้าปากสำราก (Gag reflex)” ก่อนจะโยนเขาลงไปสระน้ำ และพยายามให้อยู่ในท่าที่จะเห็นอวัยวะเพศได้อย่างชัดเจน

4. สเปนเซอร์ เอลเดน ยืนยันว่า พ่อและแม่ของเขาไม่เคยลงนามอนุญาตให้มีการใช้รูปเปลือยของเขาอย่างเป็นทางการ อีกทั้ง วง Nirvana ยังรับปากด้วยว่า จะหาทางปิดบังอวัยวะเพศของเขาตอนนำไปใช้เป็นหน้าปกอัลบั้มด้วย ซึ่งการกระทำเช่นนี้ ทางทนายของ สเปนเซอร์ เอลเดน ตีความว่า เป็นความพยายามใช้ภาพเปลือยของทารกน้อย สเปนเซอร์ เอลเดน “เพื่อหวังเรียกร้องความสนใจจากสื่อและกระตุ้นยอดขาย ตามแผนการโปรโมตอัลบั้ม Nevermind”

ไม่ได้รับผลกระทบจากการเป็น Nevermind Baby จริง?

เหตุผลประกอบ :

ทนายของ สเปนเซอร์ เอลเดน แก้ต่างว่า แม้ว่าเขาจะเคยถ่ายรูปเลียนแบบภาพปกอัลบั้ม Nevermind ในวันครบรอบ 10 ปี 17 ปี และ 20 ปี มาแล้วตามลำดับ แต่มันเป็นการถ่ายรูปโดยที่ตัวเขาสวมกางเกงไม่ได้อยู่ในสภาพเปลือย

คดีนี้ควรหมดอายุความไปแล้ว

เหตุผลประกอบ :

ภาพนี้ถูกถ่ายและนำไปใช้เป็นปกอัลบั้ม Nevermind ในตอนที่ สเปนเซอร์ เอลเดน ยังเป็นทารกอายุเพียง 4 เดือน!

นอกจากนี้ อัลบั้ม Nevermind ยังคงถูกผลิตออกมาขายซ้ำๆ หลายต่อหลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในวาระเฉลิมฉลอง 10 ปี 20 ปี และล่าสุด 30 ปี และจวบจนถึงปัจจุบันในระบบสตรีมเพลงต่างๆ ก็ยังคงปรากฏภาพเปลือยของ สเปนเซอร์ เอลเดน ด้วย ด้วยเหตุนี้ สเปนเซอร์ เอลเดน จึงยังคงตกเป็น “เหยื่อ” ของรูปอนาจารดังกล่าว มาอย่างต่อเนื่อง “ไม่ว่ามันจะถูกผลิตขึ้นมานานแค่ไหนแล้วก็ตาม”

“ผมคิดว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ บางทีคนเดียวที่อาจสามารถเข้าใจ สเปนเซอร์ เอลเดน ได้ก็คือ ตัวของ สเปนเซอร์ เอลเดน เอง สิ่งสำคัญคือต้องอย่าลืมว่า เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในตอนที่เขายังเป็นทารก บางทีมันจึงต้องใช้เวลานานเป็นทศวรรษกว่าที่จะตระหนักเรื่องผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด มันจึงไม่ควรยึดถือในสิ่งตัวเขาเคยแสดงออกถึงความรู้สึกเชิงบวกหรือคลุมเครือเกี่ยวกับภาพปก Nevermind ก่อนหน้านี้”

ทนายความของ สเปนเซอร์ เอลเดน สรุป

อย่างไรก็ดีแม้ว่า…สเปนเซอร์ เอลเดน และทนาย ยืนยันว่าพร้อมที่จะต่อสู้ในคดีนี้เต็มที่แต่สิ่งที่ค่อนข้างแปลก คือ การไม่ยอมยื่นคัดค้าน “คำร้องให้จำหน่ายคดี” ของฝ่ายทีม Nirvana จนเลยกำหนดวันที่ 30 ธันวาคมปีที่แล้วไปอย่างง่ายดาย

นอกจากนี้ในวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา ศาลลอสแอนเจลิส ยังได้มีคำสั่ง “ยกฟ้อง” คดีดังกล่าว เนื่องจากฝ่ายโจทก์ไม่ได้นำเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่จำเป็นในการสู้คดีมาขึ้นศาลเพื่อพิจารณาคดีนี้กับฝ่ายจำเลยตามระยะเวลาที่กำหนด

หากแต่…ศาลยังให้เวลาทนายของ สเปนเซอร์ เอลเดน จนถึงวันที่ 13 มกราคม สำหรับการยื่นคำร้องแก้ไขครั้งที่ 2 แต่หากถึงกำหนดแล้ว ทนายของ สเปนเซอร์ เอลเดน ยังไม่สามารถดำเนินการได้ คดีนี้ก็จะถูกยกเลิกและไม่สามารถยื่นฟ้องร้องได้อีกไปโดยปริยาย

What else could I say?
Everyone is gay

What else could I write?
I don’t have the right

What else should I be?
All apologies

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/scoop/culture/2284572
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/scoop/culture/2284572